เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 116
อวี้เหว่ยตื่นเต้นยินดี ยกนิ้วโป้งให้เจ้านายของตน
เขาคิดลุกขึ้นยืนโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงร้องยอดเยี่ยมดังๆ
ยามนี้เยี่ยเม่ยพลันรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาบ้างแล้ว นางนวดขมับปวดตุบๆ ของตนเอง มองใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายตรงหน้า กลับแอบซ่อนแผนการไว้
เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจเข้าลึก “พวกเราสองคนแค่นอนบนเตียงเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น…”
“ไม่แน่อาจเกิดขึ้นก็ได้” ยามที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกไป ยังทำท่าราวกับป้องกันสุนัขจิ้งจอก เขาดึงผ้าห่มตัวเองขึ้นมามองไปทีหนึ่ง
ท่าทางป้องกันเกรงว่าตนเองถูกเยี่ยเม่ยเอาเปรียบไปนานแล้ว
…
เยี่ยเม่ยกระตุกมุมปาก…
หรือว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ ตัวนางในสายตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นจิ้งจอกสาวคลุ้มคลั่งตัวหนึ่ง
ถึงได้ทำให้เขามีท่าทีป้องกันขนาดนี้
ในระหว่างที่กำลังใช้ความคิด เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเยี่ยเม่ย เอ่ยปากว่า “ในเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้กระทั่งตัวเองมาอยู่บนเตียงเยี่ยนได้อย่างไรก็ไม่ทราบ อย่างนั้น…แม่นางเยี่ยเม่ยจะตัดสินได้อย่างไรว่า เจ้านอนมาถึงตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรเยี่ยนเลยสักน้อย”
อวี้เหว่ยอยากลุกขึ้นมาปรบมือให้เตี้ยนเซี่ยของตนจริงๆ
ดูเตี้ยนเซี่ยเอ่ยสิ…
ผลักไสการลงมือไปไว้ที่แม่นางเยี่ยเม่ยทั้งหมด ไม่พูดว่าเตี้ยนเซี่ยมีโอกาสทำอะไรนางบ้าง กลับบอกว่าแม่นางเยี่ยเม่ยทำอะไรเตี้ยนเซี่ยบ้าง
เขาผลักมลทินทั้งหมดไปที่แม่นางเยี่ยเม่ย
ช่างเป็นกระบวนท่าที่ล้ำเลิศนักเชียว
เยี่ยเม่ยนิ่งไปครู่หนึ่งค่อยตระหนักได้ หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายไม่มีความผิดปกติสักน้อย นอกจากเสื้อผ้ายับย่นบ้างเพราะการนอน แต่ก็ยังสวมใส่ครบชิ้น
จากสภาพนี้ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น
หญิงสาวมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยแววตาเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยียบกล่าว “เชื่อว่าท่านเข้าใจดี พวกเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ท่านอย่าได้ดึงดันแสร้งสงสัยว่าระหว่างพวกเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เมื่อเยี่ยเม่ยกล่าวออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนส่ายหัว
ดวงตาชั่วร้ายมองที่หญิงสาว น้ำเสียงอ่อนโยนกล่าวด้วยความจริงจัง “แม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนไม่รู้ชัดจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เยี่ยนสงสัยจริงๆ หาได้ดึงดันสงสัย แม่นางเยี่ยเม่ยอย่าได้ระแวงสงสัยเยี่ยน”
เยี่ยเม่ย “…ดังนั้น ท่านคิดจะเอาอย่างไรกันแน่”
นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนใจ มองใบหน้าเผยแววดุร้ายของนาง ดังนั้นจึงไอโขลกออกมาหลายคำอย่างถูกเวลา
เยี่ยเม่ยเห็นเขาไอออกมา เดิมทีนางเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาบ้าง ก็พลันสลายไปเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ช่วยลูบหลังเขาเบาๆ ให้หายใจได้คล่องขึ้น เอ่ยว่า “ท่านใจเย็นหน่อย ท่านยังบาดเจ็บอยู่”
“เพราะท่าทางเย็นชาของแม่นางเยี่ยเม่ย ทำให้เยี่ยนไม่อาจสงบได้” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกล่าว จากนั้นก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
บุรุษรูปโฉมหล่อเหลาสง่างาม เมื่อไอออกมาอย่างรุนแรงคล้ายปอดแทบฉีกขาด ทำให้คนรู้สึกผิดได้ง่ายดายนัก
เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก จ้องเขา “ข้ายังไม่นับว่าใจจืดใจดำหรอกกระมัง…”
นางต่างหากที่ยึดเหตุผลไม่ใช่หรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมองเยี่ยเม่ย ดูคล้ายไม่ถอยเลยสักน้อย “อย่างนั้น แม่นางเยี่ยเม่ยคิดดีแล้วหรือยังว่าเรื่องนี้จะจัดการอย่างไร หากคนอื่นเห็นพวกเรานอนบนเตียงเดียวกัน โดยเฉพาะฉวยโอกาสยามที่เยี่ยนบาดเจ็บ…ก็เรียกว่าจับชู้ได้บนเตียงก็ไม่เกินไปนัก ”
เยี่ยเม่ยจนคำพูด
ก็เป็นเช่นนี้จริงๆ คนสองคนนอนร่วมเตียง ทั้งยังเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง นอนร่วมกันตื่นหนึ่ง ซ้ำยังไม่ใช่เวลาชั่วครู่ แต่เป็นเวลาตั้งแต่ช่วงสายจนถึงเย็น ยามนี้ฟ้าจวนเจียนจะมืดลงแล้ว
หากบอกว่าพวกเขาสองคนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่
อีกอย่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเน้นย้ำว่าเขาบาดเจ็บ ในคำพูดนั้นล้วนคล้ายกับว่าอาศัยยามคนตกอับเข้าไปขมขู่ นางฉวยโอกาสยามเขาบาดเจ็บ วิ่งไปล่วงเกินเขาถึงเตียง
เยี่ยเม่ยสูดลมหายใจลึก กล่าวว่า “ก็ได้ เรื่องนี้นับเป็นความรับผิดชอบของข้าก็แล้วกัน”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยเม่ยเองก็คิดอยากตีตัวเองสักที ทั้งไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องบ้าบออะไรกันแน่ นางมาเยี่ยมเขาชัดๆ ไฉนจู่ๆ ถึงหลับไปได้ ทั้งยังทำเอาตัวเองต้องกระอักกระอ่วนแบบนี้
พูดไปพูดมา เขาต้องการให้นางยอมรับ ความรับผิดชอบเรื่องนี้โยนมาที่นาง รับก็รับสิ เยี่ยเม่ยหาใช่คนที่แบกความรับผิดชอบไม่ไหว
หญิงสาวกล่าวเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบพยักหน้าด้วยความพอใจ กล่าวเนิบๆว่า “ในเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยยอมรับแล้ว ทุกอย่างเป็นความรับผิดชอบของเจ้า เช่นนั้นแม่นางสมควรมีข้อสรุปให้เยี่ยนใช่หรือไม่”
เยี่ยเม่ย “… ” นี่จะไม่ยอมจบใช่ไหม
ชายคนนี้ คิดจะเอาเรื่องให้ได้เลยหรือไร
เยี่ยเม่ยบอกตัวเองว่าอีกฝ่ายเป็นคนเจ็บ อย่าได้โมโหเพราะเขา หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วครู่ หญิงสาวกล่าวว่า“อย่านั้นท่านต้องการคำตอบแบบไหน”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว พรูลมหายใจออกมายาว ท่าทางเหมือนเสียเปรียบอย่างแสนสาหัส จ้องเยี่ยเม่ยเอ่ยปากว่า “ยามปกติบุรุษนอนกับหญิงสาวต้องชดใช้อย่าไร เมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยนอนกับเยี่ยนแล้ว ก็สมควรรับผิดชอบเช่นนั้น”
เขาพูดออกมาโดยไม่ใส่ใจเลยสักน้อยว่าเขาต่างหากที่เป็นบุรุษ แล้วเยี่ยเม่ยคือสตรี
คล้ายกับในความเข้าใจของเขา หาใช่ยุคที่บุรุษเป็นใหญ่สตรีเป็นรอง สตรีต้องรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่เป็นยุคสมัยที่บุรุษกับสตรีเท่าเทียม ถึงขั้นว่าสตรีเป็นใหญ่บุรุษเป็นรอง ความบริสุทธิ์ของบุรุษเป็นสิ่งสำคัญ
เยี่ยเม่ยมุมปากกระตุก
บุรุษปกติเมื่อนอนกับสตรีแล้วต้องรับผิดชอบอย่างไร
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน อารมณ์ของนางเลวร้ายมาก ใบหน้าเผยความเดือดดาล ถามเสียงเย็นเยือกว่า “ท่านว่า ข้าควรแสดงความรับผิดชอบอย่างบุรุษที่มีความรับผิดชอบ หรือว่ารับผิดชอบแบบบุรุษเสเพลดี”
รับผิดชอบแบบบุรุษมีความรับผิดชอบย่อมดูแลสตรีผู้นั้นไปชั่วชีวิต
รับผิดชอบแบบบุรุษเสเพล ก็แค่มอบเงินชดเชยให้เล็กน้อย ไม่ก็รับผิดชอบนิดๆ หน่อยๆ แล้วสะบัดก้นจากไป
ในเมื่อเยี่ยเม่ยถามมาเช่นนี้ อวี้เหว่ยที่มุมกำแพงกลับตื่นเต้น กลัวว่าเตี้ยนเซี่ยบีบคั้นเอามากๆ แม่นางเยี่ยเม่ยจะโมโหจะทำตัวเป็น ‘บุรุษเสเพล’
จากนั้น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหาใช่คนโง่ เวลานี้ไม่ตอบคำถามเยี่ยเม่ยตรงๆ เพียงจ้องตานาง เอ่ยปากอย่างล้ำลึก “เยี่ยนเชื่อว่า แม่นางเยี่ยเม่ยหาใช่คนที่เมื่อเสร็จกิจแล้ว จะไม่ยินยอมรับผิดชอบ”
เมื่อเขาเอ่ยออกไปเช่นนี้ ใบหน้าของเยี่ยเม่ยที่เดิมจนคำพูดและเดือดดาล พลันเย็นเยือกขึ้น
สายตาเย็นชาตวัดมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองพลันเปลี่ยนไปแปลกพิกล ใครล้วนไม่พูด ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่ยอมถอย
อวี้เหว่ยเห็นบรรยากาศเช่นนั้นก็แตกตื่น
นี่…
……
ในวังหลวง
เซี่ยโหวเฉินเดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษร เมื่อเดินมาถึงกลางห้อง ก็เอ่ยปากคารวะ “ถวายบังคมฝ่าบาท”
“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้สีหน้าอ่อนล้า มองเซี่ยโหวเฉิน “ในสุดเจ้าก็มาแล้ว เจ้าคงรู้สถานการณ์เวลานี้ ในเมื่อเจ้ามา ก็ต้องมีความเห็นของเจ้า ไหนลองบอกให้ข้าฟังดู”
เซี่ยโหวเฉินได้ฟัง ยิ้มเอ่ยว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีวิธีการจริงๆ กุญแจสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์นี้อยู่ที่ เป่ยเฉินอี้”