ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 281.1 ตอนพิเศษ หนังสือหย่า (1)
ดูท่าแล้วอนุที่เลี้ยงไว้ในสวนตะวันตกเหล่านี้เมื่อก่อนคงได้รับความโปรดปรานจนเหลิงกันหมด ไม่รู้ถูกรู้ผิดเสียแล้ว กระทั่งคนรับใช้ก็สามารถยกหางสูงเทียมฟ้าได้ นี่เห็นว่าตั้งแต่คุณหนูเข้าจวนซื่ออ๋องมาไม่เคยไปจัดการนังแพศยาพวกนี้ที่สวนตะวันตก จึงคิดว่าฮูหยินที่เพิ่งเข้ามาใหม่เป็นคนที่รังแกได้ง่ายอย่างนั้นกระมัง
การเคลื่อนไหวอย่างถีบและตะโกนนั้นใหญ่โต ทำให้อนุด้านข้างตกอกตกใจ พาสาวใช้และแม่บ้านออกจากเรือนตนมา แอบกระซิบกระซาบกันพลางมองไปทางเรือนวั่งชุน
ตงเอ๋อร์เห็นพวกอนุท่าทางเหมือนดูละครสนุก กำลังจะตำหนิสองสามคำไล่ให้กลับไป เฉินจื่อหลิงกลับโบกมือห้าม
ตงเอ๋อร์กระจ่างแจ้งในเจตนาของคุณหนูทันที ให้คุณหนูตั้งใจหาเวลามารวบรวมอนุเหล่านี้สั่งสอนกฎของบ้าน สร้างความน่าเกรงขาม นางคร้านจะทำ ช่างเถิด อาศัยโอกาสนี้เชือดไก่ให้ลิงดูได้พอดี ตงเอ๋อร์คิดพลางไม่สนใจพวกอนุเหล่านั้น เดินเข้าไปสะบัดมือตบหน้าคนรับใช้ที่เฝ้าประตูเรือนวั่งชุนสองฉาด “มีที่ไหนในจวนซื่ออ๋องที่ฮูหยินเหยียบไม่ได้รึ ก่อนจะมายังต้องให้คนรับใช้มาบอกก่อนจึงจะมาได้”
ตงเอ๋อร์เกิดในจวนแม่ทัพ แต่เล็กจนโตเรียกได้ว่าไม่เคยกินเนื้อหมูก็เคยเห็นหมูวิ่งมาก่อน ติดตามคุณหนูมารู้จักทักษะขี่ม้ายิงธนู หอกทวนและกังฟู ตบหน้าไปสองหนเหมือนตบสตรีในบ้านอย่างไรอย่างนั้น อันที่จริงแอบเพิ่มแรงให้หนักขึ้นด้วย เห็นคนรับใช้เฝ้าประตูถูกตบจนหน้ามืดตาลาย มึนงงอยู่นานจึงได้สติขึ้น ได้ยินเสียงอนุรอบข้างร้องด้วยความตกใจ พอลูบดู เลือดไหลเต็มปาก ฟันหลุดออกมาซี่หนึ่ง เอ่ยด้วยความตกใจว่า “บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนี้…โอ๊ย เจ็บจะตายแล้ว…เหตุใดอยู่ดีๆ ฮูหยินจึงลงมือกับบ่าว…”
กำลังจะร้องขอความเป็นธรรม ทางอนุที่ใจกล้าหน่อยก็หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางขึ้นมาปิดปากไว้กึ่งหนึ่ง พึมพำด้วยเสียงที่ไม่ดังและเบาเกินไปว่า “แต่ก่อนนายท่านก็ไม่เคยหยาบคายกับพวกเราเช่นนี้…”
ตงเอ๋อร์ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของอนุนางนั้น ขาข้างหนึ่งถีบใส่หัวเข่าคนรับใช้คนนั้น “อยู่ดีๆ อย่างนั้นรึ เห็นฮูหยินแล้วโวยวายโหวกเหวก ไม่ไหว้ไม่คำนับ นี่เรียกว่าอยู่ดีๆ อย่างนั้นรึ”
คนรับใช้เฝ้าประตูหัวเข่ากระแทกเข้ากับพื้นหินอ่อนพอดี เจ็บจนเหงื่อเย็นผุดซึม ฮูหยินนางนี้ไม่ใช่คนยอมคนจริงๆ ด้วย และไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ขลุกตัวอยู่แต่เรือนหลักไม่สนใจเรื่องคนอื่น ไหนจะตงเอ๋อร์ที่จ้องพร้อมตะคลุบดั่งพญาเสือนี่เอง นางรีบร้องขอชีวิตว่า “บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวผิดไปแล้ว พี่ตงเอ๋อร์เมตตากันเถิด ไว้ชีวิตบ่าวด้วย” แล้วหันหลังกลับไปโขกหัวให้เฉินจื่อหลิงไม่หยุด “ฮูหยินโปรดไว้ชีวิตบ่าวสักครั้งเถิด!”
“เมื่อครู่หยิ่งทระนงทำผยองราวกับนายท่าน เหตุใดจึงไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเล่า ยามนี้ไว้ชีวิตเจ้า ปล่อยให้เจ้ามายโสใส่นายหญิง วันหน้ามีตัวอย่างแล้วจะเป็นการดีได้อย่างไร” ตงเอ๋อร์เหลือบมองบรรดาสาวงามรอบด้านที่หัวหดกลับ แต่ยังก็ยังรอให้คุณหนูลงโทษ
“จวนซื่ออ๋องเป็นสถานที่ที่ไม่มีผู้อาวุโสคอยดูแล เดิมทีก็ง่ายที่จะถูกคนว่าว่าภายในบ้านไม่สงบมั่นคง หากยังหละหลวมต่อไป ภายหน้าจะไม่ยิ่งโดนคนดูถูกเอาหรือ” เฉินจื่อหลิงเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง คนรับใช้สองคนกระจ่างแจ้งเอาตัวคนรับใช้เฝ้าประตูของเรือนวั่งชุนหิ้วไปเรือนปีกใต้ที่เอาไว้ปล่อยขายทาส
เฉินจื่อหลิงสายตาขยับไหว ตกลงบนร่างอนุที่เอ่ยสอดขึ้นเมื่อครู่
ตงเอ๋อร์มองตามสายตานายหญิงไป เอ่ยขึ้นเสียงดังว่า “เมื่อครู่คนที่บ่นด้วยความไม่พอใจ ออกมาพูดให้กระจ่างว่าที่บ่นพึมพำหมายความว่าอย่างไร คนที่นินทานายหญิงลับหลัง ไม่มีบ้านไหนปล่อยเอาไว้ได้!…เอ๋ ทำไมรึ ไม่ออกมาอย่างนั้นรึ ดี อนุผู้นี้แข้งขาชักช้า ใครก็ได้ ลากตัวนางออกมา!”
อนุนางนั้นไหนเลยจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนโหยวซื่อ ก็แค่แสดงความเสียใจต่อพันธมิตรจึงปากมากไปเท่านั้นเอง พอเห็นคนรับใช้สองคนนั้นเข้ามาหา นึกไปถึงคนรับใช้เฝ้าประตูที่โดนตบจนสภาพครึ่งคนครึ่งผีคนนั้น ร่างนางก็สั่นเทา โยนผ้าเช็ดหน้าทิ้ง “ผู้น้อยปากมากเกินไปเจ้าค่ะ ปากมากเกินไป! ผู้น้อยไม่มีความไม่พอใจใดเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดหรอกเจ้าค่ะ!”
เฉินจื่อหลิงสั่งคนรับใช้ให้หยุด สายตาตกลงบนริมฝีปากแดงเรื่ออ่อนนุ่มของอนุนางนั้น “ในเมื่อรู้ว่าผิดก็ช่างเถิด แต่ปากน่ะ ไม่ได้เอาใช้แค่กินข้าว คำพูดที่เอ่ยออกไปล้วนต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เอ่ยออกไปแล้วเสียใจภายหลังทุกครั้งแล้วจะปล่อยผ่านไปได้”
อนุนางนั้นกัดฟัน ยกนิ้วมือเรียวขึ้น ตบข่วนใบหน้าอ่อนนุ่มงดงามนั้น “ฮูหยินโปรดใจกว้าง! ต่อไปผู้น้อยจะคุมปากนี้ให้ดีเจ้าค่ะ”
เฉินจื่อหลิงรอให้นางตบจนกระหืดกระหอบจึงได้ยกมือขึ้น เอ่ยอย่างงดงามว่า “พอแล้ว ล้วนเป็นดวงใจของซื่ออ๋องกันทั้งนั้น ตีมากไป ซื่ออ๋องจะเจ็บปวด ทำสงครามแพ้มา ข้าก็ขายหน้าไปด้วย”
พระชายาซื่ออ๋องผู้นี้…อวดดียิ่ง! ประโยคนี้พูดเสียเหมือนนางต่างหากที่เป็นใหญ่ในจวนแห่งนี้ บรรดาอนุแอบสูดหายใจเย็น แต่ไม่กล้าพูดอะไร
อนุปากมากนางนั้นหน้าบวมแดงถูกแม่บ้านพยุงออกไป อนุคนอื่นๆ จากเหตุการณ์นี้ต่างเหมือนนกตื่นธนู ไหนเลยจะยังมีอารมณ์ดูละครกันอีก กลัวว่าเพลิงโทสะจะมาแผดเผาบนร่างตน ต่างพากันแยกย้ายไปอย่างเสียสติ
เฉินจื่อหลิงไล่พวกอนุไป รอต่อไปไม่ไหวแล้ว กำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ในขณะนั้นเอง ภายในเรือนก็มีสาวงามหยาดเยิ้มนางหนึ่งเดินออกมา สวมอาภรณ์ผืนบางสีเหลืองอ่อนลากพื้น กลิ่นหอมเข้มข้นทั่วร่าง ใบหน้างามรูปไข่อวบอิ่มพอเห็นแผ่นหลังคนรับใช้เฝ้าประตูของตัวเองถูกคนลากตัวออกไป คล้ายตกใจ แต่กลับเหมือนไม่ค่อยแปลกใจเท่าใดนัก ทำเพียงสาวเท้ามาหา คำนับให้ “เมื่อครู่ได้ยินเสียงคนโหวกเหวกด้านนอก ที่แท้ฮูหยินมานี่เอง…คนรับใช้เฝ้าประตูของหม่อมฉันผู้นี้ล่วงเกินฮูหยินเข้าใช่หรือไม่ ไอ้หยา ควรโบย! ควรลงโทษ!”
โหยวซื่อเห็นเฉินจื่อหลิงวางมาดเช่นนี้ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเพียงไม่นานนางก็มาหาแล้ว ไม่นึกเลยว่าเพื่อกริชเพียงเล่มเดียว จะบุกเข้ามาที่สวนตะวันตกโดยตรง แต่นึกไปถึงอี๋ซื่ออ๋อง ตนก็เกิดความกล้าหาญขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนายท่านก็ไม่พอใจสตรีนางนี้อยู่แล้ว และรับปากว่าจะปกป้องตน นางเป็นชายาหลวงที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แล้วอย่างไร ตนต่างหากที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับซื่ออ๋อง
ในขณะที่กำลังคิด โหยวซื่อเห็นเฉินจื่อหลิงสายตาเหลือบมองข้างกายตนรอบหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในห้องทันที
“ฮะ…ฮูหยิน…” โหยวซื่อตกใจ ยกกระโปรงเดินตามไป
เฉินจื่อหลิงเข้าห้องนอนมา กวาดตามองไปรอบๆ ตงเอ๋อร์กับคนรับใช้สองคนที่พามาด้วยก็ช่วยกันรื้อค้นหีบตู้
ครู่ต่อมา โหยวซื่อยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใด เฉินจื่อหลิงก็เดินมาหา หิ้วคอเสื้อนางไว้มือหนึ่ง “ของของข้าล่ะ”
โหยวซื่อยังปากแข็ง กัดฟันแน่น อึกอักว่า “ฮูหยินมะ…หมายถึงขะ…ของอะไร…”
เฉินจื่อหลิงปล่อยมือออก โหยวซื่อก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ยังไม่ทันได้สติ คอก็เย็นเยียบ พอมองไป มีดปอกผลไม้บนโต๊ะแปดเซียนไม่รู้ว่าถูกเฉินจื่อหลิงหยิบมาไว้ในมือตั้งแต่เมื่อใด
“ฮูหยินจะทำอะไรเจ้าคะ รอให้นายท่านมาก่อนค่อยว่ากัน…” โหยวซื่อขวัญกระเจิง ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เฉินจื่อหลิงมัดมือทั้งสองข้างของนางไว้ แล้วผลักลงกับพื้น
“ข้าไม่อยากถามเป็นครั้งที่สอง” เฉินจื่อหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมไม้มะฮอกกานีข้างโต๊ะแปดเซียน มือถือมีดปอกผลไม้ไว้แนวนอน กดอยู่บนคอเรียวระหงของโหยวซื่อ เสียงไม่ได้ลอยอวลกังวานอีก
นางโจรตัวเป็นๆ ชัดๆ โหยวซื่อนิ่งอึ้ง
คนรับใช้ของเรือนวั่งชุนพากันมาเพราะได้ยินข่าว เห็นฮูหยินท่าทางเชือดไก่ฆ่าวัวพลิกตลบทั้งห้อง ก็ตกอกตกใจยกใหญ่ เมื่อครู่ได้ยินข่าวเหตุการณ์ด้านนอกไหนเลยจะยังกล้าเกลี้ยกล่อม ทุกคนต่างหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไป แม่บ้านนางหนึ่งรีบหันหลังไปเรียกอี๋ซื่ออ๋องทันที
ใบมีดที่เปื้อนน้ำจากผลหลีเปียกชุ่มเนื้อนุ่มตรงลำคอระหง โหยวซื่อไม่กล้าเอาชีวิตมาเดิมพัน หวีดร้องไปทางคนรับใช้หน้าประตูใหญ่ว่า “เสี่ยวหลานเล่า ยังไม่เรียกเสี่ยวหลานมาอีก!”