ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 75-3 พกยาพิษติดตัว
อวิ๋นเสวียนฉั่งแจ้งข่าวดีก่อน เมื่อเห็นถงฮูหยินอารมณ์ดีขึ้น ค่อยเก็บรอยยิ้มลง แล้วพูดเป็นนัย
“ครั้งนี้ที่ลูกประสบความสำเร็จ ได้รับการพิจารณาจากฝ่าบาทให้เป็นเสนาบดีนั้น เป็นเพราะได้รับความช่วยเหลือจากฮองเฮา”
จริงดังคาด คนจากวังหลังอีกแล้วที่เข้ามาก่อกวนสถานการณ์ อวิ๋นหว่านชิ่นจ้องบิดาที่อยู่ตรงหน้านิ่งพลางดูหมิ่นในใจ บิดานั่งหน้าชื่นตาบานอยู่บนเก้าอี้เหมือนนกกางเขนเกาะกิ่งเหมยอย่างระริกระรี้ก็มิปาน เพื่อลาภยศสรรเสริญแล้ว ถึงกับยอมประนีประนอมเรื่องหลังบ้าน ปล่อยภรรยาเลวๆ ให้ลอยนวล นี่คือการพลิกลิ้น ยอมรับว่าการทำร้ายคนของไป๋ฮูหยินนั้นไม่เป็นปัญหา ไม่สนใจไยดีว่าน้องกับตนเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้งอย่างไร
ทว่าถงฮูหยินกลับยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เพียงงงงวย “ฮอง…ฮองเฮา? ฮองเฮาช่วยเจ้า?”
“ใช่ ฮองเฮา” อวิ๋นเสวียนฉั่งย้ำ
พอเห็นถงฮูหยินมองมา อวิ๋นหว่านชิ่นก็ก้มหน้า พลางอธิบายเสียงเบาให้ท่านย่าฟัง
“ข้างกายเจี่ยงฮองเฮามีนางในที่มีอำนาจคนหนึ่ง แซ่ไป๋”
ตอนนี้ หญิงชราล้วนเข้าใจแล้ว
ที่แท้น้องสาวที่เป็นสาวใช้อยู่ในวังของไป๋เสวี่ยฮุ่ย ก็คือคนของฮองเฮา ครั้งนี้ที่ลูกชายได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างราบรื่น เบื้องหลังคือการเล่นพรรคเล่นพวกนี่เอง
เมื่อครู่นางเพิ่งเยินยอลูกชายไปหมาดๆ ว่า เป็นเพราะการสั่งสอนของนางและความสามารถของตัวเขาถึงไต่เต้าจนได้ตำแหน่งใหญ่โต พอรู้ว่าต้องพึ่งผู้หญิง แถมยังเป็นผู้หญิงอัปยศ ที่เกือบจะถูกบ้านสกุลอวิ๋นยื่นใบหย่าและขับไล่ไป ถงฮูหยินจึงมึนงงไปชั่วขณะ สีหน้ากึ่งม่วงกึ่งแดง รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“นึกว่าเจ้าได้นั่งตำแหน่งเสนาบดีเพราะความสามารถ ที่แท้ก็พึ่งผู้หญิง…”
อวิ๋นหว่านชิ่นยิ้มเยาะในใจ ชีวิตบิดามีช่วงไหนบ้างที่ไม่พึ่งผู้หญิง
ช่วงวัยรุ่น อวิ๋นเสวียนฉั่งพึ่งหญิงผู้ให้กำเนิดเมี่ยวเอ๋อร์ทอผ้าทำนา ห่มผ้าเมื่อหนาว พัดวีเมื่อร้อน สาวงามคู่บัณฑิต ย่อมสนับสนุนให้บัณฑิตไปสอบแข่งขันในเมือง แต่พอเข้าเมือง เนื่องจากอยากได้ทรัพย์สินของบ้านสกุลสวี่มาเป็นแรงหนุน อวิ๋นเสวียนฉั่งจึงแสร้งทำตัวเป็นหนุ่มโสดซิง หลอกคุณหนูสวี่ผู้ใสซื่อแต่งงาน จนได้ครอบครองสินสอดและเส้นสายของสกุลสวี่ในเมืองหลวงมากมาย จนตอนนี้ ก็ถึงคราวน้องสาวของไป๋เสวี่ยฮุ่ยที่รู้ว่าพี่สาวกำลังจะถูกหย่า จึงนำตำแหน่งขุนนางมาล่อ ให้เขาละทิ้งกฎเกณฑ์ ไม่สนใจผิดชอบชั่วดี
ท่านย่าหนอท่านย่า ท่านไม่ควรเปรยที่เขาใช้เต้าไต่ แต่ควรถามเขาว่า เมื่อไหร่จะเลิกใช้เต้าไต่เสียที
พออวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยินมารดาพูดเปรยๆ แบบนี้ ก็หน้าแดง ไม่พูดอยู่เนิ่นนาน
อวิ๋นหว่านชิ่นคิดในใจ อันที่จริงใช่ว่าท่านย่าไม่รู้ว่า ผู้หญิงทุกคนในชีวิตของลูกชาย คนไหนบ้างที่ไม่เคยถูกลูกชายใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์
เมื่อก่อนถงฮูหยินมักเพลิดเพลินกับการคุยให้เพื่อนบ้านฟังว่า ลูกชายของตนเรียนหนังสือเก่งแต่เด็ก บวกกับการเคี่ยวกรำของตน ถึงประสบความสำเร็จ พอนานวันเข้า ถงฮูหยินก็มีความสุขเรื่อยมากับการนึกว่าลูกน่าจะเป็นเช่นนี้ แต่พอรู้ว่าลูกทำกับเมียที่อยู่บ้านนอกอย่างไร หญิงชราก็ได้แต่เลือกที่จะลืมมันไปเสีย โดยบอกกับตนเองว่า นั่นเป็นเพราะลูกไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้พอเห็นเรื่องจริงแผ่หลาอยู่ตรงหน้า นางก็คล้ายถูกฟาดเข้าที่ศีรษะ พอตื่นขึ้นก็รู้ว่า ลูกที่ทำให้ตนภาคภูมิใจนักหนาคนนี้ ทุกครั้งที่ได้เลื่อนตำแหน่ง เขาไม่เคยพึ่งความสามารถของตนเองเลย วิธีที่ใช้ล้วนเป็นวิธีที่ไม่สง่างาม และเป็นวิธีอัปยศที่สุดในสังคม…พึ่งผู้หญิง พึ่งเส้นสาย พอผู้หญิงหมดประโยชน์ ก็ถีบหัวส่ง
แม้ถงฮูหยินมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่นเห็นแก่ตัว รักลูกหลานผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีความสุขไปวันๆ แต่ก็มีข้อดีที่เป็นคนอนุรักษนิยม จริงใจ พูดคำไหนคำนั้น หาไม่แล้วคงไม่ช่วยเมี่ยวเอ๋อร์ด้วยการแย่งมาจากอ้อมอกคนที่คิดทำร้ายแต่แรกหรอก ด้วยไม่อยากให้ลูกชายทำผิดซ้ำซาก
ในความคิดของหญิงชรา เรื่องผู้ชายใช้เต้าไต่นั้น น่าอายและน่าอดสูมากพอๆ กับผู้ชายขายตัวก็ว่าได้
เงียบไปพักหนึ่ง ถงฮูหยินก็หดหู่ใจยิ่ง มิได้ยินดีปรีดากับการได้เลื่อนตำแหน่งของลูกชายแบบเมื่อครู่อีก แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ มองลูกชายด้วยแววตาอันล้ำลึก
“เช่นนี้เป็นอันว่า หญิงชั่วนางนั้น เจ้าไม่เพียงไม่หย่า ยังจะยกย่องเชิดชูนางด้วย ใช่ไหม”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” อวิ๋นเสวียนฉั่งเหงื่อตก “เพียงแต่คนเขาช่วยลูกขนาดนี้ ลูกก็เลยคิดว่า…จะปล่อยไป๋ฮูหยินออกมาชั่วคราวก่อน”
“อะไรคือปล่อย? ให้อาศัยในเรือนหลักของบ้านสกุลอวิ๋น กินดีอยู่ดี เป็นฮูหยินต่อรึ จากนั้นก็ปล่อยให้เรื่องที่นางทำร้ายคนเงียบไป เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น? ใต้หล้ายังมีเรื่องอยุติธรรมเช่นนี้อยู่อีกรึ!” ถงฮูหยินเคาะไม้เท้าลงบนพื้นอย่างแรงด้วยความโมโห
อวิ๋นเสวียนฉั่งเหงื่อไหลเต็มหน้า “ไม่ใช่หรอก ๆ” เขาพูดไปเช่นนั้นเอง แต่โทนเสียงยังยืนยัน
อวิ๋นหว่านชิ่นมองท่าทีของเขาเงียบๆ เมื่อได้ผลประโยชน์มากขนาดนี้ เขาก็ไม่มีทางหย่าไป๋เสวี่ยฮุ่ยแน่
ถงฮูหยินพูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไรกับนาง”
ถ้าไม่หย่า ก็ยังเป็นฮูหยินรองเจ้ากรมอยู่
เรื่องของไป๋ฮูหยิน หญิงชราไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะพลอยทำร้ายลูกไปด้วย แต่เรื่องนี้ไม่เล็ก นางไม่กลัวว่าไป๋ฮูหยินจะถูกคนครหา เพียงแต่ ประการแรก นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ลูกกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง จะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ประการที่สอง เมื่อนายหญิงของบ้านทำผิดร้ายแรง ต่อไปถ้าลูกสาวอีกสองคนของสกุลอวิ๋นออกเรือนไป อาจถูกคนที่บ้านสามีค่อนแคะได้ จึงไม่ให้บ่าวในบ้านแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
ตอนนี้บ่าวทุกคนในบ้านล้วนรู้เรื่องของไป๋เสวี่ยฮุ่ยแล้ว สตรีเช่นนี้ ถึงสกุลอวิ๋นใจกว้าง ให้นางอยู่ต่อ แล้วนางจะเป็นนายหญิงของบ้านต่อได้หรือ
เมื่ออวิ๋นเสวียนฉั่งรับน้ำใจจางเจี่ยงฮองเฮา ก็ต้องให้ไป๋ฮูหยินอยู่ต่อ แต่จะจัดการอย่างไรนี่สิ คือปัญหา
พอได้ยินมารดาถาม เขาก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบ
“เมื่อไม่หย่า ในสายตาคนนอก นางก็ยังเป็นฮูหยินรองเจ้ากรมอยู่ ทุกอย่างจึงต้องเหมือนเดิม…”
“เหลวไหล เหลวไหล! ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!” ถงฮูหยินเคาะไม้เท้ากับพื้น จะประนีประนอมขนาดนี้ได้อย่างไร
“ท่านย่า” อวิ๋นหว่านชิ่นค่อยๆ เอ่ยปาก แล้วจึงเรียกอวิ๋นเสวียนฉั่งเบาๆ “ท่านพ่อ ท่านย่าพูดถูก เช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด”
“ชิ่นเอ๋อร์” คิ้วเข้มของอวิ๋นเสวียนฉั่งขยับ ก่อนจ้องหน้าลูกสาวอย่างไม่พอใจ ส่งสัญญาณบอกนางว่า อย่าได้เติมเชื้อไฟ
“ใครบอกให้เจ้าพูด! เจ้าไม่ชอบแม่เจ้ามาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ครั้งนี้เจ้ากับน้องเป็นเหยื่อ ย่อมไม่อยากให้นางได้ดี แต่พ่อขอบอกเจ้าก่อนว่า แม้ครั้งนี้แม่เจ้าผิด แต่อย่างไร เจ้าก็เป็นเด็กสาวที่ยังไม่ออกเรือน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ มีเพียงย่ากับพ่อเท่านั้นที่จัดการได้ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดแทรก!”
ถงฮูหยินกำลังร้อนใจดั่งไฟเผา โมโหที่ลูกชายคนรองไม่ได้เรื่อง แม้แต่เมียทำผิดก็ยังจัดการไม่ได้
ถ้ายอมให้หญิงชั่วเป็นฮูหยินต่อ แล้วบ้านนี้ ยังจะเป็นบ้านอยู่อีกหรือ!
ยิ่งพอได้ยินชิ่นเอ๋อร์เอ่ยปากช่วย แต่กลับถูกลูกชายขัดขวาง หญิงชราคล้ายอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้งและกำลังหาแหล่งน้ำสะอาดๆ ดื่ม แต่พอเริ่มหวังว่าจะได้รอดชีวิต แหล่งน้ำพลันถูกคนถ่มน้ำลายลงไปไม่หยุดเสียนี่ จึงโกรธสุดๆ จับมือหลานสาวไว้ แล้วพูดอย่างเกรี้ยวกราดใส่ลูกชาย
“นี่มันผีหลอกชัดๆ คนทำผิด กลับไม่ถูกลงโทษ แต่ผู้บริสุทธิ์กลับผิดแทน? เมื่อชิ่นเอ๋อร์ไม่มีสิทธิ์พูด งั้นเจ้าก็แหกตาดูสิว่า ในบ้านเจ้า ยังมีผู้หญิงคนไหนมีสิทธิ์อีก?! สวรรค์ ทำไมข้าถึงได้ให้กำเนิดลูกชายเช่นนี้ออกมาได้! ไม่คิดแบ่งแยกผิดชอบชั่วดีอะไรสักนิด! บรรพชนสกุลอวิ๋น ไว้ข้ากลับบ้านแล้ว ค่อยตายชดใช้ความผิดให้พวกท่านก็แล้วกัน…” ว่าพลางตีอกชกหัวตนเอง
หญิงชราบ้านนอกคอกนา เวลาร้องห่มร้องไห้แสดงท่าทีจะเป็นจะตายขึ้นมา ใครๆ ก็เอาไม่อยู่ อวิ๋นเสวียนฉั่งถูกน้ำลายพ่นใส่จนเต็มหน้า เช็ดแทบไม่ทัน จึงสับสน
“ลูกก็พูดไปเช่นนั้นเอง ท่านแม่ใจเย็นๆ!” แล้วค่อยหันไปโบกมือให้อวิ๋นหว่านชิ่น “เจ้าว่าไป ว่าไป” โทนเสียงอ่อนโยนลง
“ท่านพ่อ”
พอได้รับอนุญาตให้พูด อวิ๋นหว่านชิ่นก็หันหน้าเข้าหาอวิ๋นเสวียนฉั่ง แม้โทนเสียงของนางใสอยู่บ้าง ทว่าแต่ละคำล้วนหนักแน่น ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย แววตาใสกระจ่าง สงบนิ่ง ทำให้คนฟังต้องสนใจฟัง โดยไม่รู้สึกว่าเด็กสาวตรงหน้าคือแม่นางน้อยอายุสิบกว่าปีที่ยังไม่ออกเรือน
“เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ต่อให้ท่านแม่ไม่ถูกหย่าจนต้องออกจากจวน และยังอยู่ที่เรือนหลักได้ แต่จะให้เป็นนายหญิงของบ้านไม่ได้ หนึ่ง มีผลต่อคำสั่ง เมื่อบ่าวในบ้านต่างรู้ว่าท่านแม่ทำผิดอะไรไว้ ถ้าท่านแม่ยังมีอำนาจเหมือนเมื่อก่อนอีก ไฉนบ่าวจะไม่คิดว่าความผิดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ต่อไปถ้าบ่าวทำความผิดในลักษณะเดียวกัน ก็จะนำเรื่องของท่านแม่ขึ้นมาอ้าง แล้วเราจะโต้เถียงพวกเขาอย่างไรได้ นานวันเข้า บ้านก็จะไร้ซึ่งความ
ยุติธรรม กฎเกณฑ์ถูกทำลาย เกิดความหายนะไม่สิ้นสุด”
อวิ๋นเสวียนฉั่งกับถงฮูหยินกลั้นหายใจฟัง อวิ๋นหว่านชิ่นชะงักเล็กน้อย ก่อนพูดต่อ
“สอง เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ผู้ที่จัดการท่านแม่และยื่นหนังสือหย่าให้ คือท่านย่าที่ลงมือด้วยตัวเอง ถ้าท่านแม่กลับมากุมอำนาจใหม่ จะทำอย่างไรกับท่านย่า ถ้าบอกว่าไม่มีความโกรธแค้นใดๆ เลย ต่อไปจะไม่ลำเอียงหรือเห็นแก่ตัวอีก ท่านพ่อคิดว่าเป็นไปได้หรือ แล้วบ้านจะสงบได้อย่างไร ครอบครัวมิแตกแยกหรือ ในรัชสมัยก่อน เมื่อสนมที่เคยเป็นคนโปรด ได้กลับมาเป็นคนโปรดอีกครั้ง พอได้รับการแต่งตั้งใหม่ ในวังก็เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพราะนางไม่อยากถูกทอดทิ้งและถูกดูแคลนอีก จึงต้องล้างแค้นพวกที่เคยทำร้ายหรือหัวเราะเยาะนาง นี่เป็นเรื่องปกติ”
พอถงฮูหยินได้ยินข้อสอง หน้าก็ซีด หันไปมองลูกชายด้วยสายตาดุดัน
“คำพูดของชิ่นเอ๋อร์โดนใจข้ายิ่ง ข้าก็บอกแล้วว่า ถ้าเจ้าคิดจะตอบแทนน้ำใจฮองเฮา ข้าไม่ว่า แต่เจ้าจะให้หญิงชั่วนางนี้ขึ้นมาอยู่เหนือข้าอีกครั้งหรือ ตามนิสัยชั่วๆ ของนาง กระทั่งทายาทที่นางเคยเลี้ยง นางก็ยังทำร้ายได้ จะแปลกอะไรถ้าจะแก้แค้นข้า หรือเจ้าจะนิ่งดูดายให้นางกับคนแก่ที่ใกล้เข้าโลงอย่างข้า สู้กันไปเรื่อยๆ”
เมื่ออวิ๋นเสวียนฉั่งถูกบีบทั้งสองทาง ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ปลอบมารดาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปก่อน รอจนถงฮูหยินสงบลง ค่อยถอนหายใจออกมา แล้วว่า
“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเจ้าลองบอกมาหน่อยซิว่า ควรทำอย่างไรกับนางดี”