ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 280.3 ตอนพิเศษ มีกับดัก (3)
ยามนี้จึงเป็นโอกาสทองที่คนอื่นๆ จะได้รับความโปรดปราน โหยวซื่อเดิมทีหวาดกลัวเฉินจื่อหลิงอยู่ อย่างไรเสียก็ถูกการกระทำในวันแรกของฮูหยินคนใหม่ทำเอาตกอกตกใจมาก
แต่พอแอบสังเกตมาสองวัน นางพบว่าฮูหยินคนใหม่คล้ายไม่ได้สนใจอะไรต่อบรรดาอนุที่สวนตะวันตกเลยสักนิด ทั้งไม่ได้จงใจไปกลั่นแกล้ง กระทั่งการให้อนุไปคำนับในทุกๆ เช้าเย็นก็ยกเลิกไป ส่วนเรื่องในเรือนหลัง หลายสิบปีมานี้มีกลุ่มของผู้ดูแลซ่งพากลุ่มคนรับใช้เก่าแก่มาจัดการเหมือนทุกที ฮูหยินคนใหม่ผู้นี้หลังจากเข้าจวนมาก็ไม่ได้ทำลายระเบียบปฏิบัติเดิมไป เอากุญแจโกดังหลายแห่งมาถือไว้ตามภาพลักษณ์ ภายใต้การจัดการของผู้ดูแลซ่ง รวบรวมบรรดาผู้ดูแลเรือนทั้งในทั้งนอกมาให้เห็นหน้าค่าตา นอกจากนี้แล้ว เรื่องอาหารการกินส่วนใหญ่ก็ยังคงโยนให้ผู้ดูแลซ่งและคนอื่นๆ เหมือนเก่า อย่างมากก็แค่ถามสองสามคำ
ฮูหยินนางนี้ เรื่องใหญ่ที่สุดในแต่ละวันก็แค่ส่งคนรับใช้ที่ตามเข้าจวนมาด้วยไปรวบรวมหนังสือมากมายหลายประเภทมาจากร้านหนังสือของเจียงเป่ย วางไว้ในห้องนอนฆ่าเวลา ได้ยินว่า ทุกครั้งที่คนรับใช้หอบหนังสือพวกนั้นกลับเรือนหลัก สีหน้าอี๋ซื่ออ๋องดูไม่ค่อยได้นัก คงไม่ใช่หนังสือดีๆ ที่สตรีออกเรือนแล้วควรอ่านแน่ๆ
เช่นนั้นแล้ว ดูๆ ไปก็เหมือนคนที่ไม่ชอบดูแลจัดการเรื่องราว ดียิ่งนัก บรรดาอนุแต่ละคนต่างโล่งใจ ความตกใจจากการกระทำของเฉินจื่อหลิงก็มลายหายไป
ยามนี้ โหยวซื่อสังเกตคำพูดและสีหน้าก็รู้ว่าซื่ออ๋องไม่ค่อยอยากจะไป จึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างปากหวานว่า “นายท่านให้ผู้ดูแลซ่งเชิญฮูหยินมาเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียนายหญิงก็เป็นสตรีชั้นสูงที่ถูกพระราชทานสมรสให้ เพิ่งจะแต่งงานใหม่ก็ทำลายความสัมพันธ์กับนายท่านแล้ว ลือไปถึงเมืองหลวง จะเหมือนว่านายท่านไม่ชอบการจัดการของบรรดาชนชั้นสูง ตบหน้าชนชั้นสูงเอานะเจ้าคะ…แล้วคนที่ไม่สบายใจมิใช่นายท่านหรอกหรือ” หมิงเหนียงอาศัยที่ตัวเองได้รับความโปรดปรานอย่างรวดเร็วกลายเป็นนกโผล่หัว ถูกปืนยิงตกลงมา โหยวซื่อกลับฉลาดอยู่บ้าง
อี๋ซื่ออ๋องคิ้วกระตุก บีบคางโหยวซื่อไว้ “เจ้านี่มันรู้จักเข้าใจสถานการณ์ใหญ่อย่างแท้จริง คิดแทนข้าก็เป็นด้วย”
โหยวซื่อไม่ทันจะได้ถ่อมตนกลับเห็นอี๋ซื่ออ๋องสีหน้าหงุดหงิด คล้ายตัดสินบางอย่างได้ มุมปากปรากฏรอยยิ้มปลิ้นปล้อน เชยคางแหลมๆ คล้ายสว่านของโหยวซื่อขึ้นมา “เช่นนั้นเจ้ายินดีทำเรื่องหนึ่งให้ข้าหรือไม่”
โหยวซื่อรีบสาบานเสียงอ่อนเสียงหวานทันที “จะบุกน้ำลุยไฟล้วนได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
อี๋ซื่ออ๋องก้มหน้าไปหา สั่งการคำรบหนึ่ง
โหยวซื่อฟังแล้วนิ่งอึ้ง เอ่ยติดๆ ขัดๆ ว่า “นี่…หากฮูหยินรู้เข้า…”
“รู้แล้วอย่างไร ข้าให้ท้ายเจ้าอยู่!” อี๋ซื่ออ๋องมั่นอกมั่นใจสุดขีด
โหยวซื่อยังคงหวาดหวั่น “แต่ว่า…อย่างไรเสียนั่นก็คือฮูหยิน…”
“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งจะบอกว่าบุกน้ำลุยไฟล้วนทำเพื่อข้าได้ทั้งนั้นมิใช่หรือ! เจ้ากลัวนางหรือว่ากลัวข้ากันแน่” อี๋ซื่ออ๋องสีหน้าหงุดหงิด
โหยวซื่อเห็นซื่ออ๋องใกล้จะเดือดดาลเต็มที จึงยกกระโปรงลุกขึ้นไปทันที
อี๋ซื่ออ๋องพอใจยิ่ง เงยหน้าขึ้นเอ่ยเสียงดังกับผู้ดูแลซ่งที่อยู่นอกหน้าต่างว่า “ไป เรียกฮูหยินให้ไปห้องโถงเถิด”
ภายในห้องโถง สุราเซ่นไหว้บรรพบุรุษเตรียมไว้เรียบร้อย
ผู้ดูแลซ่งให้คนไปตามที่เรือนหลัก เฉินจื่อหลิงจึงพาตงเอ๋อร์มา
ครู่ต่อมา อี๋ซื่ออ๋องจึงมาอย่างเชื่องช้า มองเฉินจื่อหลิงแวบหนึ่งเอ่ยทักทายก่อนอย่างหาได้ยากยิ่ง “แข้งขาไวเสียจริง มาแล้วมัวยืนทำอะไร นั่งลงสิ”
เฉินจื่อหลิงดึงแขนเสื้อตงเอ๋อร์เบาๆ “วันนี้เขาไม่ได้กินยาหรือ”
ตงเอ๋อร์ก็มองออกเช่นกันว่าไม่ปกติ มาอยู่ที่นี่ได้หลายวันแล้ว เป็นครั้งแรกที่ซื่ออ๋องสุภาพอ่อนโยนราวกับลมวสันต์พัดโชยสายฝน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายวันมานี้ ทุกๆ วันจะเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง แม้ตอนกลางคืนจะมานอนที่เรือนหลักเหมือนเดิม แต่ก็เหมือนกับวันนั้นที่ให้คนหอบฎีกามากมายเข้ามาในห้องทำงานด้านนอก แต่เมื่อเทียบกับวันแรกแล้ว ซื่ออ๋องเรียกได้ว่ายอมรับในชะตาชีวิตแล้ว ไม่ฮึดฮัดอีก เหนื่อยมากๆ จนทนไม่ไหวก็ปีนขึ้นตั่งไม้ยาวไปนอน…ดูท่าแล้วคงคร้านจะไปทะเลาะแตกหักกับคูณหนู จึงรอให้สวนประทุมซ่อมแซมเสร็จ
ผู้ดูแลซ่งส่งสุราที่เตรียมไว้ไปให้สองสามีภรรยา
บนโต๊ะมีป้ายอายุยืนของอี้หยางอ๋องและพระชายาตั้งไว้เรียบร้อย
ทั้งสองยกจอกขึ้น ไหว้ไปทางป้ายอายุยืน แล้วนั่งยังตำแหน่งหลัก บรรดาคนรับใช้ที่อยู่หน้าประตูต่างพากันคุกเข่ากราบไหว้อวยพรแสดงความยินดี
ท่ามกลางเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ ตงเอ๋อร์เห็นสาวใช้นางหนึ่งแอบคลานเข้ามาจากด้านหลังผู้คน พูดกับอี๋ซื่ออ๋องสองสามประโยค
สาวใช้พูดจบ อี๋ซื่ออ๋องก็โบกมือ
สาวใช้หันหลังจากไป มองมาทางเฉินจื่อหลิงคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้ตั้งใจ สบตาเข้ากับตงเอ๋อร์พอดี นึกไม่ถึงว่าทั่วร่างจะสั่นเทา รีบก้มหน้าลง เร่งฝีเท้าคล้ายมีเรื่องอับอายบางอย่าง
ตงเอ๋อร์คิดอยู่ในใจ บอกความลับกับคุณหนูว่า “คุณหนู สาวใช้นางนั้นเหมือนจะเป็นคนของโหยวซื่อที่สวนตะวันตกนะเจ้าคะ”
เฉินจื่อหลิงก็เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเช่นกัน จู่ๆ นางก็ลุกขึ้นพรวด ลากตงเอ๋อร์เดินไปด้านนอกโถง “แย่แล้ว มีกับดัก”
เฉินจื่อหลิงพอกลับมาที่เรือนหลัก แม่บ้านกับสาวใช้ที่รับใช้อยู่ที่นี่ในทุกๆ วันกลับยืนอยู่ระเบียงด้านนอก เหมือนได้รับคำสั่งมา
ตงเอ๋อร์รู้แจ้งแก่ใจว่าลางสังหรณ์ของคุณหนูถูก จึงรีบตวาดขึ้นว่า “เหตุใดพวกเจ้าจึงวิ่งออกมากันหมด!”
พวกนางอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่มีใครกล้าตอบ
เฉินจื่อหลิงคร้านจะถามให้มากความ นางผลักทุกคนออก สาวเท้าเข้าไปในห้องนอน กวาดตามองไปสังเกตเห็นว่าในห้องโดนคนรื้อค้น
ในใจนางกระตุกเต้นตึกตัก เดินไปใกล้ราวแกะสลักลายดอกไม้ข้างเตียงก่อนตามสัญชาตญาณ หยิบหมอนไหมปักลายเป็ดแมนดารินใบหนานุ่มขึ้นมา ด้านล่างว่างเปล่า สีหน้าก็พลันเปลี่ยน กริชเล็กของนางหายไป
ตงเอ๋อร์ยามนี้ก็รีบเข้ามาเช่นกัน เห็นเหตุการณ์ภายในห้องก็รู้ว่าสิ่งของที่คุณหนูกอดไว้กับอกทุกคืนราวกับชีวิตในหลายวันนี้หายไป ทันใดนั้นความเดือดดาลก็พลุ่งพล่าน หันหลังวิ่งออกไปดึงอาภรณ์ของแม่บ้านบนระเบียงมา “มีคนมาใช่หรือไม่ ดียิ่ง วันนี้ข้าจะดูซิว่า ในจวนแห่งนี้ใครมันกล้าบุกเข้ามาในห้องนอนนายหญิงเพื่อขโมยของ ไม่สนชีวิตแล้วใช่หรือไม่! สุนัขรับใช้อย่างพวกเจ้ายังจะเป็นคนทรยศด้วยสภาพอนาถๆ ช่วยคนนอกเฝ้ายามไว้อีกด้วยใช่หรือไม่”
แม่บ้านตัวสั่น อึกๆ อักๆ พูดอะไรไม่ออก คนรับใช้คนอื่นๆ ต่างพากันคุกเข่าลง เอ่ยอย่างตระหนกว่า “พวกเราไม่เกี่ยวนะเจ้าคะ!”
ตงเอ๋อร์ยิ้มเย็น “พวกเจ้าล้วนเป็นคนรับใช้ในเรือนหลัก ยามนี้ของส่วนตัวของฮูหยินหายไป จะไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าได้อย่างไร บอกมา! ใครมันเข้ามากันแน่!”
พวกคนรับใช้ทั้งโขกหัวทั้งคุกเข่า แล้วร้องไห้พลางเอ่ยพร้อมเพรียงกันว่า “แม่นางเสี่ยวหลานคนรับใช้ของโหยวซื่อจากสวนตะวันตกเพิ่งจะมาเจ้าค่ะ”
“ดี อนุนางหนึ่งส่งคนมารื้อค้นเรือนของฮูหยิน พวกเจ้าตายกันไปแล้วรึ นึกไม่ถึงว่าจะเปิดทางให้นาง ปล่อยให้นางไม่เห็นหัวกฎหมายเช่นนี้!” ตงเอ๋อร์โมโหยกใหญ่
สาวใช้ชราและบรรดาสาวใช้กำลังอ้ำๆ อึ้งๆ กันอยู่ เฉินจื่อหลิงก็ออกมาแล้ว เอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบราวกับตกลงสู่ถ้ำน้ำแข็งว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว ไปเอากลับมาก่อน” ยังต้องถามให้มากความอีกหรือ หากไม่ได้อ้างชื่อบุคคลที่สูงที่สุดในจวนแห่งนี้ โหยวซื่อจะใจกล้าบ้าบิ่นเพียงนี้หรือ บรรดาคนรับใช้ในเรือนหลักจะยอมได้อย่างไร
ตงเอ๋อร์เรียกผู้ดูแลนอกเรือนมาคนหนึ่ง คุมตัวคนรับใช้เหล่านี้ให้คุกเข่าลงโทษไว้ที่ลานบ้าน แล้วติดตามคุณหนูไปที่สวนตะวันตก
โหยวซื่อมองคนรับใช้นอกเรือนวั่งชุนที่เพิ่งได้รับคำสั่งจากนายท่านให้ปิดประตูเฝ้าเอาไว้ ได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น ประตูเล็กของลานบ้านถูกเตะเปิดออก
คนรับใช้ที่เฝ้าประตูตกใจจนถอยไปหลายฉื่อ[1] เพิ่งจะยกแขนเสื้อขึ้นหมายจะเอ่ยปากด่าว่าไอ้ไม่มีตาคนไหนกล้าบุกเข้ามาในเรือนท้ายเหมือนห้องนอนของฮูหยิน กลับเห็นคนนำหน้าเป็นฮูหยินจากเรือนหลักอย่างคาดไม่ถึง สีหน้าแม้จะเรียบนิ่งแต่ก็มีโทสะอยู่ไม่น้อย แต่ความเย็นเยียบทำเอาหนาวเสียดกระดูก กลืนคำด่าที่จะพ่นออกมาลงไป แล้วเท้าเอวไว้ เรียกกำลังใจตัวเอง แค่นเสียงว่า “โอ๊ะ ที่แท้ก็เป็นฮูหยินนี่เอง เหตุใดอยากจะมาก็มาเล่า ไม่ส่งคนมาบอกกันสักคำ พวกเราจะได้เปิดประตูรอต้อนรับ…”
———————————–
[1] ฉื่อ (หน่วยวัดจีน) ฟุต