เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 115
“ท่านสงบลงก่อน”
เห็นเขาเอ่ยคำพูดพวกนี้ ท่าทางแตกตื่นจนแทบไม่ไหว ชักนำให้อาการบาดเจ็บกำเริบอีก
เยี่ยเม่ยเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา รีบเอ่ยปลอบ
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับไม่สงบลงเลย ทวีความแตกตื่นมากขึ้น “เกิดเรื่องเช่นนี้ เยี่ยนยังจะสงบลงได้อย่างไร”
เยี่ยเม่ย “…”
เยี่ยเม่ยอยากบอกว่า เรื่องประเภทนี้ต่อให้ต้องแตกตื่น หาคนมารับผิดชอบ ตามปกติแล้วสมควรเป็นฝ่ายหญิงที่แตกตื่น สมควรเป็นนางคว้าแขนเสื้อเขาไว้ ให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรับผิดชอบไม่ใช่หรืออย่างไร
การแสดงออกของเขาเช่นนี้ นี่มันเรื่องตลกอะไรกันแน่
เยี่ยเม่ยลุกขึ้นนั่ง นวดขมับของตัวเอง ในขณะที่กำลังตั้งใจใคร่ครวญเรื่องอย่างจริงจังว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตอนนั้นนางเฝ้าอยู่ข้างเตียงเขา หลังจากนั้นก็รู้สึกง่วง
ค่อยๆ หลับตาลง…
จากนั้นเกิดอะไรขึ้นแล้ว
จากนั้นก็ไม่เหลือความทรงจำเลยสักน้อย เมื่อลืมตาก็อยู่ในสถานการณ์นี้แล้ว
สายตาระแวงสงสัยของเยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
แต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมีสีหน้าเหมือนถูกเจ้านายหน้าเลือดหักเงินเดือน ทั้งเดือดดาลทั้งแตกตื่น ท่าทางเหมือนมาทวงหนี้
คำพูดที่เยี่ยเม่ยอยากถามพุ่งขึ้นมา พลันจุกอยู่ที่ในลำคอ พูดไม่ออก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเหมือนดูออกว่า นางกำลังจะถามอะไร
ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีความไม่ยินยอม ผิดหวัง และไม่ยินดี
ถามเยี่ยเม่ยด้วยความระแวง “เจ้าคิดจะพูดอะไร”
“อืม…ข้าอยากรู้ว่า ข้าขึ้นไปบนเตียงได้อย่างไรแล้ว” เยี่ยเม่ยไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไปตามหลัก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็บาดเจ็บ เช่นนั้นอาการบาดเจ็บย่อมส่งผลให้อีกฝ่ายขยับตัวได้ช้า หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนตื่นขึ้นมากลางคันทำเรื่องเหล่านี้ ตลอดกระบวนการทั้งหมดนางกลับไม่รู้ตัวเลย ไม่ตื่นขึ้นมา เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล
แต่หากไม่ใช่เขาทำ แล้วนางขึ้นไปบนเตียงได้อย่างไร
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ตะลึงไป จ้องมองเยี่ยเม่ยอย่างละเอียด คล้ายกำลังป้องกันแววตาวิเคราะห์ของนาง เสี้ยวนาทีถัดมา เขาลังเลมองหญิงสาวด้วยความระแวง น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ เอ่ยว่า “เจ้าขึ้นเตียงมาได้อย่างไร แม่นางเยี่ยเม่ยยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ก็ชิงเสริมขึ้นมาด้วยเสียงเนิบๆ อีกประโยคก่อนที่เยี่ยเม่ยจะตอบว่า “หรือเป็นเพราะแม่นางเยี่ยเม่ยกลัวว่าจะต้องรับผิดชอบเยี่ยน ถึงคิดข้ออ้างออกมา”
“ข้าหวังว่าท่านเข้าใจ…” น้ำเสียงเยี่ยเม่ยยังคงเย็นชาดังเคย ซ้ำแฝงด้วยความอับจนหนทาง “สตรีนางหนึ่งปรากฎตัวบนเตียงของบุรุษ โดยเฉพาะในยุคสมัยของพวกท่าน ข้าเชื่อว่าในยามปกติ คนที่สมควรเอ่ยปากขอข้อสรุปคือข้า”
ราชวงศ์เป่ยเฉิน ไม่จำเป็นต้องถามมากความก็รู้ว่าถึงจะไม่อยู่ในประวัติศาสตร์ชาติจีน เป็นยุคสมัยเลื่อนลอย แต่ดูจากวัฒนธรรมของคนที่นี่ ก็เป็นโลกที่บุรุษเป็นใหญ่สตรีเป็นรอง
ดังนั้นนางเป็นสตรีนางหนึ่งยังไม่เอ่ยปากเรียกร้อง เขากลับมีปฏิกิริยาใหญ่โต ใช่แตกตื่นเกินเหตุไปแล้วหรือไม่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว กลับมองเยี่ยเม่ยอย่างไม่เห็นด้วย น้ำเสียงเบาสบายราวปุยเมฆแฝงความจริงจังขึ้นมาหลายส่วน “แม่นาง คนผู้หนึ่งมีศีลธรรมสูงส่งหรือไม่ ปฏิบัติตามหลักการของตนได้สำเร็จหรือไม่ จัดการความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้าม รักษาความบริสุทธิ์ของตนได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในมาตรฐานการวัดคุณธรรมของคนผู้หนึ่ง เจ้าไม่อาจคิดว่าเยี่ยนเป็นบุรุษ ก็เข้าใจว่าเยี่ยนไม่ต้องการปกป้องศีลธรรมของตน”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยกลับย่นคิ้วแน่น
ต้องบอกว่าบุรุษที่เอ่ยหลักการบิดเบี้ยวกองโตออกมาตามเคยชินง่ายๆ เวลานี้คำพูดที่เขาเอยออกมา กลับมีเหตุผลอยู่บ้างจริงๆ
อวี้เหว่ยที่แอบฟังอยู่มุมกำแพง ในเวลานี้ยังคิดกระโดดออกมาปรบมือให้เตี้ยนเซี่ยของตน
เตี้ยนเซี่ยกล่าวได้ดีเกินไปแล้ว
หากไม่เข้าใจเตี้ยนเซี่ยมากพอ ก็อาจจะถูกหลอกลวงได้ เขาอวี้เหว่ยดูออก ในคำพูดของเตี้ยนเซี่ยมีพิรุธอยู่จุดเดียว นั่นก็เพราะว่าความเข้าใจที่มีต่อเตี้ยนเซี่ยมาตลอดหลายปี
ไม่รู้ว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะดูออกพิรุธหรือไม่
อืม ก็ไม่น่าล่ะ
เขายังคงมองโลกในแง่ดีเกินไป
ช่วงเวลาสั้นๆ เยี่ยเม่ยเห็นด้วยกับคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นางกวาดตามองอีกฝ่าย น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยว่า “คำพูดนี้หากเอ่ยออกจากปากผู้อื่น ข้าคงจะเชื่อแล้ว แต่เมื่อเอ่ยออกจากปากท่านเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านคิดว่า…ท่านเป็นคนที่พูดถึงหลักคุณธรรมศีลธรรมอย่างนั้นหรอกหรือ”
เยี่ยเม่ยเกือบถูกหลอกไปแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้นี้ตลอดมาไม่เคยใส่ใจเหตุผล ไม่ใส่ใจความน่าเชื่อถือ ไม่ใส่ใจศีลธรรม สำหรับเรื่องต่างๆ ล้วนมีหลักเหตุผลของตัวเอง สำหรับความหมายทุกประการในโลกหล้า เขาล้วนยินดีโค่นล้ม
ยามนี้บอกว่าเขาทำเพื่อหลักการและศีลธรรมของตัวเอง ถึงได้มาหาข้อสรุปกับนาง ออกจะน่าจะน่าขันเกินไปหรือไม่?
เดิมทีอวี้เหว่ยที่นั่งอยู่มุมกำแพงตื่นเต้นมาก เห็นว่าเยี่ยเม่ยฉลาดถึงขั้นนี้ ไม่นานก็จะพบพิรุธ สีหน้ากลายเป็นแตกตื่น รอฟังคำตอบเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ทว่าเขาไม่รู้ว่ายามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันกุมอก ไอออกมา
ปฏิกิริยาแบบนี้ทำให้สายตาเย็นชาของเยี่ยเม่ยเปลี่ยนไปอบอุ่นขึ้น คิดขึ้นได้ทันทีว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บก็เพราะตัวเอง ดังนั้นต่อให้นางรู้สึกว่าสถานการณ์ตรงหน้าไม่ถูกต้อง ก็ไม่อาจเอ่ยคำบีบคั้นอีกฝ่าย
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไอออกมา หลังจากมองสายตาเย็นชาของเยี่ยเม่ยสลายไปไม่น้อยอย่างพอใจ น้ำเสียงน่าฟังก็ค่อยๆเอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยเอ่ยไม่ผิด ก่อนหน้านี้เยี่ยนเป็นคนไม่เห็นหลักการคุณธรรมในสายตา ต้องการเหยียบย่ำหลักการเหตุผลไว้ใต้เท้า แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ได้รู้จักกับแม่นางเยี่ยเม่ย เห็นว่าเจ้ามีคุณธรรมเช่นนี้ เยี่ยนรู้สำนึกถึงความชั่วช้าของตัวเองที่ผ่านมา ถึงได้เลิกทำชั่วมุ่งทำดี ใช้สารพัดวิธีเพื่อเข้าสู่ทางธรรม”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าชั่วร้ายของเขามีแววสำนึกผิด แต่มิได้ลดทอนความสง่างามออกไปเลยแม้แต่น้อย มองเยี่ยเม่ย กล่าวต่อว่า “เชื่อว่าแม่นางเยี่ยเม่ยน่าจะเข้าใจจิตใจที่ต้องการเป็นคนใหม่ภายใต้รัศมีของแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนเปลี่ยนมาอยู่ในทางธรรมะอย่างกะทันหันกระมัง”
“อ้อ…” เยี่ยเม่ยชะงักไป เห็นเขาเอ่ยจากใจจริง จะเป็นคนใหม่ภายใต้รัศมีนาง คำเยินยอเช่นนี้ ทำให้นางผู้มีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก หาคำพูดแย้งไม่ออกเลยจริงๆ
เยี่ยเม่ยพยักหน้า เอ่ยว่า “ก็จริง ข้าเองก็เข้าใจเช่นนี้”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว รีบรุกไล่ขึ้นมา “ดังนั้น เยี่ยนเริ่มเห็นความสำคัญของคุณธรรมขึ้นมาอย่างกะทันหัน ให้ความสำคัญกับศีลธรรมของตัวเอง เยี่ยนไมต้องการทำตัวไม่ชัดเจนกับนางเยี่ยเม่ย แล้วไม่ได้รับการรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าเยี่ยนกำลังละทิ้งความเลวกระทำดีหรอกหรือ ไฉนเพราะสาเหตุนี้แม่นางเยี่ยเม่ยถึงสงสัยคำพูดของเยี่ยนว่าไม่จริงใจมากพอ”
อวี้เหว่ย “…” เขารู้สึกว่าครั้งหน้ายามที่พระอาจารย์จากเทียนจู๋มาถกปัญหาธรรม สมควรเรียกเตี้ยนเซี่ยไปด้วย
อาศัยความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเตี้ยนเซี่ย เกรงว่าพระมหาเถระที่มีชื่อเสียงในการถกปัญหาธรรม ก็หาใช่คู่มือเตี้ยนเซี่ย
ทีนี้ก็นับว่าดึงเยี่ยเม่ยเข้ามาพัวพันด้วยแล้ว อาศัยท่าทางเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางดี คำพิสูจน์ตัวเอง ล้วนเป็นความจริงใจสัตย์จริงออกมาจากใจ
เยี่ยเม่ยเงียบไปสักครู่ ไม่รู้จะเอ่ยออกอะไรออกมา
ในใจนางครุ่นคิดสักครู่ หากเยาเนี่ยเพื่อนตายของนาง นักฆ่าอันดับหนึ่งในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอยู่ที่นี่ด้วย อาศัยคำพูดที่เอ่ยให้คนเป็นกลายเป็นคนตาย คนตายกลายเป็นคนเป็นของเจ้านั่น ไม่แน่อาจจะพูดชนะเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้
อย่างไรเยี่ยเม่ยก็ไม่ถนัดวิเคราะห์ หญิงสาวถนัดลงมือมากกว่า
ดังนั้น…
เมื่อมาถึงข้อนี้ นางก็ไม่ถกเถียงอีกแล้ว
เยี่ยเม่ยถอนหายใจ เอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ได้ ท่านพูดไม่ผิด ท่านสมควรซักไซ้เรื่องนี้ อย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของท่าน”
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ มุมปากเยี่ยเม่ยกระตุกขึ้นเล็กน้อย
หากวิ่งออกไปถามทหารคนใดก็ได้ของราชสำนักเป่ยเฉินดูก็รู้ว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้นี้ใส่ใจชื่อเสียงหรือไม่ เขายังมีชื่อเสียงอีกหรือ เกรงว่าคำตอบของทุกคนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียว…ไม่มี
แต่เมื่อเอ่ยประโยคพวกนี้ออกไป เยี่ยเม่ยยังยอมรับว่าชื่อเสียงของเขาสำคัญ
เยี่ยเม่ยเอ่ยต่อ “ดังนั้นท่านก็ไม่ชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว”
“เยี่ยนหมดสติไปแล้ว อีกทั้งยังฟื้นขึ้นมาหลังแม่นางเยี่ยเม่ย ย่อมไม่รู้อะไร หรือแม่นางเยี่ยเม่ยจะง่วงเกินไป ไม่ทันรู้ตัวก็หลับลงบนเตียงเยี่ยนแล้ว” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยายามช่วยเยี่ยเม่ยหาเหตุผลด้วยเจตนาดี
แต่อวี้เหว่ยที่มุมกำแพงรู้แผนของเตี้ยนเซี่ยเป็นอย่างดี
คำพูดนี้คล้ายกับอธิบายว่าไฉนแม่นางเยี่ยเม่ยจึงปรากฏตัวบนเตียงได้ดีที่สุด แต่…ขอเพียงแม่นางเยี่ยเม่ยยอมรับคำพูดนี้ เตี้ยนเซี่ยทำเหมือนช่วยนางหาเหตุผล ก็เท่ากับว่าแม่นางเยี่ยเม่ยยอมแบกความรับผิดชอบไว้แล้ว
ไม่ว่าเจตนาหรือไม่เจตนา แต่นางเป็นคนขึ้นไปนอนบนเตียงของเตี้ยนเซี่ยเอง
ในเมื่อกระทำเอง อย่างนั้นเรื่องนี้นางก็ต้องรับผิดชอบ
จากนั้นเยี่ยเม่ยที่เป็นหญิงแกร่งตรงไปตรงมา ถึงกลับไม่ได้ตระหนักในคำพูดของหนุ่มเจ้าเล่ห์อย่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยังหลงคิดว่าอีกฝ่ายช่วยหาเหตุผลอีก
เยี่ยเม่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง พยักหน้า “นี่ก็เป็นไปได้ อืม คงจะเป็นเช่นนี้สินะ”
ไม่อย่างนั้นนางก็หาสาเหตุไม่ได้แล้ว เดิมคิดว่าเมื่อเอ่ยออกไปเช่นนี้ก็เท่ากับหมดเรื่อง ก็แค่ความเข้าใจผิดเล็กๆ
จากนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นแม่นางเยี่ยเม่ยที่ปีนขึ้นมาเอง เช่นนั้นเชื่อว่าแม่นางก็คงคิดว่า เจ้าต้องรับผิดชอบต่อความบริสุทธิ์ของเยี่ยนทั้งหมด”
เยี่ยเม่ยหมดคำพูด
รับผิดชอบก็ช่างเถอะ ยังมีทั้งหมดอีก?