เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 12
เยี่ยเม่ยชะงักไปชั่วครู่
ผู้นำคือแม่ทัพหลี่ที่เมื่อกลางวันถูกองค์ชายผู้นั้นทำให้ตกใจจนปัสสาวะราด
แสงไฟวิบวับทั่วทั้งสี่ด้านช่วยให้ยามค่ำคืนสว่างไสวขึ้น
เยี่ยเม่ยปรายตามองทุกคน นางยังรักษาท่าทางสบายเหมือนเดิม ไม่รู้สึกว่าสถานการณ์เบื้องหน้าเป็นปัญหา
กลับถามเสียงเย็นว่า “พวกเจ้ารู้ว่าข้าจะจากไป ถึงมาน้อมส่งด้วยความยินดีใช่หรือเปล่า”
ประโยคนี้ของนางเอ่ยออกไป คนทั้งหมดนิ่งอึ้ง
พวกเขามีคนมากมาย ในมือถือธนูเพลิงเล็งไปที่ห้องนาง แทบเรียกได้ว่าสถานการณ์ดุเดือด จิตสังหารแรงกล้า แม่นางผู้นี้ไฉนถึงเข้าใจว่าเป็นการน้อมส่งอย่างยินดีไปได้เล่า
แม่ทัพหลี่ผู้นำได้ฟัง มุมปากกระตุกขึ้น จ้องมองเยี่ยเม่ย เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปในขณะนั้น
บรรยากาศหนักอึ้ง
เยี่ยเม่ยสำรวจไปรอบด้านครู่หนึ่ง เห็นบรรยากาศเช่นนี้ มีไอสังหารแผ่พุ่งออกมา
สีหน้าทั้งหมดไม่มีร่องรอยความยินดีหรือยิ้มแย้มสักน้อย ทุกคนสีหน้าเคร่งขรึมและเย็นชา สายตาแบบนี้ไม่เหมือนมาน้อมส่งนางอย่างยินดีแม้สักนิด ก็จริง นางเตรียมตัวจากองค์ชายผู้นั้นไปโดยไม่ร่ำลา เมื่อครู่เพิ่งตักเตือนท่านหญิงผู้นั้นด้วยความหวังดี อีกฝ่ายคงอยากสูบเลือดนางเพื่อระบายอารมณ์
ไม่ว่าพวกเขาคือใคร ต้องไม่ใช่คนที่มาส่งนางแน่
นางถอนใจ วางห่อสัมภาระในมือลง
มองแม่ทัพหลี่ เสียงเย็นชาถาม “เจ้าได้รับคำสั่งอะไรมา”
“ข้า…” แม่ทัพหลี่ลังเลเล็กน้อย สายตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ รอคนของตนกลับมารายงาน
คำสั่งที่เขาได้รับคือ ฆ่าแม่นางผู้นี้ทิ้งเสีย ทว่าเป็นคำสั่งจากท่านหญิงฉางเล่อ
ในเมื่อเป็นคำสั่งท่านหญิง เขาย่อมไม่ขัดขืน ทว่าอย่างไรแม่นางผู้นี้คือคนที่องค์ชายสี่พาตัวมา เขาไม่กล้าลงมือโดยพลการ เพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่อง ทางหนึ่งพาคนล้อมที่นี่ไว้ อีกทางหนึ่งให้คนไปถามองค์ชายสี่
เวลานี้แม่นางถามมา เขาไม่กล้าเอ่ยปาก กลัวทำให้เยี่ยเม่ยโมโห อารมณ์ของแม่นางคนนี้ไม่ค่อยดีนัก
ครั้นเห็นเขาไม่พูดจา เยี่ยเม่ยเข้าใจทันที
นางพยักหน้าไม่ใส่ใจ ถามเสียงเย็น “คิดจะฆ่าข้าหรือ”
แม่ทัพหลี่ลังเลเล็กน้อย มองสีหน้าเย็นชาของนาง ดูไม่เหมือนกับมีโทสะ
ด้วยเหตุนี้เขาพยักหน้าช้า ๆ “ถูกแล้วแม่นาง”
“คำสั่งท่านหญิงหรือ” เยี่ยเม่ยถามต่อ ท่านหญิงผู้นั้นบอกแล้วว่าจะแก้แค้นนาง ดังนั้นคำสั่งนี้จึงไม่แปลก
แม่ทัพหลี่พยักหน้า “ถูกต้อง ความหมายของท่านหญิงคือ…หลังจากยิงท่านบาดเจ็บ ให้เผาเสีย”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ชื่นชม “สร้างสรรค์ไม่เลว”
ทุกคน “…” นางไม่รู้เหรอว่าคำสั่งของท่านหญิงให้ลงมือกับนาง คนที่จะถูกยิงบาดเจ็บแล้วเผาต่อก็คือนางไม่ใช่เหรอไง ไฉนถึงได้ชื่นชมว่าท่านหญิงสร้างสรรค์ ใช่เสียสติไปแล้วหรือเปล่า
เยี่ยเม่ยมองไปรอบด้าน ไม่สนใจว่าใจของพวกเขาจะหมดคำพูดมากแค่ไหน
นางถอนใจยาวอีกครั้ง ยอมรับชะตากรรม น้ำเสียงเย็นชา “คนมากมายขนาดนี้ ดูท่าแจกันโบราณของข้าคงหมดทางเอาไปด้วยแล้ว”
แจกันดอกไม้น้ำหนักมากมีผลกับการเคลื่อนไหวของนาง
นางเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนทั้งหมดพากันมุมปากกระตุก
แจกันดอกไม้โบราณ?
ตัวนางเกรงว่าจะหนีไปไม่ได้เลย แต่ยังเอาแจกันโบราณไปด้วย
แม่ทัพหลี่ไม่รู้จะพูดอะไรในชั่วขณะ ปาดเหงื่อบนหน้าผากออก เอ่ยอย่างจนปัญญา “แม่นาง ท่าน…”
“พวกเจ้าจะหลบทางเอง หรือให้ข้าฆ่าฝ่าออกไป” เยี่ยเม่ยถามให้แน่ชัด นางไม่อยากเสียเวลา ไม่รอแม่ทัพหลี่เอ่ยจบก็ถามขึ้น
ประโยคนี้ถามออกมา คนทั้งหมดต่างมองหน้ากัน คำพูดของแม่ทัพหลี่ก็สะดุดไป
คนจำนวนมากห้อมล้อม ในมือเหล่าทหารองครักษ์ยังมีธนูเพลิง นางคิดเข่นฆ่าออกไป นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกหรือไง ไฉนพวกเขาถึงรู้สึกว่า ตนเองและบรรดาพี่น้องทั้งหลายถูกสตรีผู้นี้ดูแคลนกันเล่า
แม่ทัพหลี่เอ่ยปาก “แม่นาง ท่านหญิงออกคำสั่ง พวกเราไม่อาจเปิดทาง…”
แม่ทัพหลี่เอ่ย สายตาอดมองไปทิศทางห่างไกลไม่ได้ หวังให้ทหารใต้บัญชาของตัวเองรีบกลับมา นำคำสั่งของเตี้ยนเซี่ยกลับมาด้วย ทั้งยังไม่รู้ท่าทีของเตี้ยนเซี่ย หากแม่นางผู้นี้คิดฝืนบุกออกไป เขาจะฆ่าหรือไม่ฆ่า
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ถามเสียงเย็นชา “ในเมื่อพวกเจ้าไม่หลีกทาง อย่างนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”
เยี่ยเม่ยเอ่ยจบก็ไม่ลังเลอีก ขยับเท้าพุ่งตัวไปไกลสิบเมตรด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด
นางต้องเคลื่อนไหวด้วยตัวคนเดียว ถึงรักษาความเร็วระดับนี้ไว้ได้ เสียดายพวกแจกันโบราณเหลือเกิน
ทุกคนเห็นภาพนี้ แตกตื่นไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่านางจะเร็วถึงขั้นนี้ มองความเร็วราวเหาะของนางด้วยสายตาตกตะลึง แม่ทัพหลี่เองก็แตกตื่นจนหน้าถอดสี รีบสั่ง “เร็ว ขวางนางไว้”
บรรดาองครักษ์อึ้งไป ในมือถือธนูเพลิง ไม่รู้ว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร
แม่นางผู้นี้หาใช่คนที่ไม่มีแรงแม้แต่ฆ่าไก่ นางสามารถล่าเหยื่อเองได้ด้วยซ้ำ แต่หากปล่อยธนูออกไป เกรงจะถึงแก่ชีวิต เช่นนั้นก็ไม่มีทางถอยกลับแล้ว
ในช่วงเวลาที่พวกเขาชะงักไป เยี่ยเม่ยพุ่งออกไปได้หลายสิบเมตรแล้ว
เวลานี้หากยังไม่ลงมือ นางคงหนีไปจริง ไม่มีคำอธิบายให้กับท่านหญิงแน่ แม่ทัพหลี่กัดฟันแน่น เอ่ยเสียงดัง “ยิงธนู!”