เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 198 คิดจะฆ่าข้า เกรงว่าพวกจนคงหมดหวัง
คนทั้งหมดเห็นว่าจิ่วหุนบาดเจ็บ ไอเข่นฆ่ายิ่งรุนแรง
แววตาเย็นเยียบเป็นสีแดงก่ำ มีคนหนึ่งตวาดก้องว่า “เจ้านักฆ่าอำมหิต เอาชีวิตสุนัขของเจ้ามาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณบิดาข้าบนสวรรค์เถอะ”
จิ่วหุนกุมหน้าอก กระบี่ยาวค้ำอยู่ข้างกายช่วยประคองไม่ให้ล้มยามเมื่อขาข้างหนึ่งของเขาเหยียบลงพื้นมาก่อน
มุมปากของเขามีรอยเลือด มองคนชุดดำทั้งหกคน
จิ่วหุนถามด้วยเสียงสงสัย “มาล้างแค้น?”
“ไม่ผิด เจ้าเอาชีวิตบิดาข้า วันนี้ข้าจะต้องสังหารเจ้าให้ได้” คนชุดดำผู้นั้นตอกกลับทันควัน
ส่วนคนที่ฟาดฝ่ามือใส่จิ่วหุน ก็หัวเราะเสียงเย็นชา จ้องจิ่วหุน กัดฟันเอ่ย “ตอนที่เจ้าสังหารอาจารย์ข้า คิดหรือไม่ว่าตัวเองจะมีวันนี้”
ฐานะของผู้มาชัดเจนมาก ล้วนมาล้างแค้นทั้งสิ้น
อีกทั้งยังไม่ได้มาเพียงคนเดียว
จิ่วหุนเข้าใจแล้ว
เขาลุกขึ้น มองคนทั้งหมดทีหนึ่ง ไอพร้อมกับสำลักเลือดออกมาด้วย จิ่วหุนจ้องมองคนทั้งหลายเบื้องหน้า “มาล้างแค้น ก็ไม่ต้องพร่ำมากความ มีความสามารถฆ่าข้าได้หรือไม่ ใช้การกระทำแทนคำพูด”
สิ้นเสียง
จิ่วหุนชักกระบี่ออกอย่างรวดเร็ว พลิ้วกายวูบหนึ่ง ดาบพุ่งออกไปอย่างดุดัน เลือดสดกระเซ็นออกเป็นสาย คนชุดดำที่ใช้ฝ่ามือทำร้ายเขาหัวหลุดออกจากร่าง
ในขณะเดียวกัน จิ่วหุนก็กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง เพราะฝืนโคจรกำลังภายใน
คนที่มีชีวิตอยู่อีกห้าคน มองศพของสหายร่วมเดินทางผู้นั้น พลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที สำนึกได้ว่าหากเมื่อครู่เป้าหมายของจิ่วหุนคือตนเอง เช่นนั้นศพที่นอนอยู่บนพื้นในเวลานี้ก็คงเป็นตนเองแล้ว
ด้วยเหตุนี้สีหน้าแต่ละคนล้วนซีดเผือด
ทว่าไม่ช้า สายตาคนทั้งหมดก็ตกอยู่บนร่างของจิ่วหุน
สายตาสงบไร้ความแตกตื่นของจิ่วหุนแผ่อายเย็นเยือก มองพวกเขา เอ่ยเสียงขุ่นว่า “ยังมีใครจะเข้ามาอีก”
คนทั้งห้าในสถานที่นี่ต่างมองหน้ากัน ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าขยับเข้าใกล้
แต่
ไม่ช้าก็มีคนผู้หนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า “คนอำมหิตผู้นี้อย่าปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไป วันนี้ในเมื่อพวกเรามาถึงแล้ว ก็ต่างเตรียมใจรับความตาย ทุกคน อย่ากลัว”
“อืม” มีคนพยักหน้าเห็นด้วย เขาหยุดอาการตัวสั่น มองจิ่วหุนกล่าวว่า “ข้าบอกเจ้าไว้ วันนี้เจ้าไม่รอดแล้ว พวกเราแค่เป็นกองหน้าเท่านั้น ด้านนอกยังคนเตรียมสังหารเจ้าหลายกลุ่ม เจ้าฆ่าพวกเราได้ แต่ไม่ช้าก็ตายในเด้วยน้ำมือของผู้อื่น”
“ไม่ผิด ทางทีดีเจ้าอย่าได้ขัดขืน ให้มีความผิดเพิ่มขึ้นอีกเลย” มีคนเสริมขึ้นมาอีก
หลังจากสิ้นเสียงของพวกเขา
จิ่วหุนแหงนหน้ามองพวกเขาทั้งหมด สายตาเต็มไปด้วยไอสังหาร แค่จิตสังหารนี้ก็มากพอทำให้คนหวาดกลัวแล้ว
ไม่ช้า เขาเอ่ยปากว่า “คิดฆ่าข้า เกรงว่าจะทำให้พวกเจ้าหมดหวังแล้ว”
เมื่อเขาเอ่ยจบ
จิ่วหุนโคจรพลัง ร่างกายพลันเปลี่ยนไป
“เงาสังหาร”
เงาร่างจำนวนมากของจิ่วหุนพุ่งมาจากทั่วสารทิศ ชายชุดดำทั้งห้าตวัดสายตามองไปรอบๆ พิจารณาว่าร่างจริงของจิ่วหุนคือร่างไหน ร่ายแยกของจิ่วหุนคือร่างไหน…
ยังไม่ทันมองออก
เลือดสาดเป็นสายไปทั่วทั้งสี่ทิศ ละอองโลหิตฉีดพุ่งอยู่ในอากาศ ผ่านใบหน้าเย็นเยียบของจิ่วหุน สุดท้ายสาดลงพื้น
บนพื้น มีศพเพิ่มขึ้นมาอีกห้าศพ
พื้นเต็มไปด้วยเลือด มองไปมีแต่เลือด
เป็นดั่งคำพูดของจิ่วหุน คิดจะสังหารเขา มีแต่ความสิ้นหวังเท่านั้น
ส่วนจิ่วหุน หลังจากใช้กระบวนท่านี้ออกไป ก็กระทบกระเทือนอวัยวะภายในที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ในขณะนี้เอง
นอกหน้าต่างมีเงาร่างพุ่งเข้ามาอีกสิบสาย การลอบสังหารยกที่สองก็เริ่มขึ้น
หลังจากเข้ามาถึง ผู้มามองศพไร้วิญญาณที่เข้ามาจู่โจมรอบแรก จากนั้นก็มองจิ่วหุนที่สิ้นแรงอย่างชัดเจน ก็เอ่ยเสียงเย็นว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ มาถึงขั้นนี้ เจ้ายังสังหารคนมากมายขนาดนี้ เพิ่มบาปให้กับตัวเองอีก จิ่วหุน เจ้ายังคิดอีกเหรอว่าวันนี้เจ้าจะรอดไปได้”
คนด้านหลังอีกผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาบ้าง เอ่ยปากกับจิ่วหุน “พวกเรารวมตัวเป็นสหพันธ์ หากไม่กำจัดนักฆ่าชั่วร้ายอย่างเจ้าไม่ได้ ก็จะไม่ล้มเลิก เจ้าถูกพิษแล้ว ดิ้นรนไปก็เท่านั้น”
คนพวกนี้เอ่ยคำพูดออกมา สายตาของพวกเขาที่มองจิ่วหุนเต็มไปด้วยความแค้น
จิ่วหุนไม่ได้หวั่นเกรงสายตาคนพวกนี้เลยสักน้อย ยกกระบี่ขวางได้ด้านหน้าตน สายตานิ่งสงบไม่ไหวติ่งมองไปยังคนเหล่านั้น “ฆ่าคน ไม่ได้ใช้ฝีปาก”
เมื่อเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ สีหน้าของคนชุดดำสองคนภายใต้หน้ากากพลันขุ่นมัว
จิ่วหุนผู้นี้…
กำลังแดกดันว่าพวกเขาไม่มีความสามารถสังหารคน ทำได้เพียงใช้ปากพ่นวาจาไม่หยุดอยู่ที่นี่
ทว่า
ในสายตาของพวกเขาเห็นเป็นเช่นนี้
สำหรับจิ่วหุนแล้ว เขาคิดว่า ตนเองกำลังสั่งสอนให้คนเหล่านี้รู้จักการเป็นคน ยามเผชิญหน้ากับคนที่จะลอบฆ่า สมควรตื่นตัวและมีความรู้พื้นฐาน
เพราะเจตนาเดิมที่จิ่วหุนเอ่ยออกไป ไม่ตรงกับความคิดของคนที่ฟังคำพูดของเขา
ดังนั้นคนชุดดำทั้งหลายยามนี้จากเก้อเขินเป็นความโมโห เอ่ยด้วยโทสะ “จิ่วหุน วันนี้พวกข้าต้องสับเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ให้ได้”
จิ่วหุนไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาต้องเดือดดาล เพียงตอบเสียงเบาว่า “ถึงพวกเราจะเป็นศัตรู แต่ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี จำไว้ ภายหน้าอย่าเอ่ยคำพูดโง่เขลาเช่นนี้กับข้าอีก”
คนชุดดำ “…”
พวกเขาอยากกระอักเลือดแล้ว
ไหนว่าจิ่วหุนไม่ถนัดต่อล้อต่อเถียงมิใช่เหรอ นี่ยังเรียกว่าไม่ถนัดโต้เถียง ไม่ทันคน ไม่รู้ว่าตัวเองเอ่ยคำพูดทำร้ายคน เขาไร้เดียงสาจริงหรือว่าจงใจกันแน่
“เหอะ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ฆ่าเถอะ”
หลังจากสิ้นเสียงคนชุดดำผู้นั้น คนด้านหน้าก็เข้ามาฆ่าจิ่วหุน
ยามจิ่วหุนยกมือฟาดฟันออกไป ก็มีศีรษะมนุษย์ตกลงคนหนึ่ง
คนที่เหลืออีกเก้าคนเห็นภาพนี้ เริ่มเกิดความลังเล ถึงขั้นปรึกษากันเสียงเบาว่า “วรยุทธ์ของเขาสูงส่งขนาดนี้ พวกเราจะฆ่าเขาได้จริงๆ เหรอ”
“เขาถูกพิษแล้ว กำลังภายในไม่อาจใช้ออกมาได้ทั้งหมด วันนี้ไม่ฆ่าเขา ภายหน้ายิ่งไม่มีโอกาสฆ่าเขาอีก”
“แต่…”
“เจ้าลืมความแค้นของน้องชายเจ้าแล้วเหรอไง”
เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ สายตาคนทั้งหมดก็หนักแน่นขึ้น “ฆ่า”
ในขณะเดียวกัน คนชุดดำอีกกลุ่มก็ทะยานเข้ามาทางหน้าต่างมองจิ่วหุน คนกลุ่มนี้กลับคล้ายคนที่ได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ
หลังจากเข้ามาแล้ว ก็เอ่ยปากว่า “นายท่านมีคำสั่ง ใครนำหัวจิ่วหุนกลับไปได้ ตกรางวัลพันตำลึงทอง ฆ่า”
นักฆ่าดาหน้าเข้ามาเป็นระลอกๆ ยังไม่ทันสังหารกลุ่มหนึ่งหมด อีกกลุ่มก็ล้อมเข้ามาอีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำที่เตรียมการมาเป็นเวลานาน มาจนถึงตอนนี้ ภายในห้องเกิดการเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้ง ก็ยังไม่มีทหารสักคนเข้ามาคุ้มกัน
ทุกอย่างบอกได้เลยว่า มีคนตั้งใจวางแผนไว้แต่แรก จัดฉากสังหารเขา
สิ่งเหล่านี้ ในฐานะนักฆ่าเจ้าแผนการ ขอเพียงจิ่วหุนใคร่ครวญก็มองออก เพียงแต่คนคิดเอาชีวิตเขาเป็นใครกันแน่
ชั่วขณะใช้ความคิด คนชุดดำกลุ่มนี้ก็ตรงเข้ามาสังหารเขา
จิ่วหุนสายตาตระหนก ยามโคจรกำลังภายในพลันกระทบกระเทือนถึงอาการบาดเจ็บ เรี่ยวแรงติดขัด กระบี่ของคนชุดดำคนหนึ่งแทงใส่อกเขา
จิ่วหุนหลบอย่างว่องไว กระบี่เล่มนั้นแทงใส่บ่าของเขาแทน
เลือดพุ่งออกมา
คนทั้งหมดเห็นกระบวนท่าหนึ่งก็ทำร้ายจิ่วหุนได้ ยามนี้ทวีความมั่นใจ ตวาดก้องว่า “ฆ่ามัน”