เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 127
“เจ้าพูดจบแล้วหรือยัง”
หลังจากหลินซูเหย่าอธิบายอย่างรวดเร็ว ในที่สุดจิ่วหุนก็ตอบกลับประโยคหนึ่ง
หลินซูเหย่าชะงักไปเล็กน้อย เงยหน้ามองจิ่วหุน สีหน้าอึ้งทึ่งไป ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร
เห็นสีหน้าของจิ่วหุนมองนาง เริ่มไร้ความอดทน
หลินซูเหย่าก็รู้ทัน ไม่ว่าอย่างไร ตัวเองก็ยังต้องการคำตอบ นางตะกุกตะกักตอบ “ข้า ข้าพูดจบแล้ว”
เห็นอารมณ์จิ่วหุนนิ่งสงบคล้ายไม่ถูกตัวนางยุแยงได้สำเร็จ
หลินซูเหย่าหัวใจสั่นลนลาน รีบเอ่ยเสริมขึ้นว่า “คำพูดที่ข้าบอกกับท่าน เป็นจริงทุกประการ ข้าหวังว่าท่านจะคิดดูให้ดี”
จิ่วหุนยื่นมืออกไปหาหลินซูเหย่า
บุตรสาวนายอำเภอชะงักไปเล็กน้อย มองฝ่ามือใหญ่ของอีกฝ่ายยื่นมาเบื้องหน้าตน ฝ่ามือนั้นใหญ่มากเป็นลักษณะพิเศษของฝ่ามือบุรุษเท่านั้น นางละล้าละลังชั่วครู่ เขากำลังจะจับมือนางใช่หรือเปล่า
ครั้นคิดเช่นนี้ หัวใจของหลินซูเหย่าในยามนี้ก็ดีใจเป็นลิงโลด
มือขวากุมปอยผมของจิ่วหุนที่ถูกตัดขาดเอาไว้ มือซ้ายยื่นออกไปหามือของนักฆ่าหนุ่ม
จิ่วหุนมองการกระทำเช่นนี้ของอีกฝ่าย ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด แววตาของเขาทอประกายรังเกียจอย่างชัดเจน รวมทั้งไม่เข้าใจกระบวนความคิดของหลินซูเหย่า ไฉนถึงไม่เป็นเหมือนกับเขา
จิ่วหุนรั้งมือกลับมาโดยพลัน ไม่ปล่อยให้มือของหลินซูเหย่าเข้ามาอยู่ในมือเขา
จากนั้นมือขวาที่อยู่กลางอากาศคว้าจับ กำลังภายในก็พุ่งเข้าจู่โจมมือขวาของหลินซูเหย่า ปอยผมดำในมือนางเข้ามาสู่มือเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวพริบตา หลินซูเหย่ายังไม่ทันตอบสนอง ปอยผมในมือก็หายไปแล้ว
ดีที่จิ่วหุนลงมือไม่หนัก ดังนั้นมือของนางแค่ถูกกำลังภายในง้างออก แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ในขณะที่นางอยู่ในภาวะตกตะลึง
มือซ้ายของนางยังยื่นออกไปหาจิ่วหุน อยู่ในลักษณะที่จะจับมือกับเขา ส่วนจิ่วหุนรั้งมือกลับไปแล้ว เหลือมือข้างหนึ่งของนาง ไม่สิ มือข้างหนึ่งค้างเติ่งอยู่กลางอากาศอย่างเก้กัง
หลินซูเหย่ารู้สึกว่า ใบหน้าของตนร้อนฉ่า…
“ท่าน…” หลินซูเหย่ากระอักกระอ่วน ฝืนทำตัวสงบ รั้งมือที่ค้างอยู่กลางอากาศของตนกลับ เอ่ยอย่างผิดหวังระคนทุกข์ใจ “ที่แท้…ที่แท้ท่านคิดเอาผมกลับไปเท่านั้น”
จิ่วหุนหน้าตาไร้อารมณ์ “มันไม่เหมาะที่จะอยู่ในมือเจ้า”
พูดจบ เขาก็หมุนกายจากไป ในขณะเดียวกัน สายตาของเขามองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ สายตาฉายแววสังหารและคมกริบ
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงมือ สาวเท้ายาวๆ ออกไป
หลินซูเหย่ามองแผ่นหลังเขา เอ่ยปากด้วยความระวัง “คุณชายเสี่ยวจิ่ว ท่าน…ท่านคิดอย่างไรกับ…คำพูดของข้าเมื่อครู่ พอจะบอกข้าได้หรือไม่”
จิ่วหุนไม่หันหน้ามอง “ไม่เข้าใจ ไม่สนใจ อย่าได้ตั้งใจมาพูดจาเหลวไหลกับข้าอีก”
สำหรับเรื่องที่เยี่ยเม่ยไปหาเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เขามีความคิดเห็นก็จริง อีกทั้งอารมณ์ยังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
แต่สำหรับคำสารภาพของหลินซูเหย่า จิ่วหุนไม่มีความสนใจจริงๆ อีกทั้งยังเห็นว่าเป็นวาจาเหลวไหลไร้ราคา
ส่วนที่เพราะอะไรหลินซูเหย่าคิดว่าถึงเอ่ยว่าจาเช่นนี้กับเขา แล้วเขาจะชอบนางนั้น ไม่ชอบเยี่ยเม่ย เขาไม่รู้จริงๆ
จิ่วหุนเป็นพวกเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เข้าใจอารมณ์ทางโลก ทั้งไม่เข้าใจแผนการของหลินซูเหย่า ถึงกระทั่งไม่เข้าใจวิธีการคิดของอีกฝ่าย เขารู้แต่ว่าตัวเองชอบเยี่ยเม่ย ยอมรับเรื่องนี้เท่านั้น ก็ง่ายๆ แค่นี้
หลินซูเหย่าหน้าแดงก่ำสลับขาวซีด มองส่งเขาจากไปไกล
นางกำหมัดแน่น หลินซูเหย่าคิดไม่ถึงเลยว่า แผนการที่ตนหลงคิดว่าฉลาดเฉลียว ต่อหน้าจิ่วหุน กลับไม่ได้ผลเลยสักน้อย อีกฝ่ายไม่ใส่ใจการกระทำของเยี่ยเม่ยเลยสักอย่าง หรือว่ารังเกียจตัวนางจริงๆ กันแน่
“คุณหนู” สาวใช้ที่หลบอยู่ เห็นหลินซูเหย่าล้มเหลว เดินออกไปด้วยความอึดอัด
สิ่งที่ทำให้นางยิ่งอึดอัดก็คือ ก่อนที่คุณชายเสี่ยวจิ่วผู้นั้นจะจากไป สายตาที่มองยังทิศตะวันตกเฉียงใต้นั้นไม่เป็นมิตร คล้ายกับมองมาที่ตน
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพบว่าตัวนางหลบอยู่ที่นี่
เดิมทีหลินซูเหย่าก็กระอักกระอ่วนมากพอแล้ว ยามนี้สาวใช้ออกมา นางยิ่งตระหนักได้ถึงความขายหน้าของตน สีหน้ายิ่งไม่น่ามอง
หลังจากสาวใช้ออกมา ไม่ช้าก็โยนความรับผิดชอบไปไว้ที่ตัวนางเอง “คุณหนู ขอโทษด้วย เรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของบ่าว บ่าวไม่สมควรออกความคิดเห็นนี้ให้คุณหนู”
“พอแล้ว” ถึงหลินซูเหย่าจะโมโหมาก แต่ในใจก็เข้าใจดี ความผิดพลาดนี้ไม่ใช่เพราะสาวใช้ แต่เพราะแนวความคิดของจิ่วหุน แตกต่างจากคนทั่วไป
เมื่อสาวใช้เห็นว่าเจ้านายไม่คิดจัดการตัวเอง พลันวางใจ รีบเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนู บ่าวรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดอยู่บ้าง”
หลินซูเหย่าหันหน้ามองนาง “เจ้าว่าแปลกประหลาดที่ใด”
“คุณชายเสี่ยวจิ่ว” สาวใช้ตอบ ทั้งยังพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ท่านไม่รู้สึกหรือว่า คุณชายเสี่ยวจิ่วดูแปลก ๆ ในสถานการณ์ปกติ เขายื่นมือออกมา สมควรแสดงออกว่ารู้สึกดีกับท่าน แต่ยามที่เขายื่นมือออกมา ไม่พูดอะไรสักคำเดียว กลับทำเพราะต้องการเอาปอยผมกลับไป นี่มัน….”
สาวใช้ย่นคิ้ว เอ่ยต่อ “นี่ไม่เหมือนกับตรรกะความคิดของคนปกติทั่วไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคำพูดพวกนั้นที่เขาตอบกลับท่าน ท่านลองคิดดู คนปกติจะพูดเช่นนี้หรือไม่”
บอกว่าคุณหนูไม่ต้องพูดจาเหลวไหลกับเขา คำพูดนี้ไม่มีปัญหา
แต่เพราะอะไรเสี่ยวจิ่วถึงบอกว่า…ไม่เข้าใจ?
สาวใช้เอ่ยเช่นนี้ กลับเป็นการเตือนหลินซูเหย่า บุตรสาวเจ้าเมืองเอ่ยปาก “ความหมายของเจ้าคือ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคน หรือเรียกได้ว่า เขาไม่เข้าใจความสัมพันธ์พื้นฐานระหว่างคน ดังนั้น…บางทีเขาอาจไม่เข้าใจ คำพูดของข้าเมื่อครู่ว่ามีความนัยแอบแฝงอย่างนั้นหรือ”
ระหว่างนางกับเยี่ยเม่ย ใครใส่ใจเขามากกว่ากัน
สาวใช้ละล้าละลังไปเสี้ยววินาที จากนั้นก็พยักหน้า “ไม่ผิด คุณหนู บ่าวรู้สึกเช่นนั้น เขาอาจจะไม่ใส่ใจเรื่องราวภายนอก ถึงกระทั่งมีนิสัยแปลกประหลาด หรือไม่ก็มีวิธีการคิดวิเคราะห์ต่างกับคนทั่วไปอย่างพวกเรา แต่คุณหนู เรื่องนี้ล้วนไม่ปกติ”
“คิดไม่ถึงว่า เจ้าจะมีไหวพริบเช่นนี้”
หลินซูเหย่าสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้า
ก็จริง เสี่ยวจิ่วดูจะเป็นเช่นนั้น
หลินซูเหย่าเอ่ยปาก “ข้าเคยบอกแล้ว บางคนอาจมีปัญหาด้านนี้ ข้าไปถามท่านหมอ ดูว่าจะจ่ายยาให้เขา ปัญหาด้านนิสัย มียาบางตัวที่ช่วยรักษาได้”
หลินซูเหย่าเอ่ยจบ ก็ตรงไปที่เรือนหมอ
สาวใช้ถูกเจ้านายทำให้อึ้งไป “คุณหนู เขาทำเช่นนี้กับท่าน ท่านยังจะสนใจความเป็นตายของเขาอีก”
หลินซูเหย่านิ่งไป ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างหนักแน่น “ข้าชอบเขาจากใจจริง ความชอบอย่างตื้นเขินนั้นจะเลิกก็อาจเลิกได้ แต่ชอบจากใจจริงๆ ไม่มีทางหมุนตัวจากไปง่ายๆ ”
พูดจบแล้ว ฝีเท้าหนักแน่นของนางก็เดินไปทางเรือนของท่านหมอ
สาวใช้ชะงักงัน ท้ายที่สุดก็ยังเข้าใจ ก็ถูก อย่างไรเสียคุณชายเสี่ยวจิ่วก็เป็นคนโดดเด่นน่ามอง ตอนนางนอนกลางวันยังฝันเห็น เพียงแต่นางรู้ว่าตนเป็นสาวใช้ ไม่คู่ควร ดังนั้นไม่เคยคิดฝัน
คุณหนูเป็นคุณหนูเจ้าเมือง มีโอกาสแย่งชิงสักครั้ง ไม่ยินยอมปล่อยวางก็เป็นเรื่องปกติ