ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 282.1 ตอนพิเศษ สวนประทุมพังถล่ม (1)
ฟ้ายังไม่ทันสาง หนังสือหย่าที่เขียนด้วยลายมือประทับตราของซื่ออ๋องก็ส่งไปยังเยี่ยจิงโดยทหารรับใช้ส่วนตัวของซื่ออ๋องในเจียงเป่ย
ผู้ดูแลซ่งขัดไม่ได้ ทั้งยังห้ามไม่อยู่ ได้แต่ยืนทอดถอนใจมองแผ่นหลังของทหารส่งสารอยู่บนบันไดหน้าประตูใหญ่ของจวน
ครู่หนึ่งจึงได้หันหลังกลับ อดหันหน้าไปหาตงเอ๋อร์ไม่ได้ “เจ้านะเจ้า นายหญิงเจ้ากำลังโมโหโทสะปะทุ เจ้าก็อย่าได้เลอะเลือนตามไปด้วยสิ เหตุใดจึงไม่รู้จักเกลี้ยกล่อมนายหญิงของเจ้าเสียบ้าง”
“เรื่องที่คุณหนูข้าตัดสินใจไปแล้ว ข้าไหนเลยจะสามารถเกลี้ยกล่อมได้ ผู้ดูแลซ่งก็เหมือนกันมิใช่หรือ ซื่ออ๋องกำลังโมโห ท่านสามารถห้ามไว้ได้หรือ” ตงเอ๋อร์เอ่ยอย่างผู้บริสุทธิ์
ผู้ดูแลซ่งพูดอะไรไม่ออก ก็จริง สามีภรรยาคู่นี้ ดูเหมือนขิงก็รา ข่าก็แรง ไม่ลงรอยกัน อันที่จริงนิสัยกลับพอๆ กัน เขาจำต้องเอ่ยขึ้นว่า “ช่างเถิด ช่างเถิด ยามนี้ทำได้เพียงดูว่าทางฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัยตีกลับทั้งคู่มาอย่างไร”
แม้จะหย่าก็ไม่เสียดาย แต่ซื่ออ๋องไม่ใช่ อย่างไรเสียก็เป็นถึงอ๋อง
การแต่งงานระหว่างขุนนางชั้นสูงที่ตำแหน่งแน่นอนกับสตรีที่บิดามีตำแหน่งนั้น แรกเริ่มก็มีปัจจัยทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว ราชสำนักไม่อาจมองดูอยู่ข้างๆ ปล่อยไปอย่างอิสระโดยไม่เข้ามายุ่งได้ สุดท้ายก็ต้องพิจารณาใคร่ครวญ ยิ่งเป็นสมรสพระราชทานยิ่งแล้วใหญ่
หนังสือทูลขอหย่าร้างแม้จะยื่นไปแล้ว แต่เบื้องบนจะอนุญาตหรือไม่นั้นยังไม่แน่ ผู้ดูแลซ่งยอมให้ซื่ออ๋องโดนบรรดาชนชั้นสูงในเมืองหลวงด่าทอเสียๆ หายๆ กระทั่งลงโทษตัดเงินเดือน ดีกว่าให้ทั้งคู่ทำลายบุพเพกันไปเช่นนี้
สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ยังไม่ทันครบเดือน นึกไม่ถึงว่าจะทะเลาะจนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ กระทั่งสำหรับฝ่ายชาย ชื่อเสียงยังไม่ค่อยจะดีเลย
จะมีหน้าไปขอโทษต่อคำสั่งเสียของนายท่านอี้หยางอ๋องและพระชายาได้อย่างไร!
ตอนนั้นฝ่าบาทแนะนำคุณหนูสกุลเฉินแก่ซื่ออ๋องก็เพราะสนิทสนมกับตระกูลเฉิน หนึ่ง สามารถอาศัยการแต่งงานมาควบคุมซื่ออ๋องได้ สอง ตระกูลเฉินกับทหารส่วนตัวของซื่ออ๋องเป็นพันธมิตรกัน สามารถร่วมมือกันต่อต้านศัตรูต่างแดนได้ ยามนี้ จะเห็นด้วยกับการหย่าร้างที่เหมือนเล่นขายของของทั้งสองได้อย่างไร
คิดมาถึงตรงนี้ ผู้ดูแลซ่งก็ปลอบใจตัวเองว่า อืม ฝ่าบาทกับไทฮองไทเฮาจะต้องไม่เห็นด้วยแน่ อืม แน่ๆ
ตงเอ๋อร์เห็นสีหน้าผู้ดูแลซ่งดีขึ้นมาเล็กน้อย ก็กระจ่างแจ้งในสิ่งที่ผู้ดูแลเฒ่ากำลังคิดอยู่ นางส่ายหน้า “คนอื่นข้าไม่กล้าพูด แต่หากเป็นคุณหนูของข้าลงมือเขียนจดหมายส่งเข้าเมืองหลวงไป เป็นไปได้ว่าจะสำเร็จ”
ผู้ดูแลซ่งแทบจะกระโดดขึ้นมา ถลึงตาฝ้าฟางใส่
“ท่านผู้ดูแลคงเคยได้ยินมาบ้างว่า หวงกุ้ยเฟยกับคุณหนูข้าเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ต่อให้เป็นคุณชายบ้านข้าที่เป็นพี่เขยของนายท่านของท่าน หวงกุ้ยเฟยก็ยังเรียกกันเป็นการส่วนตัวว่าพี่ใหญ่อย่างสนิทสนม หวงกุ้ยเฟยเป็นคนที่เห็นแก่มิตรภาพเป็นที่สุด ส่งคุณหนูมาแต่งงานถึงเจียงเป่ย อยู่ห่างไกลกันคนละที่ เดิมทีก็อาลัยอาวรณ์อยู่แล้ว หากมาได้ยินว่าคุณหนูข้าแต่งงานไปอยู่ต่างถิ่นอย่างเดียวดาย ทั้งยังโดนรังแก จะนั่งติดอยู่หรือ หากหวงกุ้ยเฟยได้เอ่ยตรัสขึ้นว่าอยากให้คุณหนูกลับมา พระทัยของฝ่าบาทจะไม่โดนโน้มน้าวไหวหรือ ซ้ำไทฮองไทเฮาก็ทรงรักใคร่เอ็นดูหวงกุ้ยเฟยที่สุดด้วย”
ผู้ดูแลซ่งนิ่งอึ้ง ได้ยินว่าไทฮองไทเฮายามนี้เห็นแก่หลานเป็นที่สุด เปรมปรีดิ์กับการหยอกเย้าเลี้ยงดูพระนัดดา อำนาจภายในวังก็ค่อยๆ โยกย้ายมาให้หวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากหันเหนียงเหนียงที่ตายในเปลวเพลิงเมื่อปีแรกๆ แล้ว ยังจะมีสนมชายาใดอื่นอีก
ยามนี้ฝ่าบาทได้ฉายาในหมู่สตรีชาวบ้านว่าเซี่ยวจงแห่งต้าเซวียนแล้ว หมายถึงหมิงเซี่ยวจงที่มีชายาเดียวในสมัยราชวงศ์หมิงผู้นั้น วังหลังมีเพียงฮองเฮาสกุลจางเพียงผู้เดียว
หรือว่าคู่กัดคู่นี้จะไม่ได้เล่นขายของกัน
ท่านอ๋อง พระชายา! บ่าวขออภัยพวกท่านด้วยขอรับ
ผู้ดูแลซ่งไม่มีกะจิตกะใจจะพูดมากความ เขาสาวเท้าเดินไปทางเรือนชั้นใน หวังจะโน้มน้าวต่ออีกสองสามประโยค ให้ซื่ออ๋องยับยั้งทหารส่วนตัวที่ไปส่งสารเอาไว้
เมื่อวานหลังจากลงตราประทับหนังสือหย่าแล้ว อี๋ซื่ออ๋องก็ไม่ได้ไปเรือนหลักอีกเลย พักอยู่ที่ห้องหนังสืออย่างหงุดหงิด ให้คนรับใช้เรียกอนุมาคลายโทสะ
อนุงามใช้ความสามารถทั่วทั้งร่างมาปรนเปรอ แต่ร่วมวสันต์ไปได้ครึ่งทาง อี๋ซื่ออ๋องก็คล้ายอารมณ์ไม่ค่อยดี นึกไม่ถึงว่าจะเรือล่มปากอ่าวไปก่อน
อนุตกใจจนหน้าถอดสี ซื่ออ๋องแต่ไหนแต่ไรมากำลังวังชาดียิ่ง จะล่มปากอ่าวได้อย่างไร คิดว่าตนปรนนิบัติรับใช้ได้ไม่ดี กำลังคิดว่าอยากลองอีกสักครั้ง พยายามให้มากกว่านี้อีกหน่อย ทว่ากลับถูกซื่ออ๋องหน้าแดงก่ำด่าทอให้กลับไป
อี๋ซื่ออ๋องร่วมวสันต์ล้มเหลว อับอายขายหน้ายิ่ง ย่อมโทษเฉินจื่อหลิงทั้งหมด หลังจากด่าตะเพิดอนุไปแล้ว ก็ด่าเฉินจื่อหลิงอีกเป็นพันหนร้อยหน จากนั้นก็พลิกตัว นอนหลับไปเพียงผู้เดียว
ได้ยินผู้ดูแลซ่งมาบอกที่ห้องหนังสือว่าทหารส่งสารออกเดินทางแล้ว อี๋ซื่ออ๋องเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน กำลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่แง้มเปิดขยับข้อขยับกระดูก
ผู้ดูแลซ่งเห็นผู้เป็นนายไม่มีปฏิกิริยาใด ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป คุกเข่าลงกับพื้นโดยพลัน “นายท่าน ยามนี้ยังไม่ออกจากเขตเจียงเป่ย ส่งคนไปขวางทหารส่งสารเถิดขอรับ หนังสือหย่าร้างนี้พอไปถึง เกิดบรรดาชนชั้นสูงเห็นด้วยขึ้นมาจริงๆ วัวเก้าตัวก็ฉุดกลับคืนมาไม่ได้แล้วนะขอรับ…อีกอย่าง ครานี้ เดิมทีก็เป็นนายท่านที่…” แม้โหยวซื่อจะเป็นทำ แต่ผู้บงการเบื้องหลังผู้นั้น เหตุใดผู้ดูแลซ่งจะไม่รู้
อี๋ซื่ออ๋องหันหน้ามา ดวงตาล่อกแล่กไม่มั่นคง “เจ้าจะบอกว่าเป็นความผิดของข้าอย่างนั้นรึ”
ผู้ดูแลซ่งไม่กล้าตำหนิตรงๆ “หากมรดกตกทอดของอี้หยางอ๋องกับพระชายาที่เก็บไว้ในเรือนปีกตะวันตกเฉียงเหนือถูกคนทำลายไปจนสิ้น นายท่านจะจัดการคนผู้นั้นอย่างไร”
“ฆ่าล้างตระกูลมัน” อี๋ซื่ออ๋องตอบไปตามตรง
ผู้ดูแลซ่งถอนหายใจ “ก็นั่นน่ะสิขอรับ ได้ยินตงเอ๋อร์บอกว่า กริชเล่มนั้นเป็นของขวัญที่แม่ทัพอาวุโสเฉินเป็นคนมอบให้ฮูหยิน พกติดตัวมาตั้งแต่เด็กจนโต พ่อแม่ของฮูหยินจากโลกไปเร็ว ความรักใคร่ต่อท่านปู่และพี่ชายจึงลึกซึ้ง ยามนี้ก็จากบ้านมาอยู่แสนไกล ชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่อาจกลับไปพบครอบครัวได้อีกแล้ว อาศัยเพียงของส่วนตัวนี้ไว้ดูต่างหน้า เพื่อคลายความคิดถึงบ้าน…การกระทำครานี้ของโหยวซื่อ แตกต่างอันใดกับการทำลายมรดกตกทอดของอี้หยางอ๋องกับพระชายาทำให้นายท่านเกิดโทสะ อันที่จริงนายท่านกับฮูหยินล้วนเป็นคนกตัญญูเหมือนกัน จุดนี้เหมือนกันอยู่จริงๆ เหตุใดจึงต้องก่อเรื่องให้ใหญ่โตถึงเพียงนี้ด้วยขอรับ ”
อี๋ซื่ออ๋องไม่ได้เอ่ยคำใด
ผู้ดูแลซ่งได้แต่คิดว่าจะมีหวัง แต่เห็นเขาเหลือบมองแม่บ้านนางหนึ่งตรงหน้าประตู
แม่บ้านนางนั้นเพิ่งจะกลับมาจากด้านนอก เห็นสายตาของซื่ออ๋องก็ตกใจ รายงานไปตามตรงว่า “ทางเรือนหลัก…ไร้การเคลื่อนไหวใดเจ้าค่ะ เมื่อวานส่งแม่นางตงเอ๋อร์มามอบหนังสือหย่าร้างแล้ว ฮูหยินอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็อ่านหนังสืออยู่พักหนึ่ง พูดคุยเล่นกับตงเอ๋อร์สองสามคำ แล้วเข้านอนเหมือนวันก่อนๆ เจ้าค่ะ”
“เหล่าซ่ง เจ้าดูสิ สตรีออกเรือนอย่างนาง หลังจากโยนหนังสือหย่าให้สามีแล้วก็สบายอกสบายใจยิ่งนัก ไร้ซึ่งความเศร้าโศกเสียใจแม้แต่น้อย ทำเหมือนไม่ว่าเรื่องใดล้วนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ควรจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ข้ายังต้องกระสับกระส่าย กระวนกระวายอีกหรือ” อี๋ซื่ออ๋องแย้มยิ้ม รอยยิ้มไม่รู้ว่าเดือดดาลหรือว่ายอมแพ้กันแน่ “แต่แรกจนถึงตอนนี้นางไม่เคยเอาข้ามาใส่ใจเลย ในสายตาของนางข้าไม่มีค่าเลย! แล้วเหตุใดข้าต้องเอาหน้าร้อนๆ ไปแนบกับบั้นท้ายเย็นเยียบของนาง ขัดขวางอนาคตของนางด้วยเล่า”
ผู้ดูแลซ่งนิ่งอึ้ง ไม่ได้เอ่ยคำใดอีก แต่ก็ทนไม่ไหวกระตุ้นเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าหมู่นี้นายท่านจะใส่ใจความคิดของคนอื่นที่มีต่อตัวเอง ทั้งยังเป็นสตรีอีก
ฮูหยินที่เพิ่งจะเข้าจวนมาใหม่ ส่งผลต่อซื่ออ๋องอยู่บ้างจริงๆ น่าเสียดายที่นายท่านไม่รู้ตัวเท่านั้น
ยามราตรีมาเยือน ตงเอ๋อร์ไล่คนรับใช้เรือนหลักออกไปแล้วเข้ามาในห้องเพียงลำพัง เห็นตู้เสื้อผ้าสี่ขาหลังนั้นเปิดแง้มอยู่ เงาร่างหนึ่งตกจากข้างหน้าต่าง คุณหนูหยิบกล่องที่เก็บเอาไว้หลังจากมาจวนอี๋ซื่ออ๋องในวันแรกออกมา และหยิบม้วนกระดาษและของอื่นๆ ออกมา กำลังถือไว้ในมือ ใช้ผ้าไหมจุ่มน้ำพลางเช็ดของด้านในทีละชิ้น ก้มหน้าลงเล็กน้อย ทุกการกระทำละเอียดอ่อนอย่างหาใดจะเปรียบได้