เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 159 หารือเรื่องของหมั้น
“ดี”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบรับปากทันที คราวนี้วันแต่งงานถูกกำหนดแล้ว หว่างคิ้วของเขาเผยแววยิ้มแย้มอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายของเขายั่วเย้าอย่างถึงที่สุด
ใบหน้าเช่นนี้ มองนานเข้าสามารถทำให้คนหลงใหลได้จริงๆ ดังนั้นเยี่ยเม่ยรีบถอนสายตากลับ ไม่มองต่อไป กลัวว่าหากตนยังจ้องมองต่อไป ก่อนงานแต่งงาน จะจับรั้งเขาไว้ทำเรื่องที่ไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำพูด เรื่องที่ขัดต่อหลักคุณธรรม แต่ยามนี้เยี่ยเม่ยไม่ได้สูญสิ้นสติไป
นางเงยหน้ามอง เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “ในยุคสมัยของพวกท่านนี้ บุรุษสามารถมีสามภรรยาสี่อนุ องค์ชายสี่แต่งพระชายารองได้ มีเมียบ่าว พวกเราจะต้องทำสัญญากันในเรื่องนี้ก่อน เพราะข้ามิอาจยอมรับได้”
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา อวี้เหว่ยที่ยืนโง่งมอยู่ด้านข้างมองพัฒนาการอันแปลกประหลาดของพวกเขาอยู่ครึ่งค่อนวัน พลันได้สติขึ้นมา
จริงด้วย
นิสัยพูดคำไหนคำนั้นของแม่นางเยี่ยเม่ย ใบหน้าเผยความเย็นชาหาใช่ความเร่าร้อนในใจของนาง แต่เป็นความเผด็จการที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกนาง หวังให้แม่นางเยี่ยเม่ยใช้สามีร่วมกับผู้อื่น คาดว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาสงสัยว่า เตี้ยนเซี่ยกับสตรีนางนั้น คงถูกแม่นางเยี่ยเม่ยซ้อมเสียไม่เหลือลมหายใจสักเฮือก คนทั้งสองได้แต่เคียงคู่ลงปรโลกร่วมกัน ดังนั้นนางยกปัญหาข้อนี้ขึ้นมาในตอนนี้ ก็นับว่า…มีเหตุผลและมีความเป็นไปได้
แต่อวี้เหว่ยรู้สึกว่า เตี้ยนเซี่ยก็คงไม่ทำให้แม่นางเยี่ยเม่ยผิดหวังถึงจะถูก
แล้วก็จริงดังคาด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังคำนั้น ดวงตาทอรอยยิ้มจ้องมองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงเย้ายวนคนยังแฝงการล่อลวงร้ายกาจ “ความหมายในคำพูดของแม่นางเยี่ยเม่ยคือ ไม่ยินยอมแบ่งปันเยี่ยนกับผู้อื่นใช่หรือไม่”
เยี่ยเม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาจากใจ “ถึงจะเอ่ยเช่นนี้จะทำให้รู้สึกขนลุกไปบ้าง แต่ว่า…อธิบายเช่นนี้ก็ไม่ผิด”
นางไม่ยินยอมแบ่งเขากับใครจริงๆ
บุรุษของตัวเองไม่อาจแบ่งปันกับผู้อื่น นี่คือขอบเขตพื้นฐานในด้านความรักและการแต่งงานของผู้หญิงจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดอย่างนาง
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เขากระชับมือนางแน่นขึ้น แววยิ้มแย้มที่หว่างคิ้วเพิ่มขึ้นไปอีก เอ่ยปากช้าๆ “เยี่ยนชอบที่แม่นางเยี่ยเม่ยหวงแหนเยี่ยน อีกทั้งยังดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขาคำรบหนึ่ง ถามเสียงเย็นเยียบ “ดังนั้น ท่านรับปากแล้วหรือ”
“คำสั่งของแม่นางเยี่ยเม่ย ไม่กล้าไม่เชื่อฟัง” เขารีบแสดงออกทันที ทั้งยังเอ่ยตามอย่างว่องไวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมีสตรีที่โดดเด่นหาที่ใดไม่ได้อย่างแม่นางเยี่ยเม่ยเป็นพระชายาองค์ชายสี่ของข้า ในสายตาของเยี่ยน ยังจะมีคนธรรมดาดาษดื่นอีกหรือ”
ในคำสัญญานี้ เขายังประจบเอาใจเยี่ยเม่ยอย่างหน้าไม่เปลี่ยนสีไปด้วย
อวี้เหว่ยเงยหน้ามองท้องฟ้า…
เขาก็เข้าใจแล้วว่าไฉน เตี้ยนเซี่ยถึงได้ใจของแม่นางเยี่ยเม่ยถึงขึ้นนี้ ทำให้แม่นางเยี่ยเม่ยยอมรับผิดชอบถึงระดับนี้ ฝีมือประจบเอาใจของเตี้ยนเซี่ยฝึกถึงขั้นสุดยอดแล้ว เขาอวี้เหว่ยรู้สึกเลื่อมใส เลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับคำประจบเอาใจของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับใช้กับเยี่ยเม่ยได้ผลมาก
นางพยักหน้าตอบ “สายตาของท่านไม่ธรรมดาเลย สำหรับคำสารภาพที่มีต่อความสมบูรณ์แบบของข้า ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัดสินใจแต่งงานกับท่าน เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
สำหรับวาจาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ยามนี้เยี่ยเม่ยพอใจมาก พอใจถึงขนาดที่ว่าสามารถลืมเลือนเรื่องที่คนผู้นี้บอกว่าเขาหน้าตาน่ามองกว่านาง ทั้งยังมีเรื่องที่เขาโยนงูเอาไว้บนเตียงนาง รวมถึงการกระทำเบาปัญญาเพื่อดึงดูดความสนใจนางทั้งหลายด้วย
ครั้นเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็รีบเอ่ยต่อทันที “นั่นก็เพราะช่วงเวลานี้ อยู่ร่วมกับแม่นางเยี่ยเม่ยมาตลอด ได้รับผลกระทบจากรัศมีของแม่นาง ดังนั้นสายตาของเยี่ยนถึงได้ยกระดับสูงขึ้น”
ครั้นเขาเอ่ยเช่นนี้ ได้ผลกับเยี่ยเม่ยไม่น้อย นางตบบ่าเขา “ท่านถนัดใช้รัศมีมายกระดับตัวเอง ทั้งไม่ลืมชื่นชมผลกระทบข้าที่มีต่อท่าน นี่ก็ถือว่าหายากแล้ว สมกับเป็นบุรุษที่ข้าสนใจ”
อวี้เหว่ย “…”
ก็ได้
คนผู้หนึ่งประจบเก่งนัก อีกคนหนึ่งก็หลงตัวเองมาก ถึงกับเห็นว่าการประจบทั้งหลายเป็นคำชื่นชมตนเองที่ออกมาจากใจ
เขารู้สึกว่าในด้านนี้ เตี้ยนเซี่ยกับแม่นางเยี่ยเม่ยเหมาะสมกันจริงๆ เห็นพวกเขาพัฒนาไปได้ดีเช่นนี้ นอกจากเตี้ยนเซี่ยถูกซ้อมไปยกหนึ่ง ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ ยามนี้อวี้เหว่ยรู้สึกว่าจิ้งหรีดสองตัวนั้นของเขา ช่างนำโชคนัก
หรือว่ารอจนแม่นางเยี่ยเม่ยจากไป อาศัยโอกาสที่เตี้ยนเซี่ยอารมณ์ดี ปรึกษากับเตี้ยนเซี่ยว่าเขาจะให้คนช่วยซื้อจิ้งหรีดจากเมืองหลวงอีกได้หรือไม่
ในขณะที่กำลังคิดว่าได้หรือไม่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับคำนึงถึงเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งได้ เขามองสตรีเบื้องหน้าตน และเป็นสตรีที่เขากอบกุมไว้ในฝ่ามือ อยากวางเอาไว้ในดวงใจไปตลอดชีวิต น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยอย่างอ่อนโยน “อย่างนั้น แม่นางเยี่ยเม่ยหวังว่าเยี่ยนจะส่งของหมั้นเป็นอะไร”
“ของหมั้นหรือ” เยี่ยเม่ยมุ่นคิ้ว เรื่องนี้นางคิดไม่ถึงจริงๆ
หญิงสาวยืดตัวตรง ตอบไปว่า “ข้าตัวคนเดียวหาได้มีบิดามารดาข้างกาย ทั้งยังไม่สมบัติอะไร ดังนั้นข้าย่อมไม่มีสินเดิม หากพูดถึงของหมั้น ช่างมันก็ได้”
นางไม่มีสมบัติอะไรจริงๆ มีก็แต่เงินที่จิ่วหุนมอบให้ แต่ว่าเงินของจิ่วหุนไม่อาจใช้เป็นสินเดิมเจ้าสาว ทั้งยังมีของที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเพิ่งจะมอบให้ ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่อาจเอามาเป็นสินเดิม ของพวกนี้เป็นสิ่งที่เขามอบให้นางอยู่แล้ว
ของหมั้นและสินเดิม นางคิดว่าสมควรเท่าเทียมกัน ดังนั้นเมื่อตัวนางหามาไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดเอาจากผู้อื่นแล้วล่ะ
เยี่ยเม่ยคิดเช่นนี้ กลับคิดไม่ถึงว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างมีเหตุผลว่า “แม่นางเยี่ยเม่ย ยินยอมให้เยี่ยนเป็นสามีของเจ้า ก็เป็นเมตตาจากสวรรค์ ในเมื่อสูงส่งล้ำค่าเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีสินเดิมติดตัวมาแล้ว อย่างไรเสียเดิมทีตัวแม่นางเองก็เป็นสมบัติไม่อาจประเมินราคาได้ แต่ว่าของหมั้นกลับต้องมี”
อวี้เหว่ยด้านข้างปรายตามองเตี้ยนเซี่ยที่ประจบเก่งจนขึ้นสมองไปแล้ว ความจริงเขารู้สึกอยากกลอกตา
อันที่จริงเตี้ยนเซี่ยก็เพียบพร้อมมากไม่ใช่หรือ ถึงใต้หล้านี้จะมีสตรีไม่กี่คนที่ไม่หวาดกลัวเตี้ยนเซี่ย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ก็มีสตรีแค่ไม่กี่คนที่ไม่อยากแต่งกับเตี้ยนเซี่ย ดังนั้นไฉนเตี้ยนเซี่ยต้องพูดเหมือนกับว่าตัวเองแต่งสะใภ้เข้าบ้าน ได้รับความปรานีจากสวรรค์อะไรอย่างนั้นเชียว
ช่างเถอะ นี่เป็นเรื่องของพวกเขาสองสามีภรรยา เตี้ยนเซี่ยอยากถนอมภรรยา เตี้ยนเซี่ยพอใจก็พอแล้ว เขาก็ได้แต่ดูไปเท่านั้น
คำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กลับทำให้เยี่ยเม่ยพยักหน้า
นางก็เข้าใจคนที่โดดเด่นอย่างนาง เดิมก็มีค่าเกินเปรียบ จุดนี้ไม่ผิดสักน้อย ดังนั้น…เขามองเรื่องนี้อย่างไร
ในขณะใช้ความคิด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ใคร่ครวญสักครู่ ไม่ช้าใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายทอแววขบขัน กล่าวว่า “ไม่สู้แม่นางเยี่ยเม่ยบอก เจ้าอยากได้อะไร อยากได้สมบัติ เยี่ยนไปแย่งชิงให้เจ้าได้ หากต้องการลาภยศ เยี่ยนช่วยปูทางให้เจ้า หากต้องการบัลลังก์ เยี่ยนก็จะช่วยเจ้ายึดใต้หล้ามา หากเจ้าต้องการให้ผู้คนในใต้หล้าล้มตาย เยี่ยนก็สามารถเข่นฆ่าคนทั่วหล้าเพื่อเจ้า สรุปแล้วของหมั้นจำเป็นต้องมอบให้ เพียงแต่ฮูหยินต้องการอะไรเท่านั้น”