เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 155 ใจที่เยี่ยนมีให้เจ้า เป็นของจริงแน่นอน
เยี่ยเม่ยมุมปากกระตุก เพลิงโทสะที่เดิมสุมมาเต็มอก เมื่อเข้ามาก็จะจัดการคนผู้นี้ แต่นางคิดไม่ถึงว่า ตัวเองยังไม่ทันจะเอ่ยปากเอาผิด อีกฝ่ายก็เอ่ยประโยคเช่นนี้ ทำให้เพลิงโทสะจุกอยู่ที่คอ ไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไร
อวี้เหว่ยในยามนี้ก็มอง เตี้ยนเซี่ยของตนอย่างไม่อยากเชื่อ ตอนเตี้ยนเซี่ยสั่งให้เขาออกไปหาแส้หนังมา ยังหลงคิดว่าจะเอาไปให้แม่นางเยี่ยเม่ยเพื่อประจบเอาใจเสียอีก
ดูจากสถานการณ์แล้ว คงไม่ใช่เช่นนั้น
ในขณะที่เขากำลังกลัดกลุ้ม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหยิบแส้หนังขึ้นมา ท่าทางองอาจเดินเข้าหาเยี่ยเม่ย ยื่นแส้ในมือให้กับนางเอ่ยช้าๆ ว่า “มีความผิดก็ต้องรับผิด เยี่ยนมีคุณธรรมเหนือคนทั่วไป หากตีเยี่ยนแล้วแม่นางจะคลายโทสะได้ เยี่ยนก็ยินยอมรับ”
อวี้เหว่ยในเวลานี้ไม่กล้ามองตรงๆ แล้ว
เขารู้สึกว่า เตี้ยนเซี่ยจะต้องถูกแม่นางเยี่ยเม่ยฟาดจนสะบักสะบอมแน่
เขาทนมองไม่ได้ จึงเอ่ยปากว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยขอตัวก่อนแล้ว ท่านกับแม่นางเยี่ยเม่ยค่อยจัดการก็แล้วกัน”
อย่างไรก็เป็นเรื่องระหว่างเตี้ยนเซี่ยกับแม่นางเยี่ยเม่ย ตัวเขาไม่สะดวกจะชมอยู่ที่นี่
หากเตี้ยนเซี่ยถูกแม่นางเยี่ยเม่ยตีขึ้นมาจริงๆ ตัวเขาที่ดูเหตุการณ์จะถูกเตี้ยนเซี่ยฆ่าปิดปากเพื่อรักษาหน้าหรือเปล่า จุดนี้มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้
อวี้เหว่ยไม่กล้าเอาชีวิตตนไปเสี่ยง มอบให้สวรรค์
ยามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนย่อมไม่มีเวลาไปใส่ใจเขา อวี้เหว่ยรีบหนีออกไปจากเรือนแล้ว ทั้งยังกังวลว่าคนที่ผ่านมาไม่ทันระวังเห็นฉากคาวเลือด แล้วถูกเตี้ยนเซี่ยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ฆ่าคนปิดปาก
หลังจากอวี้เหว่ยผู้มีเมตตาออกไป ก็ปิดประตูมิดชิด ตัดขาดทุกอย่างไว้ด้านหลังประตู
เยี่ยเม่ยก้มลงหยิบแส้หนังในมือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยิ้มตอบกลับด้วยความโมโห “ดูท่าจะสำนึกแล้ว”
ถึงแม้เยี่ยเม่ยจะค่อนข้างพอใจกับการแสดงออกของอีกฝ่าย แต่เพลิงโทสะในใจ กลับไม่ลดลงเลยสักน้อย นี่คือสองเรื่องที่นางเกลียดที่สุดในชีวิต
หลอกลวงและหักหลัง
ส่วนการล้อเล่นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถึงจะไม่มีผลกระทบในวงกว้าง ยังสามารถอธิบายได้ชัดเจน อีกอย่างก็ไม่ก่อผลร้ายจนเกินจะกอบกู้คืนมาได้ แต่ก็เป็นการหลอกลวงจริงๆ
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันเข้าใจได้ในทันที วันนี้เขาคงจะถูกตีอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว
เขาแสดงออกด้วยท่าทางจริงใจ ก้มหน้าเอ่ย “โทสะของแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนยินยอมรับ”
สิ้นเสียง เยี่ยเม่ยก็หยิบแส้มา ทันใดนั้นเยี่ยเม่ยฉุกคิดขึ้น ถามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่า “อย่างนั้น เรื่องที่ข้าขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงท่านก็…”
ครั้นนางคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาต้องการให้นางรับผิดชอบ ส่วนตัวนางก็รับปากว่าจะรับผิดชอบแล้ว หรือว่าเรื่องนี้ความจริงคือหลุมพราง
นางเอ่ยอกไปเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึมลง ดวงตาคู่ร้ายมองเยี่ยเม่ย ค่อยๆ กล่าวว่า “เรื่องนี้เยี่ยนไม่เข้าใจจริงๆ ถึงแม้เยี่ยนจะไม่สลบไป แต่ว่ายามนั้นก็หลับจริงๆ แล้ว”
เขาพูดเป็นปกติ จริงจังเป็นอย่างมาก ความจริงแล้วในใจเขาตื่นเต้นไม่น้อย
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ เขาควบคุมตัวหมากสำคัญเอาไว้ เมื่อได้รับคำว่า “รับผิดชอบ” จากนาง หากเพราะเรื่องนี้ต้องทำให้ทุกอย่างพังทลาย เมื่อเทียบกับเรื่องที่จะถูกแส้ฟาดในยามนี้แล้ว เขายิ่งรับไม่ได้มากกว่า
เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยความละล้าละลัง เห็นสีหน้าเขาจริงจัง ไม่ดูร้อนตัวหรือเปลี่ยนสีหน้าเลยสักน้อย นางสงสัยว่าเรื่องอาจจะเกิดจากตัวนางจริงๆ
ในระหว่างที่นางอยู่ในห้วงความสงสัย
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพลันหรี่ดวงตาชั่วร้าย เอ่ยต่อว่า “นอกเสียจากว่าแม่นางเยี่ยเม่ยไม่คิดรับผิดชอบแล้ว ดังนั้นจึงจงใจยืมโอกาสนี้บิดพลิ้ว”
เขารู้แน่นอนว่านางมิได้คิดเช่นนั้น แต่ว่าใช้วิธีการกระตุ้นเช่นนี้ กลับทำให้มีโอกาสที่นางจะยอมรับผิดชอบต่อไป
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยก็ปรายตามองทันที เอ่ยว่า “ในโลกนี้ไม่มีเรื่องไหนที่ข้าเยี่ยเม่ยรับผิดชอบไม่ไหว”
สิ้นเสียง เยี่ยเม่ยก็เอ่ยต่อว่า “ดังนั้น เรามาคิดบัญชีกันก่อนเถอะ”
เยี่ยเม่ยพูดไป แส้ในมือที่สะบัดลง
“เพี๊ยะ” เสียงแส้ฟาดลงบนร่างของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เยี่ยเม่ยลงมือไม่เบาเลย เสื้อผ้าหรูหราบริเวณบ่าถูกแส้ฟาดแตกออก เลือดไหลซิบ
เขายังยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่เปลี่ยนสีหน้า ท่วงท่าไม่สูญเสียความสง่างาม ขยับสักน้อยยังไม่มี คล้ายกับว่าแส้นี้ไม่ได้ฟาดลงที่ร่างเขา
เยี่ยเม่ยกลับชะงักไปเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าตัวนางลงมือแรงเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องหลบแน่ คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่หลบ มองบาดแผลที่แขนเสื้อของเขา เยี่ยเม่ยชะงักไปครู่หนึ่ง
มือที่จับแส้ไว้ ลังเลไม่ฟาดลงไปเป็นครั้งที่สอง
ส่วนในเวลานี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองนาง กลับมีท่าทางสัตย์จริง ถามช้าๆ ด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยหายโมโหหรือยัง หากยังก็ฟาดลงมาอีก ขอเพียงแม่นางไม่โกรธแค้นเยี่ยน วันนี้ถูกแม่นางฟาดจนตาย เยี่ยนก็ไม่โกรธเคืองสักน้อย”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา กลับทำให้ เยี่ยเม่ยหน้าขรึมลง
หญิงสาวมีสีหน้าเย็นชา มองบุรุษตรงหน้า เอ่ยเสียงนิ่งว่า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน คำพูดของท่านคำไหนคือความจริงกันแน่”
นางเริ่มสงสัยแล้ว บุรุษผู้นี้สารภาพรักกับนาง ตัวเขาเองก็เคยยอมรับว่านั่นคือความคิดที่จะทรมานใจนางเท่านั้น
เขาสารภาพความในใจอีกครั้ง แต่ก็สร้างคำโกหกมาหลอกตัวนางอย่างรวดเร็ว ทำให้จิ่วหุนหนีออกจากบ้านไป
คราวนี้เปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้อีก ท่าทางยอมถูกจัดการ
เยี่ยเม่ยอยากรู้จริงๆ คำพูดของอีกฝ่าย สรุปแล้วคำไหนจริง คำไหนเท็จ
เมื่อเยี่ยเม่ยถามเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ถอนใจ
ดวงตาร้ายกาจของเขามองเยี่ยเม่ย สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกล้ำลึก น้ำเสียงน่าฟังดังขึ้นว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยไม่คิดบ้างว่า ไฉนเยี่ยนต้องโกหก ทั้งยังให้ทุกคนร่วมกันพูดโกหก ให้ร้ายจิ่วหุนด้วย”
คำถามของเขา ทำเยี่ยเม่ยอึ้งไป
จริงด้วย นางมัวแต่โมโห ไม่ทันคิดมาก ในใจเพียงคิดว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนน่าเบื่อมาก
แต่ ไม่ช้าเยี่ยเม่ยก็คิดถึงความเป็นไปได้ชนิดหนึ่ง นางจ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยนถามว่า “เพราะว่าท่านกับจิ่วหุนมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อกัน ดังนั้นคิดใช้ข้าเพื่อกดดันเขาอย่างนั้นหรือ”
ดังนั้นนางถูกใช้เป็นชนวนแล้วอย่างนั้นเหรอ
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ขมวดคิ้วแน่น เขาพินิจมองเยี่ยเม่ยอยู่หลายวินาที เขาสงสัยว่าเยี่ยเม่ยกำลังล้อเล่นกับตัวเขา
แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาว เขาพลันเข้าใจวิถีความคิดของหญิงแกร่ง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพรูลมหายใจออกมา สารภาพความในใจออกไป “อย่างนั้นแม่นางเยี่ยเม่ยไม่เคยคิดหรือว่า ไฉนข้ากับเขามีความสัมพันธ์ไม่ดี ความจริงแล้วทุกอย่างง่ายมาก กำลังหึงก็เท่านั้น เยี่ยนไม่ชอบให้เขาอยู่ข้างกายเจ้า ดังนั้นคิดใส่ร้ายให้เขาจากไป นี่ก็คือความคิดของเยี่ยน”
ยามนี้เยี่ยเม่ยชะงักงันไปแล้ว ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เอ่ยปากอย่างว่องไว “คำพูดไหนของเยี่ยนที่เป็นความจริงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือหัวใจของเยี่ยนเป็นของจริงอย่างแน่นอน”