เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 175 ฮูหยิน เจ้าไม่ต้องพบผู้ชายโฉดชั่วพวกนี้อีกแล้ว
ยามนี้ชิงเกอตื่นเต้นไม่น้อย
หันกลับไปมองเตี้ยนเซี่ยของเขา เป่ยเฉินอี้ยึดมั่นในตัวจงเจิ้งซีมาก เขารู้ดี ถึงแม้สตรีเบื้องหน้าไม่ใช่จงเจิ้งซี แต่…ใครจะรู้ว่าใช่หรือไม่ เพียงแต่สตรีนางนี้หน้าตาเหมือนจงเจิ้งซีมาก
เตี้ยนเซี่ยก็…
ยามที่เยี่ยเม่ยเอ่ยคำพูดนี้ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ คำพูดนี้โดนใจเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งนัก ทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
ครั้นเห็นสายตาของเป่ยเฉินอี้เมื่อฟังคำพูดนี้ยิ่งทวีความลุ่มลึกไปอีก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ่งอารมณ์ดี
เยี่ยเม่ยปรายตามองเป่ยเฉินอี้ จากนั้นเอ่ยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “พอเถอะ ผู้อื่นกระอักเลือดแล้ว พวกเราก็ช่างเขาเถอะ อย่างไรข้าก็ไม่ได้บุบสลายตรงไหน อีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะข้าสงสัยว่าเขาอยากทำอะไร ไม่มีทางที่เขาจะบีบคอข้าได้ง่ายถึงเพียงนี้”
คิดไม่ถึงว่า ความสงสัยชั่วขณะของนางจะชักนำให้เกิดการต่อสู้ฉากหนึ่ง
มิน่าผู้คนมักบอกว่า ความสงสัยทำให้แมวตาย
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมาเช่นนี้ สายตาเป่ยเฉินอี้มองนางยิ่งล้ำลึก เห็นได้ชัดว่าเขาคาดไม่ถึง เมื่อครู่นางจงใจถอยให้ก้าวหนึ่ง ตัวเองถึงบีบคอนางได้
เมื่อเยี่ยเม่ยเอ่ยออกมา
ดวงตาของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองไปทางเป่ยเฉินอี้ เอ่ยเสียงอ่อนลง “ในเมื่อแม่นางเยี่ยเม่ยบอกว่าไม่สู้แล้ว อย่างนั่นเยี่ยนก็หยุดเพียงแค่นี้ หวังว่าเสด็จอาจะจำไว้ คอของแม่นางเยี่ยเม่ย เยี่ยนยังหักใจไม่อาจแตะต้อง หากเสด็จอายังจับอีก เยี่ยนคงไม่พูดง่ายแบบนี้แล้ว”
สิ้นเสียง เขาไม่รอให้เป่ยเฉินอี้เอ่ยปาก ก้าวเท้าออกมาหน้าข้างหน้า จับมือเยี่ยเม่ยไว้ วางท่าปกป้องสตรีของตนดึงนางจากไป
นี่นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจับมือกันอย่างจริงจัง
เยี่ยเม่ยชะงักไปชั่วครู่ ปลายนิ้วยังแข็งทื่อไปเล็กน้อย เพียงแค่เสี้ยววินาที ความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองก็หายไป เหลือเพียงรับรู้ถึงความอบอุ่นแทรกซึมเข้าสู่ดวงใจ
ความรู้สึกนี้ไม่เพียงไม่เลว อีกทั้งยังดีมาก
ใบหน้าเฉยชาและเย็นเยือกของเยี่ยเม่ย ในเวลานี้เผยความขบขันออกมา หัวใจเกิดกระแสความหวานล้ำ ปล่อยให้เขากุมมือเดินไป
เป่ยเฉินอี้จ้องมือที่กุมแน่นของพวกเขา สายตานิ่งขรึม ทำให้ดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่
จนกระทั่งเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกจากเรือนเขาไป
ชิงเกอรีบเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น “ท่านอ๋อง ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นอะไรมาก” เป่ยเฉินอี้ตอบกลับเสียงนิ่ง เขามีพื้นฐานล้ำลึก หากมิใช่เพราะมีพิษอยู่ในร่างกาย ก็ไม่มีทางเป็นเช่นนี้ แต่ว่าต่อให้ถูกพิษ กระบวนท่าไม่กี่ท่าของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน คิดทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส ก็มิใช่เป็นไปไม่ได้
ระหว่างเอ่ย เป่ยเฉินอี้ก็ผละออกจากการพยุงของชิงเกอ
ชิงเกอรีบถอยไปอยู่ด้านข้าง เอ่ยปากละล้าละลังว่า “ท่านอ๋อง แม่นางเยี่ยเม่ยผู้นั้น ท่านเห็นว่าอย่างไร”
หน้าตาเช่นนี้เหมือนกับจงเจิ้งซีไม่มีผิดเพี้ยน การปรากฏตัวของสตรีนางนี้เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ
อย่าว่าแต่ท่านอ๋องไม่เชื่อ เขาเองก็ไม่เชื่อ
คนที่เคยเห็นจงเจิ้งซีจริงๆ ในปีนั้น ตอนนี้มีชีวิตเหลืออยู่ไม่กี่คนเท่านั้น แม้กระทั่งฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังไม่เคยเห็นนาง ดังนั้นสุดท้ายแล้วใครเป็นคนที่หาสตรีที่หน้าตาเหมือนจงเจิ้งซีปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋อง
เป้าหมายคงจะต้องการต่อกรกับท่านอ๋องแน่
ชิงเกอสงบนิ่งไปครู่หนึ่ง พลันถามขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ใช่หน้ากากหนังมนุษย์หรือไม่”
สายตาเป่ยเฉินอี้ทวีความล้ำลึก “ตอนที่ข้าบีบคอนางตรวจสอบแล้ว ไม่มีหน้ากากหนังมนุษย์”
เมื่อครู่ตอนบีบคอนางในระยะประชิด ไม่เพียงเพื่อบีบคั้นฐานะของนาง แต่ก็เพื่อให้มั่นใจว่า ใบหน้านางไม่มีหน้ากากหนังมนุษย์
ในใจของชิงเกอพลันเกิดการคาดเดาอย่างอาจหาญชนิดหนึ่ง “ท่านอ๋อง ท่านว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่องค์หญิงซีจะไม่…”
หรือว่าสตรีนางนี้ เป็นจงเจิ้งซีจริงๆ ปีนั้นจงเจิ้งซียังไม่ตายหรือ
นี่ เป็นไปได้หรือ
ศพของจงเจิ้งซีฝังอยู่ในจวนอ๋องชัดๆ
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ สายตาเป่ยเฉินอี้ก็สงบลง ทว่าเขาปิดตาลงในไม่ช้า “นางไม่ใช่อาซี”
“ดูออกได้อย่างไรกัน” ชิงเกอมองเป่ยเฉินอี้คำรบหนึ่ง ไม่ช้าก็เอ่ยว่า “หากนางเป็นองค์หญิงซีจริงๆ เป็นไปได้ว่านางกลับมาแก้แค้น หากเป็นเช่นนี้นางแสร้งทำเป็นไม่รู้จักท่าน ก็เป็นไปได้ ข้าน้อยไม่เชื่อว่า โลกนี้จะมีคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันถึงขั้นนี้”
สิ้นเสียงเขา
เป่ยเฉินอี้ก็ลืมตา แววตายังล้ำลึกเหมือนเดิม “นางกับอาซี นอกจากใบหน้าที่เหมือนกันแล้ว เรื่องอื่นหาได้เหมือนกันไม่ อาซีมีนิสัยร่าเริง เยี่ยเม่ยเป็นคนเย็นชา อาซีมีกำลังภายในอยู่บ้าง ทว่าไม่ล้ำลึกนัก แต่เยี่ยเม่ย…
เมื่อครู่นางร่นถอยไปก้าวหนึ่ง หลบเลี่ยงการโจมตีเอาชีวิตของตัวข้า ฝีมือเช่นนี้ อาซีทำไม่ได้ ยังมีอีกอย่างอาซีมีเมตตา ไร้เดียงสา ส่วยเยี่ยเม่ยผู้นี้ นางมีนิสัยเย็นชา แววตาท้าทายและครุ่นคิดของนาง ข้ามองออกว่านางมีนิสัยชอบสังหารโหด หากบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเสแสร้งขึ้นมา แต่ท่าทางที่เป็นความเคยชินของอาซี ไม่มีในตัวเยี่ยเม่ยเลย เรื่องพวกนี้แกล้งแสดงออกมาไม่ได้”
อย่างเช่นยามที่อาซีใคร่ครวญความคิด มักจับคาง ยามนางตื่นเต้น สายตามักกลอกไปซ้ายขวา ทั้งยังขาสั่นเล็กน้อย
แต่ว่าเยี่ยเม่ยผู้นั้น…ไม่มีเลยสักน้อย
คนเช่นนี้จะเป็นอาซีไปได้อย่างไร
พวกนางสองคน นอกจากใบหน้าแล้ว ไม่มีส่วนใดที่เหมือนกัน
ชิงเกอสงบนิ่งไปชั่วครู่ เอ่ยอย่างลังเล “เป็นไปได้หรือไม่ว่า หลังจากที่ปีนั้นองค์หญิงซีเผชิญความเปลี่ยนแปลงทำให้นิสัยเปลี่ยนไป กอปรกับนางมีโอกาสฝึกกำลังภายในจึงไม่เหมือนเดิมอีก”
อย่างไรเสียไม่ว่าใคร เมื่อประสบชะตากรรมบ้านเมืองล่มสลาย เห็นพ่อแม่ตายอนาถกับตาของตัวเอง ยังจะนิสัยเหมือนเดิมได้อย่างไร
หากบอกว่าเพราะประสบการณ์เช่นนี้ ทำให้นิสัยเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องปกติ
ชิงเกอเอ่ยถึงตรงนี้
เป่ยเฉินอี้พลันถอนใจ หลับตาลงอีกครั้ง ชิงเกอเห็นความอิดโรยบนในหน้าของเขา รวมถึงสูญสิ้นต่อความหวังสุดท้ายแล้ว
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขา ค่อยๆ เอ่ยว่า “ข้าหวังให้เป็นเช่นนี้ ในโลกนี้ไม่มีใครหวังให้นางมีชีวิตอยู่ได้มากเท่ากับข้าอีกแล้ว แต่ว่าชิงเกอ สายตาที่นางมองข้าเป็นคนอื่นโดยสิ้นเชิง เป็นคนอื่นกระทั่งความแค้นยังไม่มีแฝงอยู่เลย”
อาซีสมควรแค้นเขา
แค้นจนแทบกินเนื้อสูบเลือดเขา
คนผู้หนึ่งแสร้งทำได้ ยามที่มองคนที่แค้นล้ำลึกราวกับไม่มีแม้แต่ท่าทางผิดปกติสักเล็กน้อย แต่จากสีหน้าของเยี่ยเม่ย เขาไม่พบพิรุธอะไรทั้งนั้น
นางปิดบังได้ดีขนาดนั้นจริงหรือ หรือว่าโลกนี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ คนทั้งสองมีหน้าตาเหมือนกันไม่ผิด
……
หลังจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจูงมือพาเยี่ยเม่ยออกมา เขาก็ส่งนางกลับเรือน
เมื่อมาถึงหน้าประตู
เขาพลันทุบกำแพงเสียงดัง ผลักเยี่ยเม่ยเข้ากำแพง ริมฝีปากไม่พูดจากดจูบลงมา สอดลิ้นเข้าไป
เยี่ยเม่ยชะงักไปก่อนสักครู่
ใบหน้าแดงก่ำ ถูกเขายั่วเย้าอย่างรวดเร็ว ตอบรับเขาอย่างลืมตัว
จุมพิตร้อนแรง ลมหายใจร้อนระอุของเขา รดรินใบหน้าของนาง จ้องมองดวงตาของนาง ค่อยๆ เอ่ยว่า “ฮูหยิน เจ้าก็เห็นแล้วเป่ยเฉินอี้ถึงกับบีบคอเจ้า เพียงอยู่ข้างกายสามีถึงปลอดภัย เจ้าอย่าไปพบพวกผู้ชายโฉดพวกนั้นแล้ว”