เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 153 เพราะว่าจิ้งหรีดที่ข้าน้อยฝากคนซื้อจากเมืองหลวงมาถึงแล้ว
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]
- ตอนที่ 153 เพราะว่าจิ้งหรีดที่ข้าน้อยฝากคนซื้อจากเมืองหลวงมาถึงแล้ว
สิ้นเสียงเขา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเขาทีหนึ่ง น้ำเสียงเย็นชาถามว่า “ความหมายของเจ้าคือ เยี่ยนอาจต่อสู้กับแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว”
อวี้เหว่ย “… ไม่อาจ”
ก็ได้ เป็นเพราะตัวเขาไร้สมองก็แล้วกัน
หากเตี้ยนเซี่ยสู้กับแม่นางเยี่ยเม่ยขึ้นมา ยังจะเล่นละครต่อไปได้อีกหรือ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไล่ตามเกี้ยวแม่นางเยี่ยเม่ยเลย เกรงว่าหากปรากฏตัวต่อหน้าแม่นางเยี่ยเม่ย ก็เป็นเรื่องอันตรายมาก
อวี้เหว่ยปาดเหงื่อบนหน้าผาก เอ่ย “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง รู้สึกว่าแม่นางเยี่ยเม่ยกำลังจะมาถึงแล้ว ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็นิ่งไปสักพักเช่นกัน ปรายตามองอวี้เหว่ย ถามว่า “ดังนั้นเจ้าคิดว่า เยี่ยนสมควรแกล้งบาดเจ็บต่อไป หรือว่ารับผิดเลยดี”
“นั่นก็…” อวี้เหว่ยกลืนน้ำลาย “เตี้ยนเซี่ย มีคำพูดหนึ่งเอ่ยว่ายิ่งปฏิเสธโทษจะยิ่งหนัก เมื่อยอมรับผิดก็จะได้รับความปรานี ข้าน้อยรู้สึกว่า ท่านยอมรับผิดตรงๆ จะดีกว่า กันไม่ให้การปฏิเสธไม่เอ่ยความจริง จะผิดอีกขั้นหนึ่ง”
อวี้เหว่ยแสดงให้เห็นว่า ตัวเขาเองก็ลนลานมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากยังพูดจาเหลวไหลต่อไป จุดจบจะต้องน่าอนาถเป็นอย่างมาก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนใจเบาๆ ยื่นมือออกมานวดหว่างคิ้ว กวาดตามองอวี้เหว่ย เอ่ยว่า “เจ้าตัวโง่งมนั่น ข้าหวังว่าจะไม่ปรากฏกายต่อหน้าข้าอีก”
“อ๋า อ้อขอรับ” อวี้เหว่ย ตอบรับในทันที
เตี้ยนเซี่ยหมายถึง บ่าวที่ไม่ทำความเข้าใจสถานการณ์ เห็นจิ่วหุนก็ถ่ายทอดคำสั่งให้กับแม่นางเยี่ยเม่ย
อวี้เหว่ยสีหน้าขมขื่น “เตี้ยนเซี่ย หากรู้แต่แรกข้าน้อยไปเองดีกว่า”
หากตัวเองไป เห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ย่อมรู้ว่าจะรับมืออย่างไร น่าเสียดายที่เขาไม่ไปด้วยตัวเอง คราวนี้ก็ดีเลย เกิดเรื่องขึ้นจนได้
คิดไม่ถึงว่า เมื่ออวี้เหว่ยเอ่ยคำพูดคล้ายจะรับผิดชอบแทนออกไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็รั้งสายตากลับมา ถามเสียงเย็นเยียบ “ถูกต้อง เยี่ยนก็แปลกใจ กำลังจะถามเจ้าว่า เมื่อครู่ไฉนเจ้าไม่ไปเอง”
“ตุบ” อวี้เหว่ยคุกเข่าเสียงดัง
ปาดน้ำมูกน้ำตา “เตี้ยนเซี่ยคืออย่างนี้ ช่วงนี้ตอนที่ท่านกับแม่นางเยี่ยเม่ยอยู่ร่วมกัน แม่นางเยี่ยเม่ยไม่ใช่กำชับไม่ให้ข้าน้อยแอบฟังแอบดูไม่ใช่หรือ ข้าน้อยเบื่อหน่าย จึงหาซื้อจิ้งหรีดสองตัวมากัดกัน”
เมื่อเอ่ยถึงเวลานี้ อวี้เหว่ยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองเตี้ยนเซี่ยเล็กน้อย เอ่ยเสียงสั่นว่า “ตอนที่ข้าน้อยกำลังจะไปรายงาน มีคนเข้ามาบอกว่าจิ้งหรีดที่ข้าน้อยให้คนนำมาให้จากเมืองหลวงมาถึงแล้ว ข้าน้อยถึงออกไปเอาจิ้งหรีด”
อวี้เหว่ยพูดไป น้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสองสาย
ทั้งยังเอ่ยเสริมขึ้นให้ชัดเจนว่า “เตี้ยนเซี่ย จิ้งหรีดของชายแดนไม่มีคุณภาพ ไม่สนุกเอาเสียเลย ข้าน้อยฝากคนซื้อจิ้งหรีดมาจากเมืองหลวง ลงแรงไปตั้งมาก ใส่เอาไว้ในกระบองไม้ไผ่ผูกขาพิราบสื่อสารบินส่งมา หากสายไปอีกนิด จิ้งหรีดก็จะตาย…”
อวี้เหว่ยยิ่งเอ่ย ยิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องยิ่งเย็นเยือกขึ้นมา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจ้องเขาเงียบๆ ดวงตาชั่วร้ายคู่นั้นไม่ปรากฏความยินดียินร้าย มุมปากคลับคล้ายคลับคลาเหมือนมีรอยยิ้มน่ามอง จ้องจนอวี้เหว่ยรู้สึกหนังศีรษะชาวาบ
อวี้เหว่ยร้องไห้เสียงดัง “เตี้ยนเซี่ย ท่านอย่าเพิ่งให้ความสำคัญมาตกอยู่ที่ข้าเลย ไม่ช้า แม่นางเยี่ยเม่ยก็จะมาถึงแล้ว จริงๆ นะขอรับ”
ดังนั้นเรื่องแรกที่ท่านสมควรคิดในยามนี้ก็คือ ท่านจะทำอย่างไรถึงหนีจากความยุ่งยากนี้ได้ ไม่สมควรสนใจข้าน้อยแล้ว
เมื่ออวี้เหว่ยเอ่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็พยักหน้า ตอบว่า “เจ้าพูดไม่ผิด เรื่องนี้ที่สำคัญไม่ใช่ความผิดเจ้า ล้วนเป็นเพราะเจ้าจิ้งหรีดสองตัวนั่น เอาออกมาเถอะ”
“เอ๋” อวี้เหว่ยอยากร้องไห้ไปใหญ่
เขารู้สึกว่าวันนี้บ่อน้ำตาของตัวเองค่อนข้างตื้นไปหน่อย
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็มองไปยังอวี้เหว่ย ค่อยๆ เอ่ยว่า “ทำไม หรือเสียดาย”
“ไม่ ไม่เสียดาย ไม่เสียดาย” เสียดายจิ้งหรีดรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
อวี้เหว่ยรีบล้วงกระบอกไม้ไผ่ในแขนเสื้อออกมา ส่งให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน “เตี้ยนเซี่ย อยู่ในนี้”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ยื่นมือออกไปรับ เพียงแค่มองอวี้เหว่ยช้าๆ น้ำเสียงอ่อนโยนสั่งว่า “เหยียบพวกมัน”
“หา” อวี้เหว่ยน้ำตาตก คำว่า ‘หา’ เอ่ยออกมาอย่างโศกเศร้า
ในระหว่างความเสียใจ ดวงตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็มองมาที่ร่างอวี้เหว่ยอีกครั้ง
อวี้เหว่ยไม่กล้าลังเลอีก โยนกระบอกไม้ไผ่ลงที่พื้น น้ำตาคลอเบ้าเหยียบลงไป…
“แผละ” ในเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยเสียงกรอบแกรบ
จิ้งหรีดสองตัวนั้นแตกสลาย อวี้เหว่ยหัวใจแตกสลายเช่นกัน เขาเข้าใจแล้ว เตี้ยนเซี่ยทรมานจิตใจคน ได้กลายเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเตี้ยนเซี่ยไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนานแล้ว
เตี้ยนเซี่ยรู้ว่าจิ้งหรีดสองตัวนั้นสำคัญกับเขามาก ช่วยแก้เบื่อและคลายเหงาของตัวเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา สุดท้ายถูกเขาเหยียบตาย
อวี้เหว่ยรู้สึกเจ็บเหมือนถูกมีดกรีด ชั่วชีวิตยังไม่เคยเจ็บใจขนาดนี้มาก่อน
เขาสีหน้าโศกเศร้า สาบานกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่า “เตี้ยนเซี่ย ท่านเก็บงำโทสะก่อนเถอะ ข้าน้อยรับประกันว่า ภายหน้าไม่ว่าเรื่องอะไรจะเก็บไว้ก่อน เรื่องของท่านต้องมาก่อน ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกแล้ว อีกอย่าง ข้าน้อยจะไม่กัดจิ้งหรีดอีก”
หากรู้แต่แรกให้จิ้งหรีดทนอีกสักหน่อยก็ไม่ตาย คราวนี้ดีเลย ถูกเหยียบตายจนได้
เมื่อจิ้งหรีดสองตัวตายจากไป อารมณ์ขุ่นมัวของ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคล้ายดีมากขึ้นสองส่วน ปรายตามองอวี้เหว่ย ค่อยๆ กล่าวว่า “เอาศพออกไปทิ้ง”
“ขอรับ”
อวี้เหว่ยนั่งคุกเข่า เก็บศพจิ้งหรีด
หลังจากจัดการแล้ว เขาปิดหน้าร้องไห้ออกไป “โหดร้ายเกินไปแล้ว ช่างโหดร้ายเหลือเกิน…”
……
หน้าประตูห้องเยี่ยเม่ย
เยี่ยเม่ยยื่นปอยผมออกไป นั่นคือปอยผมที่หลุดไปของจิ่วหุนพอดีที่ถูกหลินซูเหย่าเก็บเอาไว้
เยี่ยเม่ยเงียบไปหลายวินาที ปรายตาจิ่วหุน “ความหมายของเจ้าคือ เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ได้ทำร้ายเขา แต่ความจริงคือเขาทำร้ายเจ้าแล้ว”
“อืม” จิ่วหุนพยักหน้า
จิ่วหุนชี้ไปยังผมที่ขาด เป็นรอยไหม้กลุ่มหนึ่ง เสียงกลัดกลุ้มเอ่ยว่า “พลังของเขาเป็นธาตุไฟ มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้”
คนอื่นๆ ที่มีพลังธาตุไฟเช่นเดียวกัน ก็ยังไม่มีความสามารถเช่นนี้
….
เยี่ยเม่ยเงียบไปชั่วครู่
ในขณะนี้เซียวเยว่ชิงเดินเข้ามาพอดี หลังจากเดินเข้ามาแล้วเห็นจิ่วหุน กล่าวด้วยความเบิกบานว่า “คุณชายเสี่ยวจิ่ว ท่านกลับมาแล้วหรือ”
จิ่วหุนไม่สนใจเขา
เยี่ยเม่ยจ้องมองเขา
เซียวเยว่ชิงเห็นบรรยากาศ พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง มองเห็นปอยผมในมือเยี่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว พลันรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง เขารู้ว่าตัวเองมาผิดเวลาเสียแล้ว
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา ถามขึ้นว่า “ท่านมีเรื่องอะไร”
“อ้อ เรื่องที่ท่านสั่งให้ข้าเตรียม ตอนนี้เตรียมงานได้เกือบเสร็จแล้ว” เซียวเยว่ชิงพูดจบ ก็รีบเอ่ยว่า “สิ่งที่ข้าน้อยจะรายงานก็รายงานจบแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
พูดจบเขาก็จากไป
เยี่ยเม่ยรั้งไว้ด้วยเสียงเย็นชา “เดี๋ยวก่อน ข้ามีคำพูดจะพูดกับท่าน”
สีหน้าเซียวเยว่ชิงเผยความรู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตายดีกว่า…