เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 157 เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ข้าอนุญาตท่านแต่งให้ข้า
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกไป เยี่ยเม่ยกลับตะลึงงัน
ไม่ช้าหญิงสาวที่มุ่นคิ้วอยู่ตลอดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงมา พูดจากใจจริงๆ นางพอใจคำพูดนี้ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมาก
สุดท้าย เยี่ยเม่ยก็เตือนไปประโยคหนึ่งว่า “ถึงแม้ข้ายังพอใจกับการแสดงออกของท่านในครั้งนี้ แต่ข้าหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก”
“เยี่ยนจะจดจำคำสั่งสอนของแม่นางเยี่ยเม่ยเอาไว้” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบพยักหน้า
หลังจากนั้น เขาเงยหน้ามองประตู ร้องตะโกน “อวี้เหว่ย”
อวี้เหว่ยที่อยู่หน้าประตูเรือนรู้ตัวทันที รีบเปิดประตูออก ในใจยินดีเกินเปรียบ เตี้ยนเซี่ยของเขาไม่ตายแล้ว หลังจากเข้ามาเขาก็รีบเอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย นี่คือของขวัญที่เตี้ยนเซี่ยเตรียมไว้ไถ่โทษ”
หลังจากสิ้นเสียงอวี้เหว่ยตบมือ สิ่งที่ตามมาหลังเสียงปรบมือของเขาคือคนกลุ่มหนึ่ง ในมือถือถาดเดินเข้ามา
ในถาดแต่ละใบคือ กล่องผ้ากำมะหยี่ใบเล็กๆ คนทั้งหมดยืนเป็นแถวเรียงหน้ากระดาน กล่องกำมะหยี่เปิดเอาไว้
เยี่ยเม่ยกวาดตามองด้วยสีหน้าเย็นชา
อัญมณีสีต่างๆ เรียงรายอัดแน่น มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีค่าสูงล้ำ ภายในนั้นยังมีเพชรเม็ดใหญ่โต ในฐานะที่เยี่ยเม่ยเป็นยอดนักฆ่าในยุคปัจจุบัน ก็เคยศึกษาเรื่องอัญมณีมาบ้าง
เพชรขนาดใหญ่ก้อนนี้ มีขนาดและน้ำหนักเท่ากับเพชรบนมงกุฎของสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษแล้ว
เยี่ยเม่ยไม่ได้ละโมบ แต่โลกใบนี้มีสตรีน้อยคนนักที่ไม่ชอบอัญมณี
ถัดมา อวี้เหว่ยเอ่ยแทนเตี้ยนเซี่ยของตนว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เตี้ยนเซี่ยบอกแล้วว่า จะชดใช้ก็ต้องชดใช้อย่างจริงใจ ทำให้สตรีที่รักไม่ยินดี ก็นำสิ่งของที่สตรีชอบมาเพื่อเอาใจท่าน”
การกระทำเช่นนี้ หากเกิดขึ้นกับสตรีทั่วๆไป ต้องยินดีอย่างมากแน่ ความรู้สึกว่าตนได้รับความรัก ถูกทะนุถนอม ทั้งยังมีอัญมณีกองโตนี้ ต้องดีใจจนเป็นลมไปแน่ แต่เยี่ยเม่ยหาใช่สตรีทั่วไป
ถึงแม้เยี่ยเม่ยจะไม่หวั่นไหวกับอัญมณีทั้งหลาย แต่ก็ใจสั่นกับน้ำใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน หญิงสาวพยักหน้า เอ่ยว่า “ความจริงใจข้าเห็นแล้ว ส่วนข้าวของพวกนี้ก็เก็บไว้ที่นี่ก่อน ถ้าต้องการข้าค่อยมารับไป”
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบมองเยี่ยเม่ยทันที น้ำเสียงอ่อนโยนค่อยๆ กล่าวว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยไม่ชอบของพวกนี้หรือ”
หากเขาเข้าใจไม่ผิดล่ะก็ นางบอกว่าจะมารับไปยามจำเป็น ก็หมายความว่า ในสายตาของนางไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องประดับพวกนี้ แต่สามารถนำไปแลกกับอย่างอื่นได้ ทั้งยังหมายความว่าเหล่าอัญมณีที่มีค่าควรเมืองพวกนี้ ในสายตานางไม่ได้มีค่าเท่าไหร่
เยี่ยเม่ยตอบจากใจจริง “ชอบ แต่ว่าข้าไม่ชอบใส่เครื่องประดับ ข้าชอบแสดงตัวอย่างเรียบง่าย”
ไม่ว่าจะโลภหรือไม่โลภ ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผู้คนมักไม่อาจปฏิเสธอัญมณีทั้งหลายได้มากนัก
เมื่อเยี่ยเม่ยตอบออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เข้าใจความหมายของเยี่ยเม่ย ไม่ผิดเลย หลายวันที่ผ่านมา เขาไม่เห็นนางใส่เครื่องประดับ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เป็นเสื้อผ้าธรรมดา ไม่เน้นความงดงาม ขอเพียงสวมใส่สบาย
ส่วนใบหน้าเย็นชาและความสง่างาม ทำให้ไม่ว่านางสวมชุดอะไรก็ยังคงความน่ามองไว้อยู่ดี
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองอวี้เหว่ยทีหนึ่ง ผู้เป็นบ่าวก็รีบมองข้ารับใช้ทั้งหลาย เหล่าข้ารับใช้รีบถอยออกไป อวี้เหว่ยเอ่ยอย่างรู้สถานการณ์ว่า “อัญมณีพวกนี้ ข้าน้อยจะแยกเก็บเอาไว้ ยามใดที่แม่นางเยี่ยเม่ยต้องการใช้ ก็มารับได้ทุกเมื่อ ข้าน้อยรอท่าน”
แม่นางเยี่ยเม่ยเอ่ยเสียงเย็นว่า “ขอบคุณมาก”
ในยุคปัจจุบัน ให้คนช่วยเก็บรักษาอัญมณีมากมายต้องเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อย เช่นนี้ก็ถือว่าเก็บไว้กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนโดยไม่ต้องเสียเงินแล้ว
ในระหว่างความคิดนั้น เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถามว่า “เชื่อว่าท่านคงเข้าใจได้ไม่ยาก ของพวกนี้เก็บไว้กับท่าน ยังมีเหตุผลอื่นอีกคือ ข้าตัวคนเดียว เก็บของพวกนี้ไว้ กลับต้องสิ้นเปลืองแรงใจเอามาก”
สมบัตินำพาซึ่งหายนะ เหตุผลนี้ใครๆ ต่างก็เข้าใจ
นางไม่กลัวความยุ่งยาก แต่มากเรื่องมาหนึ่งเรื่องไม่สู้ลดเรื่องลงไปหนึ่งเรื่อง ไม่มีใครกล้าทำอะไรเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่แล้ว ดังนั้นเก็บของไว้ที่เขาก็เหมาะสม
ครั้นหญิงสาวเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบตอบอย่างอ่อนโยน “เข้าใจแล้ว แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจเถอะ เยี่ยนจะช่วยเจ้ารักษาของไว้ให้ดี ไม่เสียหายเลยสักน้อย”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
เวลานี้คนก็ถูกตีแล้ว ของก็ได้รับแล้ว ความโกรธก็ลดลงแล้ว
เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน รีบกล่าวว่า “ส่วนเรื่องที่ข้าจะรับผิดชอบท่าน เมื่อครู่ข้าคิดอย่างละเอียดแล้ว เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ข้าอนุญาตให้ท่านแต่งให้งานข้า”
อวี้เหว่ย “…?”
คนทั้งหมดที่กำลังขนอัญมณีออกไป “…?”
พวกเขาซวนเซไปเล็กน้อย สงสัยอย่างแรงกล้าว่าตนไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม เตี้ยนเซี่ยเป็นบุรุษผู้หนึ่ง แม่นางผู้นี้พูดอะไรกัน ยินยอมให้ เตี้ยนเซี่ยแต่งให้กับนางหรือ แม่นางผู้นี้คงไม่ได้ล้อเล่นหรอกกระมัง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็อึ้งเล็กน้อย
หลังจากได้สติ ดวงตาทอรอยยิ้ม ประกายความยินดีทอออกมาจากใจ เขาจ้องเยี่ยเม่ยถามว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย เจ้าจริงจังใช่หรือไม่”
“หรือท่านไม่หวังว่าข้าจะจริงจัง” เยี่ยเม่ยย้อนถาม
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตอบ “ย่อมไม่อย่างแน่นอน”
เยี่ยเม่ยจ้องเขาเช่นกัน เอ่ยความคิดในใจตนอย่างรวดเร็ว “ข้ารู้สึกดีกับท่านไม่น้อย ดังนั้นก็สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นความชอบ”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ รอยยิ้มของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งชัดเจน
เยี่ยเม่ยเอ่ยต่อด้วยเสียงเย็นชาอย่างว่องไว “อีกยังการแสดงออกของท่านช่วงนี้ โดยเฉพาะรู้จักสำนึกหลังทำผิด ข้าพอใจมาก”
เปลี่ยนไปเป็นคนอื่น ถูกนางฟาดแรงๆ ไม่บ่นเอาความก็ช่างเถอะ ซ้ำยังมอบของขวัญให้อีก
คิดไปเยี่ยเม่ยก็เสริมอีกคำว่า “หากพวกเราอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอยู่ร่วมกันหรือว่าแต่งงาน ยากไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง การแสดงออกว่ารับผิดของท่าน ทำให้ข้าตระหนักได้ ต่อให้หลังจากแต่งงานแล้ว ท่านก็จะไม่ทำให้ข้าไม่มีความสุขเพราะทะเลาะกัน”
เยี่ยเม่ยพยายามวิเคราะห์แยกแยะด้วยเหตุมาตลอด ในฐานะที่เป็นหญิงแกร่ง เหตุผลของนางเหนือล้ำกว่าความรู้สึก หนึ่งใบไม้ล่วงรู้ถึงฤดูสารท[1] จากการแสดงออกต่างๆ นานา ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นางมองออก ภายหน้าอีกฝ่ายไม่มีทางทำให้นางผิดหวัง หากมีการถกเถียงกัน เขาก็จะก้มหัวยอม
มาถึงตอนนี้ เยี่ยเม่ยสรุปว่า “ดังนั้นข้าเข้าใจว่า หากจะแต่งงานท่านก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว อีกทั้งข้าไปปรากฏตัวบนเตียงท่านอย่างแปลกประหลาด ท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบ ส่วนที่ว่าท่านแต่งให้ข้า ข้าแต่งให้ท่าน ก็ยึดเอาตามธรรมเนียนปฏิบัติของฝั่งท่านแล้วกัน แต่มีจุดหนึ่งที่หวังว่าท่านจะเข้าใจ หลังแต่งงานแล้ว คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือข้า สรุปสั้นๆคือ ท่านต้องเชื่อฟังข้า”
นี่เป็นการประกาศอำนาจแล้ว เท่ากับบอกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่า ระหว่างพวกเขาใครแต่งให้ใครไม่สำคัญ หรือใครแต่งกับใครไม่สำคัญ แต่เขาต้องเชื่อฟังนาง
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับตรงไปตรงมายิ่งนัก พยักหน้าทันที ใบหน้าชั่วร้ายเจือรอยยิ้ม ตอบรับอย่างอ่อนโยน “แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจเถอะ ไม่ว่าก่อนหรือหลังแต่งงาน แม่นางเยี่ยเม่ยล้วนเป็นราชินีในใจเยี่ยน คำพูดของแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนจะต้องปฏิบัติตามทุกประการ”
[1] จากเรื่องราวเล็กน้อยๆ สามารถมองออกถึงผลลัพธ์หรือสถานการณ์ทั้งหมด