ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 281.2 ตอนพิเศษ หนังสือหย่า (2)
พักใหญ่ต่อมา เสี่ยวหลานก็ตัวสั่นงันงกเข้ามาในห้อง
ตงเอ๋อร์ตำหนิว่า “ของของฮูหยินเล่า ยังไม่เอาออกมาอีก! อีกเดี๋ยวค่อยจัดการคนรับใช้ที่มีโทษอย่างพวกเจ้า!”
เสี่ยวหลานตกใจจนเหงื่อเปียกซ่ก มองโหยวซื่อแวบหนึ่ง “…มะ…โหยวซื่อให้บ่าวเอาไปทิ้งลงแม่น้ำข้างหินไท่หูในเรือนตะวันตกเฉียงใต้มิใช่หรอกหรือ…”
สระน้ำในเรือนตะวันตกของจวนซื่ออ๋องลึกมาก ทั้งยังเชื่อมต่อกับแม่น้ำลำธารทางธรรมชาติด้านนอกอีก ทิ้งลงไป เกรงว่าจะงมขึ้นมาไม่ได้แล้ว
ตงเอ๋อร์ถ่มน้ำลายใส่เสี่ยวหลานอย่างโหดเหี้ยม แล้วเอ่ยกับคุณหนูว่า “บ่าวจะรีบพาคนไปงมเดี๋ยวนี้ บางทีอาจจะยังไม่ไหลไป…”
เฉินจื่อหลิงแม้สีหน้าจะไม่มีอารมณ์ใดมาก แต่ดวงตากลมโตดำขลับทะมึนขึ้นไม่น้อย ใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ฝ่ามือก็คลายลง มีดปอกผลไม้ตกลง
โหยวซื่อผ่อนลมหายใจออกมา
ตงเอ๋อร์ทั้งสงสารทั้งโกรธเคือง โหยวซื่อผู้นี้ใจกล้ากำเริบเสิบสานยิ่ง เอ่ยว่า “ใครก็ได้ มัดโหยวซื่อเอาไว้ ลากไปเรือนปีกใต้ รอให้ฮูหยินจัดการ!”
ในขณะนั้นเอง หน้าประตูก็มีเสียงฝีเท้าของบุรุษและเสียงเคารพนบนอบของบรรดาคนรับใช้ลอยมา “ซื่ออ๋อง…”
โหยวซื่อเหมือนถูกนิรโทษกรรม บิดเอวบางๆ แทบจะขี้เยี่ยวราดคลานไปหา กอดรองเท้าของบุรุษที่ก้าวเข้าประตูมาเอาไว้ “นายท่านมาแล้วก็ดี รีบตัดสินให้ผู้น้อยด้วยนะเจ้าคะ!” แล้วหันไปมองตงเอ๋อร์อย่างเคียดแค้น “นายท่านกับฮูหยินไม่ได้เอ่ยอะไรกันสักคำ สาวใช้อย่างเจ้าก็มีสิทธิเอาปากแดงๆ ฟันขาวๆ มาจัดการข้าแล้วรึ เห็นตัวเองเป็นนายหรือไร…”
อี๋ซื่ออ๋องเข้ามาก็เห็นเฉินจื่อหลิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางห้องเป็นอย่างแรก เหมือนว่าจิตใจเหม่อลอย ความหงุดหงิดจากหลายวันมานี้หายวับไป เป้าหมายที่ทำให้นางได้เห็นดีเรียกได้ว่าบรรลุผลแล้ว แต่ก็ไม่อาจให้เขาสบายอกสบายใจได้คนเดียวกระมัง
กริชเล่มนั้นเป็นของล้ำค่าดั่งดวงใจของนางมิใช่หรือ ปู่กับพี่ชายเป็นคนมอบให้นางมิใช่หรือ เหมือนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไม่กอดไว้ก็จะนอนไม่หลับมิใช่หรือ
เขาดึงโหยวซื่อให้มาหา ซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากไว้ไม่มิด “ทำไมรึ โหวกเหวกโวยวายเชียว”
บงการให้อนุโยนของติดตัวสุดรักของคุณหนูทิ้งแท้ๆ ยังจะเสแสร้งทำไม่รู้อีก สามีคุณหนูผู้นี้นี่! ตงเอ๋อร์กัดฟัน ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นคุณหนูลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นชี้โหยวซื่อ “ข้าจะขายนาง” แล้วหันหน้าไปหาอี๋ซื่ออ๋อง “ทางข้าตัดสินใจแล้ว ซื่ออ๋องยินยอมก็พอ”
สายตาเป็นประกาย คิ้วงามขมวดเล็กน้อย ดวงตานางมีบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นบนใบหน้านางมาก่อน คล้ายข่มบางอย่างเอาไว้อยู่ ขนตางอนยาวขยับไหวเล็กน้อย
หึ มีการพัฒนา อย่างน้อยก็มีการถามความเห็นของตนแล้ว…แม้ว่าการขอความเห็นนี้ ฟังดูแล้วจะเหมือนกำลังข่มขู่กันอยู่ก็ตาม
อี๋ซื่ออ๋องลูบคาง ครู่ต่อมาก็หัวเราะเบาๆ บีบคางอนุไว้ “ทำไมรึ ล่วงเกินฮูหยินเข้าหรือ”
อย่างไรเสียซื่ออ๋องก็ต้องปกป้องตนอยู่แล้ว ขอแค่ผลักใครก็ได้ ให้อี๋ซื่ออ๋องมีเหตุผลมาปกป้องตนก็พอ โหยวซื่อร้องห่มร้องไห้ดั่งดอกหลีต้องฝน “เสี่ยวหลานสาวใช้ของหม่อมฉันมือเท้าสกปรก เอาของส่วนตัวของฮูหยินมา พอเรื่องแดงก็โยนลงไปในสระของเรือนท้าย เรื่องนี้โทษหม่อมฉันมิได้นะเพคะ หากจะลงโทษก็ต้องลงโทษเสี่ยวหลานคนเดียวก็พอ…”
อี๋ซื่ออ๋องรอยยิ้มยังไม่จางหาย “ในเมื่อเป็นสาวใช้ของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น ในเมื่อฮูหยินตัดสินใจไปแล้ว” พูดถึงตรงนี้ก็คลายมือลง ผลักโหยวซื่อให้ห่างกาย “ก็ตามแต่ใจฮูหยินแล้วกัน”
โหยวซื่อโซเซ คิดไม่ถึงว่าซื่ออ๋องจะกลับคำไม่ยอมรับ ไม่คิดจะปกป้องตนในช่วงเวลาสำคัญเลยสักนิด นางตะหวาดเสียงแหบเสียงแห้ง “นายท่านบอกว่าจะให้ท้ายหม่อมฉันมิใช่หรือ หากมิใช่นายท่านบ่งการ หม่อมฉันไหนเลยจะ…” คำพูดประจบสอพลอของสตรีไม่อาจเชื่อได้ฉันใด คำสัญญาของบุรุษก็ไม่อาจเชื่อได้ฉันนั้น!
“หุบปาก!” อี๋ซื่ออ๋องสีหน้าพลันเปลี่ยน สีหน้าเหยเกแดงเล็กน้อย “คนดีอย่างข้าไม่ทำเรื่องชั่ว จะไปบงการเจ้าให้ทำเรื่องลักเล็กขโมยน้อยเหมือนหนูเหมือนสุนัขได้อย่างไร” อนุโง่นางนี้ หากฉลาดสักหน่อย ต่อให้ไล่ออกจากจวนซื่ออ๋องไป ก็จะจัดการให้นางได้ไปที่ดีๆ พอนางตวาดเช่นนี้ก็ขายออกไปแล้วกัน!
ผู้ดูแลสองคนรีบปิดปากโหยวซื่อไว้ แล้วลากออกไปพร้อมกับเสี่ยวหลาน
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ภายในห้องเงียบลงไม่น้อย
เอาโหยวซื่อเป็นหอก พอใช้เสร็จก็โยนทิ้งไปลวกๆ ความไร้ไมตรีต่อสตรีของบุรุษผู้นี้ ไม่ได้มาเล่นๆ จริงๆ
ยามรักก็รักล้นฟ้า ยามเหยียบย่ำก็เหยียบเสียจมดิน ก่อนหน้านี้แม่นกขมิ้นแห่งเจียงเป่ยคนนั้นก็เหมือนกัน ยามนี้โหยวซื่อที่ช่วยเขาทำงานก็ยังทำแบบนี้อีก
สตรีทั้งจวนสำหรับเขาแล้วนับเป็นตัวอะไรได้
ปฏิบัติต่ออนุสุดรักยังทำเช่นนี้ แล้วนางที่ถูกยัดเยียดให้เข้าจวนมาเล่า
เฉินจื่อหลิงรู้ดีว่าเขานั้นฉลาด เรื่องใหญ่ไม่อาจแตกหักกับตนได้ บุรุษเหล่านั้นที่ทำลายความสัมพันธ์กับภรรยาหลวงล้วนโง่เขลายิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ตนมาจากสมรสพระราชทาน แต่วิธีที่จะทำให้ตนไม่พอใจมีมากมายถมเถไป
วันนี้เป็นของใช้ส่วนตัวที่ตนรัก วันหน้าจะเป็นอะไร จะจัดการคนที่ติดตามตนเข้าจวนมาด้วยให้หายไปทีละคนๆ หรือ
เฉินจื่อหลิงจ้องอี๋ซื่ออ๋องเขม็ง นึกไปถึงกริชเล่มนั้นที่ท่านปู่มอบให้โดนอนุของเขาโยนลงน้ำลึกไปทั้งอย่างนั้นแล้ว ในใจก็เจ็บปวดยิ่ง
อี๋ซื่ออ๋องถูกนางจ้องจนขนลุก คิ้วพลันขมวด สะบัดแขนเสื้อหันหลัง “ข้ายังมีงานการทหารอีก ขอตัวก่อน”
ทว่าได้ยินเสียงสตรีดังขึ้นจากด้านหลังว่า “…หากท่านมีชีวิตอย่างทรมานเพียงนั้น ทนกับข้าไม่ได้เช่นนี้ ก็โปรดไปเมืองหลวง ขอพระราชทานการหย่าร้างกัน”
อี๋ซื่ออ๋องฝีเท้าชะงักงัน
หย่าร้างรึ ต่อให้เขาอดทนมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่เคยมีความคิดนี้เลย นางมีสิทธิอะไรอยู่ดีๆ ก็เอ่ยเรื่องหย่าออกมา
เห็นได้ชัดว่านางยังพูดไม่จบ “…ชายชาตรีคนหนึ่ง มีปัญญาก็เอาอย่างฝ่าบาทบ้าง ย้ายจิตใจและกำลังไปให้กับงานการทหาร รู้จักแค่หยอกเย้าพะเน้าพะนอกับสตรีในท้ายเรือน อายบ้างหรือไม่ มิน่าเล่าจึงถูกฝ่าบาทไล่กลับมาเจียงเป่ย!”
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว แต่ไม่ได้โกรธคำพูดนางอย่างถูกฝ่าบาทไล่กลับมาเจียงเป่ย ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “เอาอย่างฝ่าบาทรึ ถุย! เหตุใดข้าต้องไปเอาอย่างฝ่าบาทด้วย! ตอนข้าเด็กๆ ก็ไม่ได้เคยเป็นพระมาก่อน ไม่เคยอยู่วัด และย่างยี่สิบก็เคยสัมผัสสตรีมาแล้ว!” ได้ยินนางชมชายอื่นเทียมฟ้าก็ไม่พอใจ ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นฝ่าบาทก็ไม่อยากทน
ตงเอ๋อร์เห็นทั้งสองชักดาบง้างธนูกันแล้ว กลัวว่าจะทะเลาะกันจึงรีบดึงแขนเสื้อคุณหนูไว้ ไกล่เกลี่ยว่า “คุณหนู เมื่อครู่บ่าวให้คนไปงมที่ข้างสระในเรือนตะวันตกเฉียงใต้แล้ว ไม่รู้ว่ายามนี้งมขึ้นมาได้หรือไม่ ไปเถิดเจ้าค่ะ ไปดูกันดีหรือไม่”
พอเอ่ยถึงกริชที่ปู่มอบให้ เฉินจื่อหลิงก็เจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง นางจูงมือตงเอ๋อร์เดินออกไปทางด้านนอก
ถลกแขนเสื้อขึ้น แฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมอันคุ้นเคย ลอยผ่านปลายจมูกของอี๋ซื่ออ๋องไป พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นฝีเท้านางเดินผ่านหน้าไปราวกับลม คิ้วเขาขมวดมุ่น ขนตาหลุบลงเล็กน้อย
ห่างกันใกล้มากจึงได้เห็นชัดเจน เมื่อครู่ตอนเข้ามาพบว่าในดวงตานางมีประกายบางอย่างกระเพื่อมไหวอยู่ ที่แท้ก็เป็นน้ำตาที่คลอหน่วยในขอบตาแดงก่ำ ยังไม่ไหลลงมา
ร้องไห้รึ ร้องไห้เพราะกริชเล่มนั้นน่ะหรือ
นางมีอะไรให้ร้องกัน คนที่ควรจะร้องเป็นเขามากกว่ากระมัง! แต่งกับสตรีโหดเหี้ยมดุร้ายน่ะ!
อี๋ซื่ออ๋องยืนเหม่ออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ความสุขของการได้แก้แค้นมลายหายไปเมื่อใดก็ไม่ทราบได้
ยามบ่ายมาถึง อี๋ซื่ออ๋องร้องบ่นไม่สบายท้อง อิดออดอยู่ในห้องหนังสือไปไม่เรือนหลักเสียที พอตกค่ำ ผู้ดูแลซ่งก็มาหา มองซ้ายมองขวาถามคำถามเขาสองสามคำ
ในจวนนี้ไม่มีใครเข้าใจซื่ออ๋องได้ดีเท่าผู้ดูแลซ่งอีกแล้ว ได้ยินซื่ออ๋องอ้อมค้อมไปมา ก็ยิ้มขื่นเอ่ยว่า “นายท่านอยากจะถามฮูหยินว่าของสิ่งนั้นงมหาเจอหรือยังใช่หรือไม่”
อี๋ซื่ออ๋องขมวดคิ้ว “ผายลม ข้าไม่ได้ถามเสียหน่อย”
ผู้ดูแลซ่งถอนใจ รู้ดีว่าซื่ออ๋องเป็นคนห่วงหน้าตาตัวเอง เขายังคงเอ่ยเองว่า “งมหาอยู่ทั้งบ่ายก็หาไม่เจอ แม่น้ำที่เรือนตะวันตกลึกนัก ทั้งยังเชื่อมต่อกับด้านนอก หากไม่จมลงถึงก้นบึ้ง เกรงว่าก็คงพัดไหลไปสู่แม่น้ำด้านนอกแล้ว ฮูหยินนั่งเหม่อยู่ข้างแม่น้ำพักหนึ่ง แล้วจึงพาตงเอ๋อร์กลับเรือนหลักไป”
ภายในม่านนั้น ไม่มีเสียงใดดังขึ้นอีก เงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ผู้ดูแลซ่งจึงได้ยินเสียงลอยมาจากด้านในว่า “อ๋อ”
เสียงค่อนข้าง…คล้ายอ่อนแรง ผู้ดูแลซ่งยังไม่ทันเอ่ยขึ้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาลอยมา
ตงเอ๋อร์หอบบางอย่างไว้ในอ้อมอก พอมาถึงห้องหนังสือก็ขึ้นบันไดคำนับผู้ดูแลซ่ง
“ฮูหยินมีธุระใดใช่หรือไม่” ผู้ดูแลซ่งฉงน ฮูหยินมาหาซื่ออ๋องอย่างหาได้ยากนัก
อี๋ซื่ออ๋องที่อยู่ด้านในได้ยินเข้า ชะเง้อคอมองไปด้านนอกตามสัญชาตญาณ
ตงเอ๋อร์ส่งของในมือไปให้ผู้ดูแลซ่งอย่างนอบน้อม “ฮูหยินเขียนเองกับมือ รบกวนผู้ดูแลส่งให้ซื่ออ๋องด้วย”
ผู้ดูแลซ่งรับมา เป็นม้วนกระดาษม้วนหนึ่ง เขารีบเดินไปหา วางมันไว้บนโต๊ะหนังสือของอี๋ซื่ออ๋อง
อี๋ซื่ออ๋องใจกระตุก เปิดม้วนกระดาษออก ‘หนังสือหย่า’ สามคำนี้ราวกับทองร้อนๆ ทิ่มแทงสายตา
ผู้ดูแลซ่งสูดหายใจลึก เสียงตงเอ๋อร์ลอยมาจากระเบียงว่า “คุณหนูไม่เหมาะกับตำแหน่งสำคัญอย่างพระชายาซื่ออ๋อง ยินดีหย่าร้าง ซื่ออ๋องลองดูหากเนื้อหาของถ้อยคำไม่มีปัญหา เพียงแค่ลงตราประทับก็สามารถส่งไปเยี่ยจิงได้เลยเจ้าค่ะ”
ที่แท้คำพูดเมื่อตอนบ่ายก็ไม่ได้ล้อเล่น
ครานี้นางโกรธเข้าจริงๆ แล้ว
อี๋ซื่ออ๋องกำมุมหนังสือหย่าแน่น เหลือบมองไปผ่านๆ ‘นิสัยไม่เข้ากัน’ เหลือบไปอีก ‘ทำให้ฮ่องเต้ต้องผิดหวัง’ ‘ครอบครัวไม่สงบสุข ยากจะปรองดองกันได้นาน เกรงว่าจะสะสมความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สู้ตัดขาดกันเสียแต่ตอนนี้’
เพื่อกริชเล่มนั้น เขาที่เป็นอ๋องแห่งแม่ทัพเจียงเป่ยยังสู้ของติดตัวนางไม่ได้เลย!
อี๋ซื่ออ๋องหัวเราะเสียงเย็น หยิบตราประทับขึ้นมา ตะโกนไปนอกหน้าต่างว่า “บอกคุณหนูของเจ้าว่าข้าจะทำให้นางสมปรารถนา!”
ผู้ดูแลซ่งร้องตกใจ โน้มกายไปแย่ง “เรื่องวิวาทกัน คู่สามีภรรยาใดบ้างจะไม่มี ฮูหยินอายุยังน้อยไม่รู้ความ พอโกรธเลือดขึ้นหน้าจึงได้พลุ่งพล่านไป ซื่ออ๋องอย่าได้จัดการตามอารมณ์เลย…”
เสียง ‘ตุ้บ’ ดังขึ้น ตราประทับตกลงบนส่วนท้ายของหนังสือหย่า!