เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 149 ขอร้องเจ้าล่ะ อย่าขายข้าได้หรือไม่
จิวมั่วเหอเลิกคิ้ว “ดูท่าจั่วอี้อ๋องจะประเมินนางเอาไว้สูงมาก”
เซียวชินไม่ปิดบังความชื่นชมเลยแม้แต่นิด มองจิวมั่วเหอเอ่ยว่า “เชื่อว่าท่านก็รู้ ข้าอยู่ต้ามั่วสี่ปี ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน แต่ศึกครั้งที่แล้ว ไม่เพียงแค่พ่ายแพ้ ทั้งยังแพ้อย่างหมดรูป ไม่เช่นนั้นท่านก็ไม่มีโอกาสเอาตราคุมทัพของข้าไป”
จิวมั่วเหอพยักหน้า “นั่นก็จริง”
เมื่อคืนเขาเจรจากับเยี่ยเม่ย ก็รู้สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดา ยามนี้ฟังคำพูดของเซียวชินก็ยิ่งประเมินเยี่ยเม่ยไว้สูงขึ้นไปอีก
เซียวชินเอ่ยต่อ “การยอมรับศัตรูก็คือยอมรับตัวเอง นางเป็นศัตรูที่คู่ควรกับการเลื่อมใส”
จิวมั่วเหอมอง เซียวชิน เผยรอยยิ้มที่มิได้ยิ้มเอ่ยว่า “คำเตือนของจั่วอี้อ๋อง ข้าจะจดจำไว้”
สิ้นเสียง นายทหารผู้หนึ่งพลันวิ่งเข้ามา “แม่ทัพจิวมั่วเหอ มีคนมาหาท่าน”
เซียวชินมองจิวมั่วเหอ
ผายมือออกเป็นท่าว่า ‘เชิญ’ จากนั้นเอ่ยว่า “ในเมื่อมีคนมาหา ท่านก็ตามสบายเถอะ”
จิวมั่วเหอเองก็แปลกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาหาตน แต่เขาไม่พูดมาก พยักหน้าให้เซียวชิน “ขอตัวก่อน”
เซียวชินมองส่งจิวมั่วเหอออกไปไกล จากนั้นก็ถอนหายใจ
เสี้ยวนาทีถัดมา เซียวชินดีดนิ้วทีหนึ่ง ไม่ช้าคนชุดดำผู้หนึ่งปรากฏอยู่ด้านข้างเซียวชิน คนชุดดำผู้นั้นมอง เซียวชินเอ่ยปากว่า “ท่านหมอปีศาจใคร่ครวญดีแล้วหรือยัง”
คำเรียกหมอปีศาจนี้ ทำให้เซียวชินแค่นหัวเราะ
คล้ายกับไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับคำเรียกนี้ดี แต่สุดท้ายแล้วเขาก็หาได้ใส่ใจคำเรียกขานนี้
เซียวชินมองคนชุดดำ เอ่ยปากเสียงเย็นว่า “ข้ายอมรับเงื่อนไขของอี้อ๋อง เจ้ากลับไปรายงานเถอะ เพียงแต่ หวังว่าอี้อ๋องจะเข้าใจ นอกจากเรื่องนั้นแล้ว เซียวชินจะไม่ทำเรื่องอื่นให้เขา”
“ได้” คนชุดดำพยักหน้า จากนั้นกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อี้อ๋องก็รอท่านหมอปีศาจไปพบแล้ว”
เซียวชินส่ายหน้า รีบตอบ “เซียวชินจะรออี้อ๋องอยู่ที่ชายแดนเป่ยเฉิน ”
“ก็ดี คำพูดของหมอปีศาจ ข้าจะถ่ายทอดไปอย่างแน่นอน”
คนชุดดำเอ่ยจบ ก็หมุนตัวจากไป
……
จิวมั่วเหอเดินกลับกระโจมของตน ก็เห็นผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่เข้ามาในกระโจมก็หาที่นั่งให้ตนเอง กินดื่มอย่างเต็มที่
จิวมั่วเหอมองเขา พลันแค่นหัวเราะออกมา “ลมอะไรถึงหอบท่านผู้เฒ่ามาถึงที่นี่ได้ ท่านอาจารย์”
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่รีบห่อปากทำเสียง“ชู่”
ทั้งใช้ท่าทางราวกับโจรร้อนตัวมองไปรอบทั้งสี่ทิศ ถึงได้เอ่ย “ข้าหลอกศิษย์น้องหญิงเจ้าแล้วว่า เจ้าเป็นลูกศิษย์ของพี่น้องข้า เจ้าอย่าได้ปากพล่อย เปิดโปงข้าออกไปเชียว”
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาหลอกเยี่ยเม่ย ยามที่เขาทำเหมือนว่าจิวมั่วเหอไม่ใช่ลูกศิษย์ของตน เขารู้สึกร้อนใจมากแค่ไหน
“ไอ้หยา ศิษย์น้องหญิง” จิวมั่วเหอดูคล้ายกับตื่นเต้น เลิกคิ้วถาม “ศิษย์น้องคนไหน มีใครตาบอดรับท่านเป็นอาจารย์อีกแล้ว”
คำพูดนี้ ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ฟังแล้วไม่ยินดี ก่อนเอ่ยตำหนิ “ข้าบอกไม่ให้เจ้าพูด อย่าให้นางรู้เชียว อีกอย่าง รับข้าเป็นอาจารย์ มีอะไรไม่ดีกัน เจ้าในยามนี้ไม่ใช่มีชีวิตดีหรือไง”
จิวมั่วเหอมองอาจารย์ เขายืดตัวตรง เอ่ยว่า “ที่นี่ล้วนเป็นคนของข้า นางจะได้ยินหรือ ส่วนอาจารย์ ปีนั้นท่านโยนตำราเล่มหนึ่งให้ข้า ก็ไม่เคยสนใจศิษย์อย่างข้าคนนี้ หลายปีที่ผ่านมายังให้ข้าปรนนิบัติท่านกินดื่มเปล่าๆ ท่านคิดว่าอาจารย์นี่เป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างนั้นหรือ”
“แค่ก…” ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่สำลักรุนแรง ถลึงตามองจิวมั่วเหอ “เจ้าก็ไม่ต้องพูดเช่นนี้ เจ้าสมควรรู้ว่ากราบข้าเป็นอาจารย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย”
จิวมั่วเหอก้าวเท้ากว้างข้ามไปนั่งที่ตำแหน่งประธาน ปรายตามอง ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ “ไม่ง่ายหรือ ข้ากลับรู้สึกว่าไม่ยากสักนิด ศิษย์พี่ข้ากูเยว่อู๋เหิน ปีนั้นท่านรับเขาเป็นศิษย์ เพราะเขามีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ยังไม่ได้รับคำชี้แนะก็บรรลุขั้นสูงสุดของเคล็ดวิชากำลังของท่านได้ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุน้อยๆ ท่านกลัวว่าจะมีสักวันที่เขาใช้เคล็ดวิชากำลังภายในของท่านทำร้ายท่าน ดังนั้นจึงหลอกพ่อแม่ของเขา บังคับรับเขาเป็นศิษย์”
“แค่กๆๆ…” ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ยังสำลักไอต่อไป โบกมือ เอ่ยว่า “ไอ้หยา เรื่องเก่าขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ต่อให้ศิษย์พี่เจ้าไม่พอใจในตัวข้า ก็ยังไม่ถึงทีที่เจ้าจะออกหน้าทวงความยุติธรรมให้เขา”
จิวมั่วเหอยืดตัวตรง เอ่ยต่อ “ส่วนศิษย์น้องสามที่ข้าไม่เคยพบ เป็นราชาของแผ่นดินผืนไหนกันนะ ข้าก็ลืมไปแล้ว แต่ข้าคิดว่า อาจารย์ ท่านรับเป็นศิษย์ย่อมมิใช่เพราะเห็นคุณสมบัติในตัวผู้อื่นอย่างที่เล่าลือ แต่ต้องเป็นเพราะท่านเห็นแก่อย่างอื่นมากกว่า”
คำพูดของเขานี้ทำให้ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่เกิดโทสะขึ้นมาบ้าง เตือนเขาว่า “เจ้าอย่าได้ทำเกินไป ใส่ความอาจารย์แบบนี้ดีอย่างนั้นหรือ”
ถึงเขาจะพูดไม่ผิด แต่เขาก็ยังรักศักดิ์ศรีของตนเถอะ
จิวมั่วเหอไม่ใส่ใจอาการเดือดดาลของอีกฝ่าย เพียงปรายตามอง ค่อยๆ เอ่ยต่อไปว่า “ว่ามาเถอะ ท่านรับศิษย์น้องเล็กเพราะอะไร นางเป็นใคร”
ระหว่างพูดจิวมั่วเหอยกถ้วยชา เตรียมจะดื่มชา
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ส่งสายตามองเขา เอ่ยว่า “เพราะอะไรไม่ต้องพูดมาก ส่วนฐานะของนางน่ะ ก็คือคนที่อยู่ชายแดนเป่ยเฉิน เป็นผู้นำทัพในตอนนั้น เยี่ยเม่ยผู้นั้น”
“หืม…” จิวมั่วเหอพ่นน้ำชาที่ดื่มเข้าไป ทั้งยังสำลัก มองอาจารย์อยู่นานโดยไม่อยากเชื่อ
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ทำหน้าไม่ถูก ลูบเคราตัวเอง ฝืนสงบอารมณ์ลง กล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าคงเข้าใจแล้ว อย่าให้นางรู้ว่าเจ้าก็คือศิษย์ข้าเช่นกัน ไม่เช่นนั้นนางต้องสงสัยว่าข้ารับนางเป็นศิษย์ เพราะเจตนาไม่ดี เช่นนั้นศิษย์ที่อาจารย์ของเจ้ารับมาอย่างยากเย็นก็หายไปแล้ว”
จิวมั่วเหอสำลักอยู่สองสามที ค่อยจ้องผู้เป็นอาจารย์ “อย่างนั้นท่านก็ไม่กังวลว่า ข้าจะสงสัยว่าหลังจากท่านรับนางเป็นศิษย์แล้วจะช่วยนางวางแผนจัดการข้า ข้ากลัวว่าตัวเองจะถูกท่านขาย ดังนั้นต้องจับท่านไว้”
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ส่ายหน้า เอ่ยชัดเจน “เรื่องนี้ข้าไม่กังวลเลย เพราะข้าไม่มีทางขายเจ้าโดยพลการแน่ ข้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อขอให้เจ้าอนุญาตให้ข้าขายเจ้าได้หรือไม่”
จิวมั่วเหอหมดคำพูด
อ้อ
ดังนั้นไม่อาจแอบขาย ก็เตรียมจะขายอย่างเปิดเผยแล้วหรือไง
จิวมั่วเหอถอนหายใจ เขาเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง ปรายตามองอาจารย์ทีหนึ่ง ถามว่า “ว่ามาเถอะ นางอยากรู้อะไร”
ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่มองเขาอย่างระวังทีหนึ่ง ลูบเครากล่าว “อยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกี่ยวกับเจ้า”
จิวมั่วเหอจ้องอาจารย์ ถามว่า “ท่านอยากบอกนางมากแค่ไหน”