เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 185 มีแต่นางที่เข้าใกล้จิ่วหุนได้
“เอ๋”
ราชาต้ามั่วมองแม่ทัพเฮ่อเหลียนด้วยความแปลกใจ
สายตามองไปที่จดหมายในมืออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ในใจเกิดความสงสัย จดหมายฉบับนั้นเขียนอะไรกันแน่ ถึงทำให้ท่าทีของอีกฝ่ายเปลี่ยนได้อย่างฉับพลันเช่นนี้
“จดหมายบอกว่าอะไร”
แม่ทัพเฮ่อเหลียนประคองจดหมายส่งไป เอ่ยว่า “มีความช่วยเหลือจากเป่ยเฉินอี้ คาดว่าพวกเราจะทำศึกได้ง่ายขึ้นมาก”
“เป่ยเฉินอี้” ราชาต้ามั่วแปลกใจ
หลังจากรับจดหมายแล้ว อ่านข้อความภายในลายมือธรรมดาเรียบง่าย ดูแล้วไม่ใช่ลายมือของยอดฝีมือเขียน แต่เขาเข้าใจได้ในไม่ช้า หากเป็นจดหมายของเป่ยเฉินอี้จริง เรื่องติดต่อกับศัตรูเช่นนี้ เป่ยเฉินอี้ย่อมไม่เขียนด้วยตัวเองแน่
ดังนั้นไม่ใช่ลายมือ เป่ยเฉินอี้ก็ไม่แปลก
หลังจากเปิดอ่านดูแล้ว ด้านในเขียนไว้ประโยคหนึ่ง “หมากห้าก้าว ทำลายชายแดน ค่าตอบแทน สังหารชาวบ้านชายแดนทั้งหมด”
เมื่ออ่านจดหมายจบ ราชาต้ามั่วตะลึงไปในทันที
คนที่มีท่าทางการพูดไม่เกรงกลัวเช่นนี้ เอ่ยคำพูดแบบนี้ได้ ก็มีเพียงเป่ยเฉินอี้คนเดียวเท่านั้น แต่เป้าหมายของเป่ยเฉินอี้คืออะไรกัน
ได้ประโยชน์อะไรกัน
การสังหารชาวบ้านชายแดนทั้งหมดมีประโยชน์อะไรต่อเป่ยเฉินอี้
ในช่วงเวลาที่ราชาต้ามั่วแปลกใจ แววตาของจิวมั่วเหอมองไปที่แม่ทัพเฮ่อเหลียน “ความหมายของแม่ทัพเฮ่อเหลียนคือ ท่านมีการติดต่อกับศัตรูแล้วหรือ”
จิวมั่วเหอเอ่ยออกมาเช่นนี้ ราชาต้ามั่วคล้ายกับตื่นขึ้นจากฝัน แววตาคมกริบมองแม่ทัพเฮ่อเหลียนทันที
แม่ทัพเฮ่อเหลียนถลึงตาใส่จิวมั่วเหอ หันกลับไปหาราชาต้ามั่ว อธิบายว่า “ท่านข่าน สามวันก่อน เป่ยเฉินอี้ส่งคนมาหาข้า บอกว่าคิดร่วมมือกับต้ามั่ว ทำลายชายแดนเป่ยเฉิน ข้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งมาโดยตลอด ไม่กล้าเอ่ยออกไป วันนี้ยามเห็นจดหมายฉบับนั้น ข้าก็มอบให้ท่านข่านแล้ว หากข้ามีจิตใจคิดคด จะหาเรื่องใส่ตัวเช่นนี้หรือ”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา ประกายคมกริบในดวงตาของราชาต้ามั่วก็ลงลดไปมาก
จิวมั่วเหอยิ้มเย็นชา เอ่ยต่อ “แต่ใครจะรู้ว่า นี่ใช่แผนการที่ท่านกับเป่ยเฉินอี้ปรึกษากันเพื่อเล่นงานต้ามั่วของพวกเราหรือเปล่า อย่างไรชื่อเสียงปราชญ์อันดับหนึ่งของเป่ยเฉินอี้ ใครต่างก็รับรู้ หากคิดวางแผนซ้อนแผน สำหรับเป่ยเฉินอี้หาใช่เรื่องยากเย็นไม่”
เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ แม่ทัพเฮ่อเหลียนรีบโต้ตอบกลับไปทันที “ดังนั้นความหมายของแม่ทัพจิวมั่วก็คือ ท่านจะถูกเป่ยเฉินอี้วางแผนซ้อนแผนได้ง่ายๆ ใช่หรือไม่”
“พอแล้ว” ราชาต้ามั่วพลันรู้สึกปวดหัว
เดิมทีความในใจของเป่ยเฉินอี้ก็ทำให้เขาปวดหัวมากพอแล้ว อีกทั้งรู้สึกว่าตนเองน่าจะใคร่ครวญให้นานอีกหน่อย ยามนี้แม่ทัพคนโปรดที่สำคัญของเขาทั้งสองยังทะเลาะไม่ยอมกัน ราชาต้ามั่วยิ่งรู้สึกปวดหัวคล้ายสมองจะแตกออกมา
เขามองจิวมั่วเหอ “เช่นเดียวกับที่เชื่อว่าแม่ทัพจิวมั่วจะไม่มีใจเป็นอื่น ข้าก็เชื่อว่าแม่ทัพเฮ่อเหลียนจะจงรักภักดีกับข้า อย่างไรเสียแสงจันทร์ทอดยาวพันลี้ ต้ามั่วมีเพียงดวงเดียวเท่านั้น”
ยามเมื่อราชาต้ามั่วเอ่ยคำนี้ออกมา คนทั้งหมดก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
ตระกูลเฮ่อเหลียนเป็นขุนนางภักดีมาหลายชั่วอายุคน จนกระทั่งรุ่นของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่[1] ห้าปีก่อนเขาอารักขาชีวิตราชาต้ามั่วเอาไว้ได้ สุดท้ายถูกแทงเข้าที่บ่าขวา มาถึงวันนี้เพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาจับดาบกระบี่อีกครั้ง
คนจำนวนไม่น้อยต่างเสียดายแทนเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เพราะทุกคนต่างรู้ดี อาศัยความสามารถของเขา หากห้าปีก่อนไม่บาดเจ็บ วันนี้เขาไม่มีทางหยุดอยู่แค่ตำแหน่งนี้เท่านั้น
ยามนั้นเพื่อเป็นการแสดงถึงบุญคุณ ราชาต้ามั่วเอ่ยปากเองว่า “แสงจันทร์ทอดยาวพันลี้ ต้ามั่วมีเพียงดวงเดียวเท่านั้น” เพื่อเป็นการชื่นชมความภักดีของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ บัดนี้ราชาต้ามั่วเอ่ยออกมา จิวมั่วเหอก็ไม่กล้าพูดมากอีก
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่รีบเสริมต่อทันที “ท่านข่าน เป่ยเฉินอี้มีใจทะเยอทะยานอยู่ตลอด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีใจต่อบัลลังก์ของเป่ยเฉิน ข้ารู้สึกว่าการร่วมมือกับเขาสามารถใคร่ครวญได้ โดยเฉพาะเงื่อนไขของเขามีเพียงแค่สังหารชาวบ้านชายแดนเป่ยเฉิน สำหรับพวกเราแล้วไม่ใช่เรื่องเสียหาย”
ครั้นแม่ทัพเฮ่อเหลียนเสนอควาคิดออกมาเช่นนี้
ราชาต้ามั่วมองจิวมั่วเหอ “จิวมั่วเหอ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“ต้องป้องกันไว้บ้าง” จิวมั่วเหอไม่จู่โจมเรื่องความภักดีของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่อีก กล่าวกับราชาต้ามั่วว่า “ความคิดของเป่ยเฉินอี้ใครก็ไม่เข้าใจ หากนี่เป็นแค่แผนการหนึ่งของเขา พวกเราติดกับแล้ว ผลลัพธ์ยากเกิดคาดได้”
ราชาต้ามั่วก็พยักหน้ารับเช่นกัน
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ในเวลานี้ เอ่ยประโยคเห็นด้วยกับจิวมั่วเหอ “ถึงข้าจะคิดว่าร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้ก็ดี แต่คำพูดของแม่ทัพจิวมั่วก็ไม่ผิด เรื่องนี้ยังต้องใคร่ครวญให้ดีก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าอย่างไรการร่วมมือกับเป่ยเฉินอี้เหมือนเป็นการขอหนังจากเสือ หากนี่เป็นกับดัก ก็ร้ายแรงมากจริงๆ ”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ราชาต้ามั่วพยักหน้าครุ่นคิด “อย่างนั้นก็ดี ข้าจะใคร่ครวญอีกหลายวันค่อยว่ากันใหม่”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลังเสร็จสิ้นการหารือ
จิวมั่วเหอกับเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่สบตากัน ต่างแค่นเสียงเย็นชา สะบัดชายเสื้อออกจากกระโจมไป
……
ห้องของจิ่วหุน
ซือหม่าหรุ่ยเดินมาถึงหน้าห้อง เคาะประตู
ผ่านไปสักพักไม่มีคนตอบรับ
ซือหม่าหรุ่ยรู้สึกไม่สู้ดี เรียกเสียงดังว่า “จิ่วหุน”
ไม่มีคนตอบ
นางมุ่นคิ้ว แต่ไม่อาจบุกเข้าไปได้ตรงๆ อย่างไรเสียก็เป็นห้องของบุรุษ “นี่…ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว หรือว่าไม่อยู่กันแน่”
ในระหว่างที่นางหนักใจ
ซินเยว่เยี่ยนก็เดินเข้ามาถึงหน้าประตูก็เอ่ยปากขึ้นว่า “อยู่ข้างใน”
นางมีวรยุทธ์ไม่ต่ำทราม ย่อมรับรู้ถึงลมหายใจคนด้านใน
“เอ๋” ซือหม่าหรุ่ยยามนี้ลนลานแล้ว “อย่างนั้นทำอย่างไรดี”
ซินเยว่เยี่ยนเป็นจอมยุทธ์หญิงผู้ตรงไปตรงมา ยกเท้าถีบประตูห้องอย่างแรงทีหนึ่ง
“โครม” ประตูพังลงมาแล้ว
ซือหม่าหรุ่ย “…”
ก็ได้
คนทั้งสองรีบร้อนพุ่งเข้าไปด้านใน เห็น จิ่วหุนคุกเข่าอยู่มุมห้อง ดูเหมือนว่าเขาสลบไปแล้ว มุมปากมีเลือดดำ คนชักกระตุกอยู่มุมห้อง
ซือหม่าหรุ่ยสาวเท้ากว้างๆ เข้าไปทันที นางก็รู้ว่าพิษชนิดนี้ นอกจากครึ่งปีจำเป็นต้องรับยาแก้แล้ว ในยามปกติก็จำเป็นต้องใช้ยาเพื่อสะกดพิษที่อยู่ในอวัยวะภายใน
นางเดินหน้าเข้าไป เตรียมจะรักษาให้ จิ่วหุน
จิ่วหุนที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ชักมีดสั้นออกมาจู่โจมซือหม่าหรุ่ย
เคราะห์ดีที่ซินเยว่เยี่ยนตาไวมือไว ดึงซือหม่าหรุ่ยถอยหลังมาเล็กน้อย
หนีจากกระบวนท่าคร่าชีวิตไป แต่ก็ยังตัดผมของซือหม่าหรุ่ยออกไปปอยหนึ่ง
ซือหม่าหรุ่ยยามนี้รู้สึกเหมือนหนีจากถ้ำเสือได้ มองจิ่วหุนอย่างเคร่งขรึมครู่หนึ่ง “นี่คือสัญชาตญาณปกป้องตัวเองของเขา ข้าเข้าใกล้เขาไม่ได้ ก็รักษาไม่ได้”
“ทำไงดี หรือว่าไปตาม แม่นางเยี่ยเม่ย” ซินเยว่เยี่ยนเสนอ
“หาข้าทำไมหรือ”
ในขณะที่พวกนางคุยกับ เยี่ยเม่ยก็เดินเข้ามาพอดี
หลังจากกลับมาแล้วไม่เห็นจิ่วหุน นางรู้สึกแปลกใจ จึงมาตรวจดูเสียหน่อย คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเข้าประตู ก็ได้ยินคนพูดถึงนางแล้ว
หลังจากเข้ามาด้านใน เยี่ยเม่ยก็เห็นจิ่วหุนที่มุมห้อง นางชะงักชั่วครู่ “เขาเป็นอะไรไปแล้ว”
ระหว่างถาม นางไม่รอคำตอบก็พุ่งเข้าไปข้างกายจิ่วหุน
ซือหม่าหรุ่ยคิดเตือนอีกฝ่ายว่า จิ่วหุนจะทำร้ายคนในยามไม่ได้สติ เยี่ยเม่ยก็ไปถึงข้างกายจิ่วหุนแล้ว หญิงสาวยื่นมือออกไปแตะหน้าผากเขา “ร้อนมาก”
จิ่วหุนในยามนี้เชื่อฟังมาก ไม่ขยับเลยสักนิด
ซือหม่าหรุ่ยตะลึงงัน มองหน้ากันกับซินเยว่เยี่ยน
ดังนั้น มีเพียงนางคนเดียวที่เข้าใกล้จิ่วหุนได้หรือ
[1] เฮ่าเยว่ ชื่อของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แปลว่าแสงจันทร์