เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 145 เตี้ยนเซี่ย สังหารจิ่วหุนออกจะโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]
- ตอนที่ 145 เตี้ยนเซี่ย สังหารจิ่วหุนออกจะโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่
หลูเซียงฮั่วก็ตัวสั่นมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ถึงบอกว่าในระยะนี้ ยามที่อยู่ข้างกายเยี่ยเม่ย องค์ชายสี่เปลี่ยนไป มีอารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ว่าในใจของตนก็ยังไม่อาจควบคุมอาการตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อได้พบองค์ชายสี่
ได้ฟังคำวิจารณ์อี้อ๋องขององค์ชายสี่ เขาก็ทำได้แค่…แค่กๆๆ…
เยี่ยเม่ยฟังคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กลับปรายตามองเขา “เลวร้ายถึงขั้นนี้เชียวหรือ”
ดูจากท่าทีของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่มีต่อเป่ยเฉินอี้แล้ว แตกต่างกับการที่เขาไม่เห็นเป่ยเฉินเสียงอยู่ในสายตา เยี่ยเม่ยพลันตระหนักได้ อี้อ๋องผู้กำลังเดินทางมานี้ เกรงว่าจะเป็นคนไม่ธรรมดา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองหลูเซียงฮั่ว จากนั้นรีบมองเยี่ยเม่ย เอ่ยปากว่า “หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ถามแม่ทัพหลูได้”
สายตาของเยี่ยเม่ยเปลี่ยนไปหยุดอยู่ที่หลูเซียงฮั่วอย่างรวดเร็ว
หลูเซียงฮั่วก็ไม่รู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมาไม้ไหน แต่ว่าก็พูดความจริงออกไป “แม่นางเยี่ยเม่ย อี้อ๋องได้รับขนานนามว่าเป็นปราชญ์อันดับหนึ่งในใต้หล้า เรื่องราวต่างๆในโลกล้วนอยู่ในการคำนวณของเขา ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ขอเพียงคนที่เขาต้องการจัดการ ล้วนไม่มีใครมีจุดจบที่ดี ศึกใดๆ ที่เขาร่วมรบ ราชสำนักเป่ยเฉินล้วนได้รับชัยชนะ…”
เยี่ยเม่ยฟังมาถึงบัดนี้ ถามอย่างสงบว่า “ฟังอย่างนี้แล้ว ก็น่าจะเป็นคนที่มีความสามารถเกินคนทั่วไป”
“แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ…” หลูเซียงฮั่วปรายตามองเยี่ยเม่ย เอ่ยต่อ “อี้อ๋องมีนิสัยประหลาด เขาทำอะไรไม่สนใจวิธีการ ต้องการเพียงผลลัพธ์ ขอเพียงเอาชนะได้ ใครจะเป็นตาย ในสายตาเขาแล้วไม่ต้องเอ่ยถึง ต่อให้เป็นผู้มีพระคุณของเขาก็ตาม”
เมื่อคิดถึงสงครามเมื่อสี่ปีก่อน ทุกคนต่างก็หวาดกลัวอยู่ในใจ
เยี่ยเม่ยฟังถึงตรงนี้ ค่อยคิดได้ว่า “ความหมายของท่านคือ เขาเป็นคนไร้หัวใจคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ”
“บอกว่าอย่างนั้นก็ได้” หลูเซียงฮั่วรีบตอบ
คนทั้งใต้หล้ามีความเห็นเกี่ยวกับอี้อ๋องเช่นเดียวกัน แต่ไหนแต่ไรมาอี้อ๋องก็ไม่เคยใส่ใจว่าคนอื่นวิจารณ์เขาอย่างไร
เมื่อพูดคุยมาจนตอนนี้ เป่ยเฉินอี้ที่ยังไม่ปรากฏกายก็มีภาพลักษณ์ไม่ดีนักในใจเยี่ยเม่ยแล้ว คนฉลาดผู้หนึ่ง มีสติปัญญาเหนือล้ำคนทั่วไป ควรค่าแก่การชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันก็เลือดเย็นไร้จิตใจ อย่างนั้นก็หาใช่คนที่คู่ควรคบหา
ถึงยามนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังรู้สึกว่าไม่พอ ค่อยๆ เสริมขึ้นมาจากด้านข้างว่า “อีกอย่างเสด็จอาของเยี่ยนผู้นี้ มีคนในดวงใจแล้ว นางตายไปหลายปีฝังร่างไว้ที่จวนอ๋อง หลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเสด็จพ่อพระราชทานสมรสกี่ครั้งก็ถูกปฏิเสธจนหมด สตรีที่เข้าใกล้เขาเพราะแผนการ ไม่ตายก็บาดเจ็บ ดังนั้นแม่นางเยี่ยเม่ยต้องอยู่ห่างเขาไว้หน่อย”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ หลูเซียงฮั่วที่ไม่เข้าใจมาตลอด ก็นับว่าเข้าใจความคิดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว
พูดอยู่ตั้งนานที่แท้กลัวว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะมีใจให้กับอี้อ๋อง
จริงอยู่ที่ในบรรดาบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในใต้หล้ารวมอี้อ๋องอยู่ในนั้นด้วย องค์ชายสี่ในยามนี้ชอบแม่นางเยี่ยเม่ย กลัวอี้อ๋องจะแย่งไปก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ก็เอ่ยความเห็นออกมา “ดูท่าเสด็จอาของท่าน ไม่ใช่ไร้ใจไปทั้งหมด เพียงแค่มีใจให้กับคนรักเท่านั้น”
ไม่เช่นนั้นไฉนถึงเย็นชากับผู้อื่น แต่กลับฝังคนรักไว้ข้างกาย ซ้ำผ่านมาหลายปีแล้วไม่แต่งงานกันเล่า
เมื่อนางเอ่ยจบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งส่งเข้าปาก
จากนั้นประโยคถัดมาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเกือบทำให้เยี่ยเม่ยสำลักตาย
น้ำเสียงน่าฟังของเขา ค่อยๆ เอ่ยว่า “แต่แม่นางเยี่ยเม่ย คนรักของเขาผู้นี้ ถูกเขาทำร้ายจนตาย ไม่เพียงแค่นั้น เพราะแผนการของเขา พ่อแม่และตระกูลของคนรักเขาล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้น ไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว คนรักของเขายินยอมตาย ไม่ยอมอยู่ข้างกายเขา สุดท้ายฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน”
“แค่ก…แค่ก…” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนทำให้เยี่ยเม่ยตกใจได้สำเร็จ
หญิงสาวไอโขลกหลายที
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบลุกขึ้น ลูบหลังให้เยี่ยเม่ยอย่างเอาใจใส่เป็นอย่างมาก
อวี้เหว่ยและหลูเซียงฮั่วเห็นฉากนี้ ล้วนรู้สึกว่าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตก และตกลงทางทิศตะวันออกเป็นแน่แล้ว ต่อให้ฝันพวกเขายังคิดไม่ถึง องค์ชายสี่จะมีวันที่เอาใจใส่คนเช่นนี้
เยี่ยเม่ยสำลักอยู่ครู่หนึ่ง พลันรู้สึกว่าอาหารเบื้องหน้าไม่น่ากินอีกแล้ว อีกทั้งหันหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง “ท่านพูดถูก คนผู้นี้ข้าต้องอยู่ห่างเขาให้มากหน่อย”
ใจดำอำมหิตได้ถึงขั้นนี้ ย่อมต้องหลีกหนีห่างหน่อยถึงจะปลอดภัย
เยี่ยเม่ยเอ่ยจบ ก็ย้ำอีกรอบว่า “หากเป็นไปได้ พยายามอย่าให้เขาเข้าใกล้ข้า”
ไม่เช่นนั้น อาศัยความเป็นธรรมที่อยู่ในใจตนเอง นางยังไม่รู้ว่าตนจะชี้หน้าด่าเขาเป็นบุรุษสารเลว เพื่อทวงความยุติธรรมแทนคนรักที่ตายไปแล้วของเขาหรือไม่
ผลลัพธ์เช่นนี้ องค์ชายสี่ย่อมยินดีเป็นอย่างมาก
เขารีบพยักหน้า เอ่ยเชื่องช้าน่าฟัง “แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจ เมื่อเขามาถึงแล้ว เยี่ยนจะให้คนจัดที่พักของเขาให้ห่างจากเจ้ามากที่สุด พยายามไม่ให้ได้พบหน้า”
“อืม”
เยี่ยเม่ยตอบรับคำหนึ่ง ทว่านางเองก็เข้าใจว่าไม่พบหน้าเลยนั้นเป็นไปไม่ได้
อย่างไรอีกฝ่ายก็มีฐานะเป็นผู้ตรวจการทหาร ส่วนตัวนางเป็นผู้นำทัพ มีเหตุผลไหนกันที่ผู้ตรวจการทหารกับผู้นำทัพจะไม่พบหน้า แต่เจอกันได้น้อยเท่าไหร่ก็เท่านั้นเถอะ
อวี้เหว่ยและหลูเซียงฮั่วในเวลานี้กวาดตามอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่สมใจปรารถนา
ถึงแม้…
การกำจัดศัตรูหัวใจตั้งแต่เนิ่นๆ เช่นนี้ออกจะไร้คุณธรรม แต่คำพูดขององค์ชายสี่ทุกคำล้วนเป็นความจริง ไม่ได้ใส่ความอี้อ๋องเลยสักน้อยนิด ทว่าไม่รู้เพราะอะไร….
พวกเขารู้สึกว่าการแทงข้างหลังเช่นนี้เป็นการกระทำที่ไม่มีเกียรติ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนลูบหลังไปได้หลายที เยี่ยเม่ยก็ค่อยหายใจคล่อง ไม่สำลักไออีก จากการที่เขาช่วยลูบหลังนางเบาๆ บรรยากาศระหว่างทั้งสองค่อยๆ มีความลึกซึ้งขึ้นมาบ้าง
ใบหน้าเยี่ยเม่ยค่อยๆ แดงเล็กน้อย หันกลับไปมองเขา เอ่ยว่า “ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
“อืม” เขาดึงมือกลับมา ไม่สัมผัสนางอีก
ทว่าจู่ๆ เรียวนิ้วยาวพลันยื่นออกไป จับปอยผมที่แตกออกบดบังการมองเห็นตรงหน้าผากนางไปทัดหลังใบหู เรียวนิ้วของเขาบังเอิญสัมผัสโดนใบหูของเยี่ยเม่ยพอดี นางรู้สึกว่าใบหูร้อนวูบ หน้ายิ่งทวีความร้อนแรงกว่า
นางไม่รู้ว่าเพราอะไร ขอเพียงเขาสัมผัสถูกกาย นางก็รู้สึกว่าร่างกายไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งไม่รู้สึกปฏิเสธ แต่กลับมีความรู้สึกอยากวิ่งหนีออกไปให้ไกล
ดังนั้นนางลุกขึ้นโดยฉับพลัน เอ่ยปากว่า “ข้าอิ่มแล้ว ข้าจะไปค่ายทหารก่อน ท่านค่อยๆ กินไปเถอะ”
พูดจบ เยี่ยเม่ยก็รีบหนีอย่างร้อนรน ก้าวเท้ากว้างๆ จากไป
ความร้อนบนใบหน้ายังไม่ลดลง
เห็นปฏิกิริยาตอบรับเกินเหตุของเยี่ยเม่ย องค์ชายสี่ไม่คัดค้าน สีหน้ากลับมีแววขบขัน เขาเข้าใจว่าเป็นอาการหวั่นไหวของนาง ไม่เช่นนั้นจากนิสัยของเยี่ยเม่ย เกรงว่าจะลงมือกับเขาแล้ว
หลูเซียงฮั่วยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ได้ฟังว่าจะไปค่ายทหาร ก็รีบติดตามไป
อวี้เหว่ยมองเจ้านาย ถามว่า “เตี้ยนเซี่ย ท่าน…”
พูดยังไม่ทันจบ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา เอ่ยปากว่า “จิ่วหุน หากเป็นไปได้ เยี่ยนหวังว่าเขาจะไม่กลับมาอีก”
อวี้เหว่ยเข้าใจในทันที แต่ “เตี้ยนเซี่ย ฆ่าเขาออกจะโหดเ**้ยมเกินไปหรือไม่”