ยอดหญิงอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 80-3 คล้ายคนคุ้นเคย
ตั้งแต่เว่ยอ๋องรู้ความ ก็ไม่ถูกกับท่านสามของตนเรื่อยมา นอกจากเป็นเพราะสนมเอกเฮ่อเหลียนกับมเหสีรองเว่ยเป็นศัตรูกันตามสถานะแล้ว ยังมีช่องว่างระหว่างองค์ชายที่ไม่มีทางลบเลือนไปตลอดกาลอีก
ดังนั้นสิ่งที่ท่านสามชอบ เว่ยอ๋องจะอดใจ ไม่ลงมือได้หรือ
ตอนเด็กๆ ที่ท่านสามยังอยู่ในวังและหย่านมแล้ว ก็ต้องเข้าพักยังที่พักองค์ชาย โดยมีแม่นมร่วมเลี้ยงดูด้วย ตอนนั้น เว่ยอ๋องเป็นเด็กที่อยู่ไม่สุข มีหรือที่เห็นของเล่นหรือสัตว์เลี้ยงของท่านสามแล้ว จะไม่แย่งไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้มา หรือต่อให้แย่งมาไม่ได้ ก็ต้องแอบทำลายให้ได้
และหลังจากโตเป็นหนุ่ม พฤติกรรมเหล่านี้ก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
ครั้งนี้พอท่านสามเห็นเว่ยอ๋องแอบดูอยู่ จึงแกล้งทำเป็นใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกอนุบ้านสกุลอวิ๋น เพื่อล่อหลอกให้เว่ยอ๋องมาติดกับ ยื่นเท้าเข้ามาแย่ง
เช่นนี้ ก็สามารถปกป้องคุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋น ให้นางอยู่ในที่ปลอดภัยได้ชั่วคราว
ส่วนคุณหนูลูกอนุก็…กลายเป็นเครื่องมือแย่งชิงอำนาจไป
ซึ่งถ้านางไม่มีจิตใจทะเยอทะยานอยาก ก็ไม่มีทางตามเว่ยอ๋องไปหรอก แต่เนื่องจากที่ที่นางคิดจะไปเป็นตำหนักองค์ชาย ต่อให้เว่ยอ๋องมัดนางไว้ นางก็ยอมให้มัด
ทั้งหมดนี้ จึงขึ้นกับโชคชะตาของนางเองแล้ว!
ซึ่งการนี้ อวิ๋นหว่านถงกลับรู้สึกตื่นเต้นไม่หยุด ขณะเดินตามหลังเว่ยอ๋องกับขันที เข้ามาในเขตตำหนักองค์ชาย นางละลานตาไปหมดแต่ก้าวแรกแล้ว กระทั่งชื่อของตนเองยังลืมไปชั่วขณะ
เด็กสาวที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเข้าวังเป็นครั้งแรก ไหนเลยจะเคยเห็นทิวทัศน์อันงดงามอลังการงานสร้างเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่า องค์ชายยังเป็นผู้นำทางด้วยองค์เองอีก
เว่ยอ๋องหันมามองนางเป็นครั้งคราว ยิ้มพลางว่า
“ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อเป็นสหายของเสด็จพี่สาม ก็เป็นเหมือนกับสหายข้า”
อวิ๋นหว่านถงรู้สึกตกตะลึง ที่ตนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่เมื่อเดินมาครึ่งทางแล้ว ไหนเลยจะกล้าสารภาพว่าตนกับองค์ชายสามนั้น จริงๆ แล้วไม่รู้จักกัน องค์ชายห้า แม้หน้าตาไม่หล่อเหลาองอาจแบบชายชาตรีเท่าองค์ชายสาม แต่ก็ไม่ถึงกับแย่เสียทีเดียว ถ้าเทียบกันแล้ว ยังมีอัธยาศัยดีกับตนมากกว่าองค์ชายสามเสียอีก ส่วนองค์ชายสามนั่น มีบางอย่างที่ตนไม่เข้าใจและดูไม่ออกอยู่…
อวิ๋นหว่านถงจึงกัดริมฝีปาก ตัดสินใจแน่วแน่ ใช้มือขยับคอเสื้อให้หลวม ล้วงเข้าไปยังเสื้อชั้นใน แล้วจับสร้อยคอถุงหอมมาแนบไว้กับหน้าอก
พอไปถึงที่พักองค์ชาย เข้าไปในห้องเตียวหลาน ขันทีก็นำกาน้ำชาดินเผาเข้ามา รินน้ำชาให้คนทั้งสอง แล้วค่อยถอยออก
เว่ยอ๋องนั่งอยู่ด้านบน หันมองซ้ายขวา สาวใช้นางนี้แม้นับว่ารูปโฉมงดงาม แต่เมื่อสังเกตจากตลอดทางที่เดินมา ก็เห็นว่านางไม่มีอะไรแตกต่างจากคนทั่วไป ไม่รู้ว่าพี่สามชอบนางตรงไหน…จึงอดไม่ได้ที่จะยกน้ำชาขึ้นจิบไปคำหนึ่ง
พออวิ๋นหว่านถงเห็นองค์ชายห้าเอาแต่จ้องมองตนไม่วางตา ใจก็เต้นไม่เป็นระส่ำ และพอเห็นว่าเขาดูแลเอาใจใส่ตนดี ถ้าบอกว่าตนไม่รู้สึกดีด้วยก็คงไม่มีใครเชื่อ ใบหน้าจึงร้อนผะผ่าวขึ้นมา ลุกขึ้นยืนถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย
“ถงเอ๋อร์โชคดีที่วันนี้องค์ชายห้าทรงมีพระกรุณาพาเดินเล่นในตำหนักองค์ชายด้วยองค์เอง และยังมีวาสนาได้มาจิบชาพักเท้าในห้องพักของพระองค์อีก ต้องขอขอบพระทัยเป็นอย่างยิ่ง”
สีหน้าเว่ยอ๋องแย้มยิ้มไม่เปลี่ยน “เจ้าชื่อถงเอ๋อร์หรือ”
“เพคะ” อวิ๋นหว่านถงตอบรับเสียงหวาน ก่อนก้มหน้าลง
ดูไปแล้ว ก็เรียบร้อยดี เว่ยอ๋องจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า มีส่วนคล้ายเยี่ยหนานเฟิงที่เพิ่งรับเข้าจวนอยู่บ้าง เสียดาย…นางไม่ใช่ผู้ชาย
สำหรับผู้หญิง เว่ยอ๋องไม่เคยสนใจมาแต่ไหนแต่ไร จึงคลึงถ้วยชาในมือ พลางว่า
“ถงเอ๋อร์ เจ้ากับเสด็จพี่สามรู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว มีความรู้สึกต่อกัน…ดีมากไหม”
อวิ๋นหว่านถงตกใจ หรือเว่ยอ๋องเข้าใจผิดว่าตนกับองค์ชายสามมีอะไรฉันชู้สาวกัน ไม่ได้ จะให้เขาเข้าใจผิดไม่ได้ หาไม่แล้วก็เท่ากับตนคว้าน้ำเหลว การได้รู้จักองค์ชายท่านหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่สามารถยอมรับว่าตนกับองค์ชายสามไม่รู้จักกันเลย มิฉะนั้นที่ผ่านมาจะเป็นการจงใจโกหกไป
ใบหน้าบอบบางนุ่มนิ่มของอวิ๋นหว่านถงจึงแดงไม่หยุด พลางพูดอย่างลนลาน
“องค์ชายห้าอย่าได้ทรงเข้าใจผิด หม่อมฉันกับองค์ชายสามคบกันแบบสหายธรรมดาเท่านั้น ไม่มีเรื่องอะไรเกินเลย”
สหายธรรมดา? ชายหญิงรู้จักกัน สัมพันธ์กันแบบสหายธรรมดาได้ด้วยหรือ
อีกอย่างเจ้าก็เป็นแค่สาวใช้! พี่สามกับสาวใช้อย่างเจ้าจะมีความสัมพันธ์แบบสหายธรรมดาได้อย่างไรกัน! โกหกชัดๆ
เว่ยอ๋องเหยียดหยามในใจ จึงไม่ถามต่อ เห็นที ทั้งสองน่าจะมีอะไรกันจริงๆ ถ้าคิดหาวิธีนำหญิงสาวนางนี้เข้าจวนเว่ยอ๋อง ไม่รู้ว่าพี่สามจะโกรธจนเต้นเร่าๆ ขนาดไหน
เว่ยอ๋องจึงลูบคาง ก่อนแค่นหัวเราะออกมา และในตอนนี้เอง ขันทีคนสนิทก็เข้ามา ส่งสายตาว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนสุราในงานเลี้ยงจะหารือด้วย
เว่ยอ๋องเกรงว่าอวิ๋นหว่านถงจะจับได้ จึงรีบลุกเดินออกไปพร้อมขันที
อวิ๋นหว่านถงจึงเริ่มคิด เมื่อองค์ชายห้ามีอัธยาศัยดีกับตนมาก แถมยังสงสัยว่าตนมีอะไรกับองค์ชายสามอีก ตนจึงไม่ควรลังเลใจ เหตุการณ์ต่อจากนี้ อาจเป็นช่วงเวลาตัดสินชีวิตตนทั้งชีวิต ต้องตั้งใจให้แน่วแน่ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว จะพลาดไม่ได้ ฉวยโอกาสตอนที่เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านี้ล่ะ
นางจึงล้วงเข้าเสื้อชั้นใน นำสร้อยคอถุงหอมออกมา
ผงที่อยู่ก้นถุงหอมเหลืออยู่นิดหน่อย แม้ไม่มาก แต่ก็เพียงพอ
นี่เป็นยานอนหลับที่อนุฟางแอบเตรียมไว้ให้นางก่อนออกจากบ้าน
อวิ๋นหว่านถงรีบเทผงในถุงหอมลงไปในถ้วยชาของเว่ยอ๋อง แล้วนำผงที่เหลือติดถุงอีกเล็กน้อยตบใส่ถ้วยชาตนเอง
ยานอนหลับมีปริมาณไม่มาก อนุฟางกะเกณฑ์เวลาไว้แล้วอย่างแม่นยำ ด้วยการทดลองป้อนให้สัตว์เลี้ยงกินก่อนอาหาร คำนวณดูแล้ว อย่างมากก็สลบไปราวครึ่งชั่วยามเท่านั้น ซึ่งก็จะตื่นก่อนงานเลี้ยงเริ่มพอดี
นอกห้อง เว่ยอ๋องจัดการธุระกับขันทีเรียบร้อย ก็เข้ามาในห้อง ยกน้ำชาขึ้นจิบ จิบพลางถามอวิ๋นหว่านถงพลาง
อวิ๋นหว่านถงก็ตอบคำถามพลางแอบมองเขาพลาง ในใจก็นับถอยหลัง และแล้ว หนังตาของเว่ยอ๋องก็ค่อยๆ ตกลง ก่อนหาวยาวๆ ออกมา
อวิ๋นหว่านถงพลันดีใจ แต่เพื่อไม่ให้เขาสงสัยและตำหนิหลังจากตื่น ต้องรีบทำการก่อน ด้วยการโยกศีรษะไปมา แกล้งทำหน้ามึน พลางพึมพำ
“องค์ชายห้า ทำไมศีรษะของหม่อมฉันถึงได้วิงเวียนเช่นนี้…” พูดจบก็ฟุบลงกับโต๊ะ
และพอได้ยินเสียง ‘กึก’ อวิ๋นหว่านถงก็เงยหน้าขึ้น องค์ชายห้าที่อยู่ตรงหน้าได้นอนหลับปุ๋ยดั่งสุกรไปแล้ว นางจึงไม่พูดไม่จา รีบนำชาในถ้วยชาทั้งสองเทใส่กระถางต้นไม้ที่อยู่ในห้อง ไม่ให้เหลือเบาะแสแม้แต่น้อย แล้วจึงใช้แรงทั้งหมดที่มี ลากตัวเว่ยอ๋องขึ้นไปไว้บนตั่งไม้ปูหนังเสือที่อยู่ในห้องด้านใน
ทว่าอย่างไรนางก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน ทำเรื่องเช่นนี้ ยังคงรู้สึกอับอายอยู่บ้าง
อวิ๋นหว่านถงหลับตา ขณะปลดกระดุมผ้าไหมสีทองบนคอเสื้อของเว่ยอ๋องออกทีละเม็ด เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกที่แน่นและแข็งแรงของผู้ชาย
นางกลืนน้ำลาย ก่อนลืมตาขึ้น ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คน แต่เป็นอนาคตที่รุ่งโรจน์และมั่งคั่ง ท่านแม่ว่า ความหวังในวันข้างหน้า ฝากไว้กับครั้งนี้แล้ว จึงหอบหายใจสองที ทำใจให้แข็งเข้าไว้ ฉีกเสื้อผ้าตรงหน้าอกตน เผยให้เห็นเอี๊ยมครึ่งหนึ่ง
ต่อให้อับอายแค่ไหน ตื่นเต้นแค่ไหน เมื่อเทียบกับอนาคตที่เกรงว่าโอกาสอันรุ่งโรจน์และมั่งคั่งตรงหน้าอาจมีแค่ครั้งเดียว ก็ไม่นับเป็นอะไรแล้ว
ยานอนหลับที่นางดื่มเข้าไป น้อยกว่าเว่ยอ๋องเล็กน้อย จึงออกฤทธิ์ช้าหน่อย ซึ่งตอนนี้อาการกำลังค่อยๆ มาพอดี ศีรษะจึงวิงเวียนและจมดิ่งลง นางจึงรีบฉวยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี ปีนขึ้นไปบนตั่ง แล้วนอนลงบนแผงอกของเว่ยอ๋อง แล้วจิตใต้สำนึกก็ค่อยๆ ดำมืด…