เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 158 กำหนดวันแต่งงาน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรับปากไวถึงเพียงนี้ กลับทำให้เยี่ยเม่ยเห็นอีกแง่มุมหนึ่งของอีกฝ่าย
เยี่ยเม่ยพยักหน้า กวาดตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง “อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ก่อน ส่วนเรื่องที่ท่านเป็นองค์ชาย ไม่สามารถตัดสินใจงานแต่งงานได้เอง ท่านก็ไปจัดการเสีย หากท่านจัดการไม่ดี…”
เยี่ยเม่ยยังไม่ทันเอ่ยจบ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตัดบทหญิงสาว “แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจ ปัญหานี้เยี่ยนสามารถจัดการได้แน่ เช่นนั้นวันแต่งงานเล่า”
เมื่อเขาเอ่ยคำพูดนี้ ก็ก้าวเข้ามาก้าวหนึ่งประชิดตัวเยี่ยเม่ย
บนร่างเขายังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ อยู่บ้าง ล้วนเป็นเพราะเยี่ยเม่ยลงแส้ใส่เขาเมื่อครู่นี้ บาดแผลจากแส้บนร่างยังคงอยู่ ดูแล้วดึงดูดสายตามาก
จากนั้นเจ้ากลิ่นคาวเลือดจางๆ ทำให้คนมึนงงและลุ่มหลง สำหรับนักฆ่า เยี่ยเม่ยย่อมไวต่อกลิ่นคาวเลือดเป็นพิเศษ อีกทั้งสิ่งที่ติดตามตัวเขามายังมีกลิ่นอายของบุรุษพุ่งตรงเข้ามา ทำให้เยี่ยเม่ยที่ใคร่ครวญวิเคราะห์อย่างจริงจังอยู่ครึ่งค่อนวัน แสดงออกว่าเหตุใดจู่ๆ ถึงตกลงแต่งงานกับเขา ไม่สิ ยอมอนุญาตให้เขาแต่งงานให้นางต่างหาก พลันสูญเสียสติสัมปชัญญะไป อีกทั้งหน้าแดงเรื่อขึ้นมาแล้ว
ใบหูก็กำลังร้อนผ่าว
นางอดไม่ไหวหวนนึกคำพูด รวมถึงการแสดงออกเมื่อครู่ขึ้นมา หัวใจยิ่งไม่สงบ รู้สึกว่าใบหน้าของตนคล้ายจะร้อนวูบขึ้นมา
นางรู้สึกว่าในฐานะสตรีผู้หนึ่ง เป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกผู้ชายว่าจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบ ทั้งยังเสนอให้อีกฝ่ายแต่งงานให้กับตนเอง เรียกได้ว่านางก็บ้าบิ่นมากพอแล้ว
อวี้เหว่ยที่อยู่ด้านข้างมองด้วยความตกตะลึงแล้วตะลึงอีก
เขารู้สึกว่าเรื่องในวันนี้พัฒนาไปเกินกว่าที่คนปกติจะคาดการณ์ได้ เดิมทีสมควรเป็นห่วงว่าวันนี้เตี้ยนเซี่ยจะถูกแม่นางเยี่ยเม่ยฆ่าหรือไม่ ไฉนจู่ๆ เรื่องถึงกลับกลายเป็นเช่นยามนี้ไปได้…
อืม เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ จวนจะแต่งงานกันแล้ว ซ้ำยังไปถึงขั้นพูดถึงวันแต่งงานแล้วด้วย นี่จะพัฒนาแบบก้าวกระโดดไปหรือเปล่า ดังนั้นทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้ว่า…เตี้ยนเซี่ยได้โชคในคราวเคราะห์แล้วสินะ
ถึงตอนนี้สมควรขอบคุณที่ตัวเขาไปเอาจิ้งหรีดทำให้เรื่องราวเปิดเผยใช่หรือเปล่า เตี้ยนเซี่ยถูกฟาดอย่างร้ายกาจแต่กลับอาศัยการยอมรับความผิด ทำให้ได้รับการยอมรับจากแม่นางเยี่ยเม่ย
ยังไม่ทันที่อวี้เหว่ยจะเข้าใจสถานการณ์ยามนี้ชัดเจน ทั้งยังไม่ทันที่เขาจะทำความเข้าใจว่าตนเองสมควรขอบคุณตัวเองที่ไปเอาจิ้งหรีดหรือว่าโทษตัวเองที่ไปเอาจิ้งหรีดกันแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง เขาเดินไปถึงเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย ปลายจมูกของทั้งคู่แทบจะชิดติดกัน ลมหายใจร้อนระอุของเขาอยู่ที่เบื้องหน้าของเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย แล้ววันแต่งงานเล่า เยี่ยนเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถเป็นสามีของแม่นาง เยี่ยเม่ยได้ทุกเมื่อ”
เขาเข้ามาประชิดอย่างกะทันหันเช่นนี้ เยี่ยเม่ยที่หน้าแดงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงก่ำขึ้นไปอีก
นางสงสัยว่าคนที่เมื่อครู่ยืนบอกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนว่าจะแต่งงานเขาอย่างมีเหตุมีผลไม่ใช่ตัวนางเอง ตอนนั้นนางถูกผีสิงแล้วหรือเปล่า คราวนี้จะทำอย่างไรก็พูดไม่ออกแล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยไม่พูดไม่จา องค์ชายสี่ที่ดีใจอยู่แต่เดิม กลับตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง เรียวนิ้วยาวเรียวดั่งหยกยื่นออกมาจับมือเยี่ยเม่ยเอาไว้ น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง ค่อยๆ เอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยไม่พูด หรือว่าเสียใจแล้ว”
อุณหภูมิจากปลายนิ้วเขาส่งมาที่มือนาง
ผิวกายของทั้งสองสัมผัสกันคล้ายสามารถส่งผ่านความรู้สึกของแต่ละฝ่ายได้ และในเสี้ยวเวลานี้เองเยี่ยเม่ยรู้สึกได้ถึงความไม่สงบของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
บุรุษผู้ไม่เห็นโลกหล้าอยู่ในสายตา หลักการทั้งหลายล้วนไม่อยู่ในสายตา เหยียบย่ำคุณธรรมและชีวิตคนเอาไว้ใต้ฝ่าเท้าเช่นนี้ รู้สึกไม่สงบเพราะนาง
ในชั่วขณะนั้น เยี่ยเม่ยพลันรู้สึกอาลัยอาวรณ์ความไม่สงบของเขา ดังนั้นนางจึงเงยหน้า จ้องดวงตาคู่ร้ายกาจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนตรงๆ แสดงออกถึงความองอาจของหญิงแกร่งอีกครั้ง “ไม่ ความเสียใจไม่มีเลย ข้าแค่…”
ก็แค่…
รู้สึกขัดเขินเท่านั้น แต่เยี่ยเม่ยคิดดูแล้ว เมื่อพูดออกไปแบบนี้จะส่งผลกระทบไม่ดีต่อภาพลักษณ์เย็นชาของตัวนางเอาเสียเลย ด้วยเหตุนี้นางจึงชะงักไป เอ่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่มีอะไร ท่านจัดการปัญหาด้านเสด็จพ่อเสด็จแม่ท่านก่อนเถอะ งานแต่งงานขององค์ชายองค์หนึ่งไม่ใช่แค่ว่าท่านบอกว่าได้ก็ได้ ข้าหวังว่าจะไม่สร้างความยุ่งยากอะไรขึ้นมาทั้งนั้น
ถึงเขาจะแสดงออกว่าไม่มีปัญหา ทว่าเยี่ยเม่ยเข้าใจดี นางที่เป็นสตรีมีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน แต่งเข้าราชวงศ์อย่างกะทันหัน คาดว่าจะเป็นไปไม่ได้
อย่าว่าแต่คนพวกนั้นไม่อาจสืบฐานะของนางได้เลย ต่อให้มีคนสืบอย่างละเอียด ให้นางสร้างฐานะของตนขึ้นมา นางก็แต่งเรื่องไม่ออก เมื่อคิดถึงจุดนี้ เยี่ยเม่ยก็เอ่ยต่อว่า “ที่มาของข้า ข้าไม่อาจพูดได้ชัดเจน ทั้งข้ายังไม่มีใจจะอธิบายให้ใครฟัง ดังนั้นต่อให้เป็นเสด็จพ่อเสด็จแม่ของท่านถาม ข้าก็ไม่ตอบ ดังนั้น…”
เยี่ยเม่ยยังไม่ทันเอ่ยจบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็รู้แล้วว่านางต้องการบอกว่าอะไร
ถึงแม้เขาก็อยากรู้ที่มาของนางมาก แต่เขาเข้าใจ ยามนี้หาใช่เวลาใส่ใจเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่สำคัญในยามนี้คือ กำหนดวันแต่งงานเสีย ไม่ให้นางเปลี่ยนใจ
น้ำเสียงน่าฟังของเขา เอ่ยตัดบทขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “แม่นางเยี่ยเม่ยวางใจเถิด เรื่องราวทั้งหลายบนโลก ขอเพียงเจ้าตอบตัวเองได้ก็พอ ตราบใดเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องราวใดๆ กับผู้ใดทั้งนั้นตลอดไป”
เมื่อเขาให้สัญญา เยี่ยเม่ยพลันเงยหน้ามองเขาคราหนึ่ง นางสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องราวไปตลอดอย่างนั้นหรือ
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เขาจะต้องช่วยนางแบกรับความลำบากไม่น้อย ทั้งยังต้องเตรียมตัวแบกรับความวุ่นวายเพื่อนางด้วยแล้วหรือ
ตอนที่เยี่ยเม่ยมองเขา ดวงตาของ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็จับจ้องที่นางพอดี
ดวงตาคู่ร้ายมิอาจเทียบกับความชั่วร้ายที่แผ่ออกมาแต่กำเนิดของเขา ในเวลานี้นอกจากความตั้งใจและความรู้สึกล้ำลึกแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก
มืออีกข้างของเขาปัดผ่านดวงหน้าของเยี่ยเม่ย น้ำเสียงหัวเราะน่าฟังและอ่อนโยนดังขึ้นอย่างรวดเร็ว “ทำไมกัน แม่นางเยี่ยเม่ยไม่เชื่อหรือ เจ้าต้องรู้ว่า ไม่ว่าคลื่นลมพายุฝนใดๆ บนโลกนี้ เยี่ยนสามารถแบกรับไว้ได้ ทั้งยังจะช่วยเจ้าแบกรับไว้ได้ พระชายาองค์ชายสี่มีแต่เจ้าเท่านั้น เสด็จพ่อเสด็จแม่ถามคำถามอะไร เจ้าสามารถไม่ตอบได้ ปัญหาทั้งหลาย เจ้าผลักมาไว้ที่ตัวข้า เชื่อสามีในอนาคตของเจ้า มีความสามารถในการคลี่คลายปัญหาทั้งหลาย”
เขามีความสามารถกำจัดปัญหาทั้งหลายได้ เยี่ยเม่ยเชื่อจริงๆ เพียงแต่…
นางมุ่นคิ้วมองเขาอีกครา ในห้วงลังเล น้ำเสียงน่าฟังของเขาเจือความขบขัน ดังขึ้นอย่างว่องไวอีกครั้ง “ไม่ต้องลังเลแล้ว เสด็จพ่อเสด็จแม่ไม่กล้าก้าวก่ายเรื่องงานแต่งของเยี่ยน ซ้ำไม่กล้าต่อต้านเยี่ยนด้วย พวกเขาก็แค่อยากนั่งบนตำแหน่งฮ่องเต้และฮองเฮาของตนเท่านั้น ยังไม่อยากตายไวถึงเพียงนี้ ดังนั้นสิ่งที่เยี่ยนต้องการในยามนี้ ก็มีแค่วันเวลาที่แม่นางเยี่ยเม่ยกำหนดให้เยี่ยนเท่านั้น”
คำพูดไม่อาจชัดเจนไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
เขาแต่งงานได้ตลอดทุกเมื่อ ไม่ว่าความลำบากจากภายนอกใดๆ เขาสามารถแก้ไขได้ ตอนนี้ขอเพียงนางบอกกำหนดวันไปเท่านั้น
เยี่ยเม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง จากคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ไม่อาจรู้สึกถึงความเคารพต่อบิดามารดาสักเล็กน้อยจากเขาเลย
นางคาดเดาว่าความสัมพันธ์ของเขากับฮ่องเต้และฮองเฮาไม่ดีนัก
ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลต่อไปอีก ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “ในเมื่อท่านมั่นใจว่าทางด้านเสด็จพ่อเสด็จแม่ท่านไม่มีปัญหา อย่างนั้น…วันแต่งงานก็กำหนดไว้วันหลังจบสงครามกับต้ามั่วแล้วกัน”