เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 181 จิ่วหุนเกิดเรื่องแล้ว
สายตาเซียวเซ่อหยาง เวลานี้ชะงักงัน
ในสถานการณ์ปกติ การส่งข่าวระหว่างพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้สัญลักษณ์สีแดง ดูท่าเรื่องนี้คงสำคัญกว่าเรื่องทั่วไปจริงๆ
โอวหยางเทายื่นมือออก นกส่งสารร่อนลงที่มือเขา
โอวหยางเทารีบดึงจดหมายออกมาทันที ทั้งหมดมีสามฉบับ เมื่อเปิดฉบับแรกออกดู เรียวคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นอย่างแปลกใจ “นี่มันอะไรกัน ล้วนเป็นชื่อสมุนไพรหมดเลย”
เซียวเซ่อหยางเองก็ก้มหน้าอ่าน
กระดาษแผ่นแรกทั้งหมดล้วนเป็นชื่อยา
โอวหยางเทาไม่ลังเลอีกต่อไป รีบเปิดกระดาษแผ่นที่สองออกทันที ด้านในคือลายมือของซือหม่าหรุ่ย “พี่บุญธรรม เทพกระบี่ ข้ามีเรื่องสำคัญสองประการที่เกี่ยวข้องกับแม่นางเยี่ยเม่ย จำเป็นต้องบอกพวกท่าน หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องด่วนในเวลานี้ แม่นางเยี่ยเม่ยมีบุญคุณกับพวกเรา บุรุษหนุ่มข้างกายนางผู้หนึ่งถูกพิษประหลาด ต้องใช้สมุนไพรหายากในการถอนพิษ ขอรบกวนให้ท่านพี่ทั้งสองช่วยข้าตามหา”
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ โอวหยางเทากับเซียวเซ่อหยางมองหน้ากัน
สีหน้าแปลกพิกล
ว่ากันตามเหตุผล หากตามหาสมุนไพรหายาก สมควรเป็นซือหม่าหรุ่ยไปหาเอง ทำไมถึงต้องใช้พวกเขาด้วยเล่า
ไม่ช้า ประโยคถัดมาซือหม่าหรุ่ยก็คลายความแคลงใจของพวกเขาจนหมด
“ยามนี้ข้าจำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือเยี่ยเม่ย โดยเฉพาะพิษในกายของบุรุษหนุ่มผู้นั้น หากไม่ได้ยาถอนพิษภายในครึ่งปีก็จะตาย นอกจากนี้ข้ายังไม่รู้ว่าพิษชนิดนี้จะกำเริบขึ้นมาเมื่อไหร่ จำเป็นต้องให้ข้าช่วยสะกดมันไว้ตอนไหน ดังนั้นข้าได้แต่รั้งอยู่ข้างกายเยี่ยเม่ยชั่วคราว”
เซียวเซ่อหยางขมวดคิ้วแน่น ถามด้วยความแปลกใจ “ข้าไม่เคยเห็นอาหรุ่ยใส่ใจคนหรือเรื่องอะไรมากขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ”
ตามหลักแล้ว เยี่ยเม่ยช่วยเหลือพวกเขา ตามนิสัยของซือหม่าหรุ่ยสมควรรับปากช่วยชีวิตเยี่ยเม่ยครั้งหนึ่ง ไฉนคนข้างกายเยี่ยเม่ยก็ยังจะช่วยชีวิตไปด้วยเล่า
โอวหยางเทารีบเปิดกระดาษแผ่นที่สาม
“เชื่อว่าท่านพี่ทั้งสองในเวลานี้คงแปลกใจ ไฉนข้าถึงใส่ใจแม่นางเยี่ยเม่ยขนาดนี้ สำหรับเรื่องนี้ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญประการที่สองที่ข้าจะบอกกับพวกท่าน นางกับอาซีหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน อายุก็ใกล้เคียง ทว่านางจำเรื่องของอาซีไม่ได้เลยสักน้อย ข้าไม่รู้ว่าเพราะนางความจำเสื่อม หรือแกล้งทำ หรือว่าพวกนางสองคนบังเอิญหน้าตาเหมือนกันเท่านั้น แต่ข้าจะพยายามหาหลักฐานให้ได้ ก่อนจะได้ผลลัพธ์ข้าจะไม่จากนางไปแน่ เรื่องตามหายาสมุนไพรก็ต้องพึ่งพวกท่านแล้ว”
คราวนี้เซียวเซ่อหยางกับโอวหยางเทาล้วนสูดหายใจลึก
โอวหยางเทามีสีหน้าคล้ายเห็นผีมองเซียวเซ่อหยาง “ข้าก็ว่า ทำไมวันนั้นซือหม่าหรุ่ยถึงถามคำถามแปลกๆ พวกนั้นกับข้า ข้าแปลกใจอยู่หลายวัน ที่แท้ก็เพราะอย่างนี้”
“นางถามเจ้าว่อาะไร” เซียวเซ่อหยางถามเขาทันที
โอวหยางเทาไม่กล้าชักช้า เล่าคำพูดของซือหม่าหรุ่ยในวันนั้นให้เซียวเซ่อหยางฟังทั้งหมด
หลังจากเล่าจนจบ
เซียวเซ่อหยางมีแววตาสุขุมลง “อาหรุ่ยกับองค์หญิงซีเป็นสหายสนิท นางจำไม่ผิดแน่ ดูท่าเยี่ยเม่ยผู้นี้ต้องมีหน้าตาเหมือนกับองค์หญิงซีมาก ไม่ว่าอย่างไร พวกเราต้องไปหายาสมุนไพรก่อน ให้อาหรุ่ยใช้เวลาช่วงนี้พิสูจน์ฐานะของเยี่ยเม่ยไปด้วย”
หากเยี่ยเม่ยคือจงเจิ้งซีจริง พวกเขาค่อยวางแผนกันใหม่ หากไม่ใช่ ช่วยนางรักษาเด็กหนุ่มนั่น ก็ถือว่าตอบแทนน้ำใจนางก็แล้วกัน ”
“ดี ” โอวหยางเทาพยักหน้าเห็นด้วยทันที
พูดถึงตอนนี้ สายตาทั้งสองมองกลับไปที่จดหมายฉบับนั้นอีกครั้ง
ลายมือในช่วงสุดท้ายแตกต่างกับลายมือของซือหม่าหรุ่ยที่เป็นอักษรข่าย เป็นอักษรสิงที่ดูไหลลื่นคล้ายสายน้ำ เขียนไว้ประโยคหนึ่งว่า
“เซียวเซ่อหยาง ข้าคือซินเยว่เยี่ยน หลังจากท่านทำธุระเสร็จแล้วรีบกลับมาที่ชายแดน ข้ามีคำพูดจะบอกกับท่าน”
ทันทีที่เห็นอักษรประโยคนี้ โอวหยางเทารีบส่งสายตาหยอกล้อ เซียวเซ่อหยาง “นี่ๆ เห็นแล้วหรือยัง นี่คือความห่วงใยที่คู่หมั้นมีให้เจ้าเชียวนะ ข้าลืมบอกเจ้าไปเลย ความจริงซินเยว่เยี่ยนคู่ของหมั้นเจ้า ก็ออกตามหาเจ้าเช่นกัน นางดูร้อนรนมากอีกด้วย หลายวันก่อนพวกเราบีบให้โย่วอี้อ๋องคายที่อยู่ของเจ้าออกมา อืม จริงสิ จงรั่วปิงก็ไปด้วย ”
เซียวเซ่อหยางฟังเสียงหยอกล้อของสหายออก หันกลับมองเขาทีหนึ่ง “ทำไม เจ้าอิจฉาหรือว่าหึงกันแน่”
โอวหยางเทารีบโบกมือเป็นพัลวัน “หยุด ข้าไม่ได้หึง”
สีหน้าของเซียวเซ่อหยางกลับสงบลงมาก อ่านประโยคสุดท้ายในจดหมาย เอ่ยปากว่า “แม่นางซินมีน้ำใจกับข้ามาก แต่ข้ากลัวว่าสุดท้ายแล้วจะผิดต่อนาง”
“เอ๋” โอวหยางเทาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อ “ทำไมเจ้าต้องผิดต่อนางด้วยเล่า ซินเยว่เยี่ยนเป็นโฉมงามอันดับต้นๆ วรยุทธ์ก็เป็นจอมยุทธ์หญิงแถวหน้า นิสัยก็ดี ใส่ใจเจ้ามาก เจ้าผิดต่อนางยังไง หรือว่า…”
โอวหยางเทารีบกระชับสาบเสื้อของตนอย่างลนลาน
มองเซียวเซ่อหยางราวกับป้องกันสุนัขจิ้งจอก “หรือว่าเจ้าชอบข้าจริงๆ คิดมอบร่างกายตอบแทนข้า”
ครั้นเขาเอ่ยออกมา เซียวเซ่อหยางสบตากับเขา
สองคนมองกันไปมาครู่หนึ่ง ในช่วงเวลาที่โอวหยางเทาตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว กลัวว่าเซียวเซ่อหยางเอ่ยประโยคนั้นออกมา อีกฝ่ายคิดให้ร่างกายเพื่อตอบแทนจริงๆ
เซียวเซ่อหยางพ่นคำพูดออกมาสามคำ “ฝันไปเถอะ”
โอวหยางเทา “…”
ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน แต่ไฉนฟังเจ้านี่พูดคำว่าฝันไปเถอะสามคำนี้แล้ว รู้สึกคันไม้คันมือคิดต่อยตีคนเหลือเกิน
เซียวเซ่อหยางตีหน้าจริงจัง เอ่ยว่า “ฐานะของเจ้าและข้า พวกเราต่างก็รู้ดี หากการคาดการณ์ของอาหรุ่ยไม่ผิด เยี่ยเม่ยผู้นั้นคือองค์หญิงซี ภายหน้าพวกเราต้องแบกรับภาระฟื้นฟูบ้านเมืองไว้ เจ้าก็รู้การกอบกู้แผ่นดินตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน หากพ่ายแพ้ จะพลอยทำให้แม่นางซินเดือดร้อนไปด้วย ด้วยเหตุนี้ก่อนถึงวันนั้นข้าจะต้องยกเลิกการหมั้นหมายกับแม่นางซินให้ได้
เมื่อเขาอธิบายออกมา โอวหยางเทาสีหน้าเปลี่ยนไปจริงจัง พยักหน้ารับคำพูดของเซียวเซ่อหยางมีเหตุผล เพียงแต่การหมั้นหมายตั้งหลายปีนี้ ต้องยกเลิกไปก็น่าเสียดายอยู่บ้าง
เขามองเซียวเซ่อหยาง “เจ้าคิดจะบอกกับแม่นางซินอย่างไร”
เซียวเซ่อหยางถอนใจ “บอกว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจะสร้างบุญกุศล ร่อนเร่ไปทั่วหล้า ไม่คิดแต่งงาน นางกับข้าเคยพบกันแค่ครั้งเดียว ไม่มีความรู้สึกรักใคร่ คาดว่าคงจะไม่ทำร้ายจิตใจนางมาก”
โอวหยางเทาพยักหน้า “อย่างนั้นก็ทำเช่นนี้ไปก่อนแล้วกัน พวกเราไปหาสมุนไพรกันก่อน”
“ได้”
……
“ฮัดชิ้ว” เมื่อถูกเข้าใจผิดว่ามีน้ำใจต่อเขา ซินเยว่เยี่ยนที่คิดถอนหมั้นมาตลอดพลันจามออกมาอย่างแรง
ไม่รู้ใครกำลังนินทานางอยู่กัน หวังว่าเซียวเซ่อหยางได้อ่านคำพูดของนางแล้ว เตรียมกลับมาคุยเรื่องหมั้นหมายกับนางโดยไว
ในขณะที่คิดอยู่ ซินเยว่เยี่ยนหันมองหน้าซือหม่าหรุ่ย “อาหรุ่ย เจ้าว่าพวกเซียวเซ่อหยางจะช่วยหายารักษาเสี่ยวจิ่วหรือเปล่า”
“ช่วยแน่” ซือหม่าหรุ่ยกลับมั่นใจมาก สีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก “เช้าตรู่วันนี้ ข้าบังเอิญพบเสี่ยวจิ่ว เห็นปากเขาเป็นสีม่วงคล้ำ ไม่รู้ว่าพิษกำเริบหรือไม่ หวังว่าข้าจะคิดมากไปเอง”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ซือหม่าหรุ่ยรู้สึกไม่วางใจ รีบกล่าว “ข้าจะไปดูเสียหน่อย กันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน”