ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 284 ตอนพิเศษ พี่ชายภรรยามาเยี่ยมหา
ในประตูวงพระจันทร์ คนรับใช้ยืนคอยรับใช้อยู่ด้านข้างมือถือชุดคลุมตัวนอกของซื่ออ๋องที่ถอดออกเพราะฝึกวรยุทธ์
เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว นายท่านเกล้าผมขึ้นสูง ท่อนบนเปลือยเปล่ากำยำแข็งแรง ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนโยนละมุนละไม กล้ามเนื้อกลับล่ำสันแน่นหนามีพละกำลังอย่างที่นักรบมี ยามนี้ช่วงท้องและลำคอมีเหงื่อร้อนระอุไหลอาบ เอวสอบผูกไว้ด้วยผ้าคาดเอวลายมัจฉาแหวกว่ายทะเลเมฆา มือถือธนูยาว ถ่ายน้ำหนักไปที่หลัง ชักมือง้างออก สายตาจับจ้องไปยังสีแดงตรงกลางเป้าเบื้องหน้าห่างออกไปหลายจั้ง[1]
ซื่ออ๋องฝึกอาวุธร่ำเรียนอักษร แต่ไหนแต่ไรมาไม่ชอบให้ใครรบกวน
ผู้ดูแลซ่งถอยไปอยู่อีกด้าน เตรียมรอให้ผู้เป็นนายปลดธนูลงก่อนค่อยรายงาน
อี๋ซื่ออ๋องตกใจที่มีคนเข้ามาจากหน้าประตู แต่หางตาเหลือบไป แขนยาวชักถอย
เสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้น ลูกธนูออกจากสายแหวกอากาศพุ่งไปเบื้องหน้า สุดท้ายเบี่ยงปักลงในพุ่มไม้บนพื้น
ขุนพลด้านข้างตระหนกตกใจ พากันมองหน้าไปมา
ผู้ใต้บังคับบัญชาของซื่ออ๋องแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยยิงพลาด ไม่ว่าจะเป็นสนามรบ ฝึกทหาร หรือว่าฝึกอาวุธ การยิงพลาดเป็นความอัปยศของนักรบ
ซื่ออ๋องวันนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีกะจิตกะใจและไม่เห็นชื่อเสียงเกียรติยศอยู่ในสายตา
แท้จริงแล้วมีเรื่องด่วนอะไรกันแน่
อี๋ซื่ออ๋องวางธนูยาวลง ปัดมือไปมา รับผ้าฝ้ายมาเช็ดเหงื่อด้วยความรวดเร็ว แล้วเดินไปยังเบื้องหน้าผู้ดูแลซ่ง
ผู้ดูแลซ่งสอดมือสองข้างไว้ในแขนเสื้อ รายงานว่า “ส่งทหารม้าควบเชียนหลี่จวิ้นไปขวางหนังสือหย่าแล้วขอรับ นายท่านโปรดวางใจ แรงม้าควบส่งสารวิ่งได้ร้อยลี้ต่อวัน วันนี้ที่ส่งไปวิ่งได้พันลี้ ผนวกกับเพิ่มบังเหียนคู่ผลัดเปลี่ยนเร่งเดินทางไปตลอดทั้งคืนไม่หยุดพัก ถือป้ายคำสั่งผ่านด่านระหว่างทางของนายท่านไปด้วย ผ่านเมืองหรืออำเภอได้โดยไม่ต้องหยุดตรวจ น่าจะตามไปทันขอรับ”
ตัวเองทำเรื่องรนหาที่ตาย ต่อให้ต้องคุกเข่าไว้ก็ต้องตามกลับมาให้ได้
หินก้อนยักษ์ในใจอี๋ซื่ออ๋องกลับหายสาบสูญไปจนหมดสิ้น เห็นผู้ดูแลซ่งมีสีหน้าลังเลปรากฏขึ้นอีก คล้ายอยากจะพูดอะไร
“มีอะไรรึ ยังมีเรื่องใดอีก” เขาขมวดคิ้ว
ผู้ดูแลซ่งครานี้เสียงกลับเบาลง “เรื่องนี้บ่าวเพิ่งจะสืบทราบมาจากด้านนอกเมื่อครู่นี้…”
กล่าวจบก็ค้อมกายลงเล่าให้ฟังข้างหูผู้เป็นนาย แล้วจดจ้องสีหน้าของเจ้านาย รอการตอบกลับ
สีหน้าอี๋ซื่ออ๋องพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
……
ภายในห้องหลัก ตงเอ๋อร์มองออกว่าหลายวันมานี้คุณหนูกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข
คืนนั้นทั้งสองเมาสุราจึงร่วมหลับนอนในห้องเดียวกัน วันรุ่งขึ้นตงเอ๋อร์เก็บกวาดเตียงก็กระจ่างแจ้งว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
ตงเอ๋อร์ไม่รู้เหมือนกันว่าควรยินดีหรือกังวลดี สรุปก็คือ หลายวันมานี้ กระวนกระวายเสียยิ่งกว่าเฉินจื่อหลิงแล้ว
ทว่าวันนี้ ตงเอ๋อร์กลับมาจากด้านนอกด้วยหน้าตาเบิกบานแจ่มใส นางเลิกม่านเดินเข้าไป “คุณหนู เมื่อครู่ผู้ดูแลซ่งออกจากจวนไป ท่านเดาดูสิเจ้าคะว่าออกไปทำอะไร”
เฉินจื่อหลิงยังคงเหมือนเดิม เปิดหีบกล่องสินเดิมเหล่านั้น เช็ดรูปวาดชุดเครื่องลายครามพลางคิดบางอย่างอยู่ด้วยความเหม่อลอย “ทำอะไรรึ”
“ไปส่งคนเร่งรุดให้ตามไประงับหนังสือหย่าเจ้าค่ะ” ตงเอ๋อร์เบิกบานใจยิ่ง
เฉินจื่อหลิงชะงัก วางของในมือลง แล้วลุกพรวดพราดขึ้น
ตงเอ๋อร์เกรงว่านางยังฟังไม่เข้าใจ จึงเอ่ยขึ้นอีกว่า “คุณหนู ซื่ออ๋องไม่ได้อยากหย่ากับท่านสักนิด ท่านดูสิ ซื่ออ๋องไม่ยอมแพ้แล้ว ยอมกลืนน้ำลายตัวเองดีกว่า”
ในขณะนั้นเอง หน้าประตูมีเสียงรายงานของคนรับใช้
ม่านไข่มุกมรกตดังขึ้นราวกับเสียงน้ำหลั่งไหล พร้อมกับเสียงฝีเท้า อี๋ซื่ออ๋องเดินเข้ามา
ตงเอ๋อร์ถอยออกไปก่อน
หลังจากคืนนั้น เรื่องที่ค่ายทหารตึงเครียด ผนวกกับไม่รู้ว่านางยังไม่หลุดจากภวังค์ หรือว่าอายจึงได้เลี่ยงไปหลายครั้ง วันนี้เรียกได้ว่าทั้งสองได้เจอหน้ากันตรงๆ เสียที
ห้องนอนหลักไม่เล็กแคบ แต่เมื่อเหลือกันสองคน จึงยังร้อนๆ อยู่เล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่อธิบายไม่ถูกขึ้น
พอมองเตียงแปดขาแกะลายฉลุดอกโบตั๋นอีกครั้ง ทั้งสองก็ยิ่งเบี่ยงหน้าหนีกันอย่างพร้อมเพรียงทั้งๆ ที่ไม่ได้นัดหมาย เลี่ยงที่จะสบสายตากันไป
“เจ้าได้ข่าวแล้วหรือ” อี๋ซื่ออ๋องกระแอมกลั้วคอ เห็นสีหน้าก่อนออกไปของตงเอ๋อร์ก็รู้ว่านางคงจะได้ยินเรื่องที่ตนส่งคนให้ไปขวางคนส่งจดหมายแล้ว
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย หางตาโชติช่วงแอบพินิจมองการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของนาง
“ดังนั้นแล้ว ท่านยังคงยินยอมให้ข้าเป็นนายหญิงของจวนซื่ออ๋องของท่านต่อไปอย่างนั้นหรือ” นางเอ่ยขึ้น
อี๋ซื่ออ๋องหยาบกระด้างในเรื่องความรู้สึก เกิดความสงสัยขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ จู่ๆ ก็เดือดดาลขึ้น กำหมัดทุบโต๊ะ “ยามนี้ข้ารู้สึกอย่างไร เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ! เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว! เจ้าอย่าได้บีบคั้นข้าให้พูดคำพูดชวนเอียนพวกนั้น ข้าพูดไม่ได้หรอก!”
“ได้! ท่านตรงไปตรงมา ข้าก็ไม่คลุมเครือ” เฉินจื่อหลิงโพล่งขึ้นเสียงดัง ดวงหน้างามเงยขึ้น “เช่นนั้นท่านก็รีบให้อนุที่สวนตะวันตกแยกย้ายกันไปได้แล้ว เราจะได้ใช้วันคืนอย่างมีความสุข”
อี๋ซื่ออ๋องนิ่งอึ้ง โพล่งหัวเราะออกมาเสียงดัง แขนโอบรอบเอวบางของนางเข้ามาไว้ในอ้อมอก กระเซ้าแหย่เบาๆ ว่า “ท่าทางหึงหวงไม่เบา ข้าชักจะชอบมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว! เมื่อก่อนถือว่าข้าตาบอดไปดีหรือไม่!”
เฉินจื่อหลิงขมวดคิ้วหน่ายๆ “ปล่อย เหม็นเหงื่อเต็มตัว!” แต่ในใจกลับเกิดความสุขขึ้นไม่น้อย เขาหัวเราะเบิกบาน คงยอมตกลงแล้วกระมัง
อี๋ซื่ออ๋องรอยยิ้มหุบลง ปล่อยมือด้วยสีหน้าเหยเก ทว่าในใจกลับเต้นกระตุก นึกไปถึงเรื่องที่ผู้ดูแลซ่งเพิ่งจะเอ่ยขึ้น ทันใดนั้น ก็หมดอารมณ์โดยพลัน
เขาหยั่งเชิงว่า “เหตุใดจึงอยากให้เลิกอนุในสวนตะวันตกเล่า ข้ารับปากเจ้าว่าแต่นี้ต่อไปจะไม่ไปยุ่งก็ได้แล้วนี่”
“ฝ่าบาทยังมีภรรยาเดียวได้ เหตุใดท่านจะทำไม่ได้! ในเมื่อไม่แตะต้อง ปล่อยให้แยกย้ายกันไปไม่ได้รึ” เฉินจื่อหลิงเห็นเขาจู่ๆ สีหน้าก็พลันเปลี่ยน ดวงใจจึงเต้นกระหน่ำอย่างแรง
“ทั้งหมดเลยรึ”
“แน่นอนสิ!”
“เหลือไว้ให้ข้าสักคนก็ไม่ได้รึ”
“…”
อี๋ซื่ออ๋องเห็นนางหน้าหงิกจึงได้เลิกหยอกเย้า ทว่ายังคงจ้องมองนางอยู่เงียบๆ ไม่พูดอะไรราวกับกำลังพิจารณา ครู่ต่อมาจึงได้เอ่ยขึ้น หากแต่ไม่ได้รับปากว่าจะเลิกอนุ ทำเพียงก้าวเข้ามาหาสองสามก้าว พินิจมองอย่างละเอียดราวกับอินทรีย์ “เจ้าความจำเสื่อมจริงๆ หรือ เหตุใดนิสัยขี้อิจฉาจึงได้รุนแรงขึ้นกว่าเดิมเล่า”
เฉินจื่อหลิงเห็นเขาถามไปเรื่องอื่น ในใจก็หนักอึ้งขึ้น “ข้าจำไม่ได้ แต่ท่านน่าจะจำได้ ท่านลืมว่าคืนนั้นท่านรับปากอะไรข้าไปแล้วหรือ”
อี๋ซื่ออ๋องไม่เอ่ยคำ สุดท้ายลูกกระเดือกขยับไหว “คนอื่นๆ นั้นช่างมันเถิด มีเพียงคนเดียวที่ข้าส่งผู้ดูแลซ่งให้ไปรับนางเข้าจวนมาแล้ว”
คำว่านางนี้ แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว
“ใครหรือ” ความหวังสุดท้ายภายในใจคล้ายขาดสะบั้น หมดแล้ว ลมหายใจของเฉินจื่อหลิงก็สงบนิ่งอย่างแปลกประหลาดเช่นกัน
“โหยวซื่อ”
“เพราะเหตุใด”
“ตอนโหยวซื่อถูกไล่ออกจากจวน นางได้ตั้งครรภ์อยู่ ข้าอยากจะรับนางกลับมาก่อน…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ เฉินจื่อหลิงก็ปัดมือเขาทิ้ง “พอแล้ว ท่านอยากทำอะไรก็ทำเถิด”
น้ำเสียงมั่นคงจนทำเอาหวาดหวั่น สีหน้าไร้อารมณ์ใด คำสองคำนี้เหมือนเป็นคำจบประโยคสุดท้ายของบทสนทนานี้
ที่แท้คำสัญญาข้างหมอนของบุรุษล้วนเชื่อไม่ได้ทั้งหมด
อี๋ซื่ออ๋องกัดฟัน กำลังจะดึงมือนางมาพูดคุยในสิ่งที่จะจัดการต่อ กลับได้ยินเสียงโหวกเหวกลอยมาจากด้านนอก
คนรับใช้สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนกวิ่งเข้ามาในเรือนหลัก คุกเข่าอยู่ด้านนอก “นายท่าน”
“เกิดอะไรขึ้น! โหวกเหวกโวยวายอยู่ได้! มีอะไรก็รีบว่ามา!” อี๋ซื่ออ๋องกำลังหงุดหงิดจึงระบายอารมณ์ออกไปทันที ลักษณะท่าทางราวกับพญามัจจุราช ยกขาขึ้นถีบยอดอกคนรับใช้คนนั้นอย่างเหี้ยมโหด ก่อนหน้านี้ไม่ท้อง ช้ากว่านี้ก็ไม่ท้อง ดันมาท้องเอาตอนนี้ ท้องบนหัวมารดาเจ้าน่ะสิ
คนรับใช้ล้มลงกับพื้น แต่กลับไม่สนใจความเจ็บปวด “พะ…พี่ชายมาหาขอรับ อยู่หน้าประตูเมือง…”
“ใครนะ พี่ชายแม่ข้าตายไปนานแล้ว!” อี๋ซื่ออ๋องโมโหจนเลอะเลือนไปแล้ว
“มะ…ไม่ใช่ขอรับ เป็นพี่ชายพระชายาขอรับ ท่านแม่ทัพเฉินแห่งอวี้หลง!”
—————————-
[1] จั้ง (หน่วยวัดความยาวจีน) 1 จั้ง เท่ากับ 3.33 เมตร