เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 13
สิ้นเสียงนี้ ทุกคนไม่ลังเลอีก
ยิงธนูเพลิงไปยังทิศทางเยี่ยเม่ยทันที
เยี่ยเม่ยเห็นธนูเพลิงจากทั่วสารทิศยิงมาทางนาง ยิ้มยกมุมปาก ล้วงพัดหยกออกจากเอว สะบัดออกไปกลางอากาศ พัดลอยเป็นวิถีโค้งออกไป
ในระหว่างที่พัดลอยตัวอยู่นั้นก็ปัดลูกธนูที่พุ่งมาทั้งหมดย้อนกลับไปสิ้น
ลูกธนูทั้งหมดพุ่งย้อนกลับไปยังคนยิง
บรรดาองครักษ์เบิกตากว้าง จ้องลูกธนูที่พุ่งกลับมายังตนอย่างไม่เชื่อสายตา คิดจะหลบ ทว่าไม่ทัน
คนจำนวนไม่น้อยถูกยิง ล้มลง
เยี่ยเม่ยควบคุมพัดได้เป็นอย่างดี ภายใต้การโจมตีของนางไม่ได้เอาชีวิตคนเหล่านี้แม้แต่คนเดียว บ้างก็ถูกยิงบาดเจ็บ บ้างก็ถูกธนูเพลิงเผาเสื้อผ้า ล้มกลิ้งเกลือกบนพื้นอย่างคลุ้มคลั่ง เพื่อดับไฟบนร่างตน
เยี่ยเม่ยเห็นสถานการณ์ ปรายตามองด้วยสายตาเย็นชา ยื่นมือออกไปรับพัดที่พุ่งย้อนกลับเข้ามือ
สายตาทุกคนที่มองนาง ทวีความหวาดกลัวมากขึ้น
แค่กระบวนท่าเดียวสามารถขจัดลูกธนูนับร้อย ทั้งยังยิงองครักษ์หลายสิบคนบาดเจ็บ
ฝีมือเช่นนี้ แม้กระทั่งพวกเขายังคิดว่าตนตาฝาดไปหรือไม่
เหล่าองครักษ์กลิ้งไปมาบนพื้น ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด จากนั้นก็มีคนเข้ามาช่วยดับไฟ
นางเลิกคิ้วมองแม่ทัพหลี่
พัดในมือขวาเคาะลงกลางมือซ้ายเบาๆ ท่าทางเชื่องช้า น้ำเสียงเย็นชา “อารมณ์ข้ายังไม่เลว ไม่อยากฆ่าคนชั่วคราว หวังว่าพวกเจ้าอย่าทำให้ความอดทนของข้าหมดสิ้นลง เมื่อถึงเวลานั้นหลังจากถูกยิงบาดเจ็บแล้วถูกไฟคลอกตาย เกรงว่าจะเกิดขึ้นพวกเจ้าทุกคน รวมทั้งท่านหญิงท่านนั้นด้วย”
นางพูดจบ สายตาคมกริบราวมีดกวาดมองทุกคน
คนจำนวนไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง ทั้งๆ ที่เป็นแม่นางดูอ่อนแอคนหนึ่งแท้ๆ ไฉนถึงมีความสามารถถึงขั้นนี้
ในขณะที่พวกเขาอยู่ในอารามตกตะลึง เยี่ยเม่ยดึงเอาสายรัดเอวที่เป็นเพียงเครื่องประดับออกมา สายรัดเอวเมื่อดึงออกยาวถึงสามเมตร
นางสะบัดสายคาดเอวออกโดยแรงราวกับสะบัดแส้ สายรัดเอวพันกับกิ่งไม้ หยิบยืมแรงเหวี่ยง ร่างกายลอยขึ้นกลางอากาศ ทะยานออกจากเรือนไป
เมื่อเก็บสายคาดเอวก็ไม่เห็นเงาคนอีก
ความจริงชุดของนางไม่จำเป็นต้องใช้สายคาดเอว เพียงแต่ยามนั้นเห็นว่าน่ามองจึงซื้อมา วันนี้บังเอิญใช้ประโยชน์ได้พอดี
แม่ทัพหลี่ได้สติ ไม่เห็นเงาคน สีหน้าซีดเผือดไปชั่วขณะ
ตวาดก้อง “ตาม!”
ส่วนภาพที่เยี่ยเม่ยคล้ายกับวิญญาณ ยืมแรงจากสายคาดเอวหนีออกจากเรือนในเวลานี้ ตกอยู่ในสายตาเล่ห์ร้ายคู่หนึ่ง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้รับข่าวก็รุดมาอย่างรวดเร็ว
ทว่าเขาคิดไม่ถึง เพิ่งเดินเข้าใกล้กลับเห็นนางคล้ายกับภูตพรายในยามค่ำคืน ไม่ต้องเอ่ยถึงฝีมือ ท่าทางสง่าผ่าเผยงดงามเป็นพิเศษ แค่สายคาดเอวธรรมดา นางกลับใช้ได้ดั่งใจ
เขารั้งสายตากลับมามองเหล่าทหารกลิ้งไปมาบนพื้น
เขาไม่เร่งร้อนติดตามเยี่ยเม่ยไป นัยน์ตาปรากฏความสนใจขึ้นหลายส่วน ค่อยๆ เดินเข้าไปหน้าคนทั้งหมด ถามอย่างไม่ใส่ใจ “เกิดอะไรขึ้น ไฉนพวกเจ้าถึงบาดเจ็บ”
แม่ทัพหลี่กำลังจะนำคนติดตามเยี่ยเม่ย เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเดินเข้ามา รีบวิ่งเข้าหา
เอ่ยปากตอบคำถาม “เตี้ยนเซี่ยคือว่า พวกเรา…”
เพิ่งเอ่ยได้ไม่กี่คำ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมือห้ามแม่ทัพหลี่ เอ่ยเนิบๆ “ช่างเถอะ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าบาดเจ็บเพราะอะไร ข้าล้วนไม่ใส่ใจ….”
ทุกคน “…”
นี่ไม่ใช่ท่านถามหรือไง
ทว่าเห็นเขาหรี่ดวงตาลง กวาดตามองคนทั้งหมด น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยขึ้นช้าๆ “ใครสั่งให้พวกเจ้ายิงธนู”
พลังอำนาจนี้ทำให้คนแตกตื่น หวาดกลัว
ทุกคนกำลังตัวสั่น มีองครักษ์หลายคนเห็นสายตาของเขา ด้วยความตื่นกลัวมากจนเกินไปหลบหลังพี่น้องด้านข้างโดยไม่รู้ตัว ทุกคนพากันตัวสั่นเทิ้มมองแม่ทัพหลี่
อยากร่ำไห้บอกว่า นี่คือคำสั่งของแม่ทัพหลี่ ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
แม่ทัพหลี่หน้าซีด
ตึง เสียงคุกเข่าดังขึ้น
เวลานี้พูดอะไรไปก็ไม่เป็นผลดี ตะกายไปข้างเท้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เสียงสั่นเอ่ยว่า “เตี้ยน…เตี้ยเซี่ย ข้า ข้า…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นเขาพูดจาอึกๆ อักๆ ก้มหน้าลงอย่างไม่ใส่ใจ กวาดตามองเขา สีหน้าหล่อเหลา น้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าทำไม หรือว่าใบหน้าของเยี่ยนน่ากลัว อัปลักษณ์ ทำให้เจ้าไม่ยินยอมพูดกับเยี่ยน”
อวี้เหว่ยกลอกตา ความน่ารังเกียจตรงหน้าย่อมไม่ใช่หน้าตาอัปลักษณ์อย่างแน่นอน ทั้งยังหล่อเหลาน่ามองเป็นอย่างมาก แต่สำคัญคือนิสัยชั่วร้ายกับความสามารถของเตี้ยนเซี่ยต่างหาก ล้วนน่าตกใจ ทุกคนไม่กล้าพูดจากับเขา…
แม่ทัพหลี่ตกใจจนร้องไห้ออกมาทันที “เตี้ยนเซี่ย ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นจริง ล้วนเป็นคำสั่งของท่านหญิง ข้าน้อยมิกล้าไม่ปฎิบัติตาม ข้าน้อยส่งคนไปถามความเห็นท่านแล้ว ทว่ายังไม่ได้แต่สารกลับมา…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟังกลับยิ้มออกมา
มองแม่ทัพหลี่ ถามเสียงอ่อนโยน “ความหมายของเจ้าคือ ความเห็นของเยี่ยนไม่สำคัญ ดังนั้นเจ้าจึงมีความอดทนรอไม่พอ ถึงได้สั่งให้ยิงธนูฆ่าแม่นางที่เยี่ยนรักอย่างนั้นหรือ”
อวี้เหว่ย “…”
แม่นางที่รัก?
แม่ทัพหลี่ยิ่งแตกตื่นจนหน้าซีดเซียวคล้ายกำแพงที่เพิ่งจะลงสีขาว เตี้ยนเซี่ยจริงใจกับแม่นางท่านนั้นจริงหรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ทว่าเตี้ยนเซี่ยเอ่ยเช่นนี้ ความหมายก็คือเขาก่อเรื่องใหญ่แล้ว
แม่ทัพหลี่ร้องไห้ “เตี้ยนเซี่ย ไม่ใช่ข้าไม่ยินยอมรอท่าน แต่แม่นางผู้นั้นจะจากไป ข้าไม่สั่งให้ยิง นางคงจากไปแล้ว ข้า…”
แม่ทัพหลี่เอ่ยจบ รอยยิ้มบนใบหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น
เขาก้มหน้ามองแม่ทัพหลี่ ถามช้าๆ “ความหมายของเจ้าคือ เจ้าจิตใจชั่วร้ายคิดยิงคนรักของเยี่ยน ยังเป็นความผิดของนางอีกแล้ว”
น้ำตาเอ่อล้นดวงตาแม่ทัพหลี่อีกครั้ง ร่ำไห้ “เตี้ยนเซี่ย ข้า ข้ามิได้เจตนา ข้าไม่รู้ว่านางเป็นคนรักของท่าน…เตี้ยนเซี่ย…”
ในขณะที่เขากำลังร้องไห้
ซือถูเฉียงหน้าเขียวเดินสาวเท้ายาวเข้ามา
นางมาถึงก็มองดู ไม่พบศพเยี่ยเม่ย ทว่าเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนาง
ใบหน้าของซือถูเฉียงแดงเรื่อ มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน อีกครู่หนึ่งดวงตาแดง “พี่เยี่ยน ท่านไม่รู้หรอกว่านังแพศยานั่นทำเกินไปแค่ไหน ขาของเฉียงเอ๋อร์ถูกนางเตะเจ็บมาก หากมิใช่เฉียงเอ๋อร์ดวงแข็ง สวรรค์คุ้มครอง ไม่เช่นนั้นขาคงหักไปแล้ว”