เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 199 แม่นางเยี่ยเม่ย จิ่วหุนถูกลอบสังหารแล้ว
สายตาที่จ้องมองจิ่วหุนแต่ละคู่เต็มไปด้วยความแค้น
ในมือของคนทั้งหมดถืออาวุธคร่าชีวิต พุ่งเข้ามาจู่โจมจิ่วหุน
จิ่วหุนมั่นใจว่า ในกลุ่มคนพวกนี้ต้องมีคนที่มาล้างแค้นให้ญาติมิตรคนสนิทแน่ แต่ที่มีมากกว่ากลับเป็นคนที่ถูกใครบางคนส่งมา…
เขาปิดตาลง
ยามนี้จิ่วหุนไม่มองภาพเบื้องหน้าอีก ใช้หูฟังแทน
เพียงแค่ใช้หูฟังเท่านั้น
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากทั่วสารทิศ แต่ละคนอยู่ตำแหน่งไหน ฝีเท้าของคนทั้งหมดมีความเร็วอยู่ในระดับใด จะเข้าใกล้เขาในเวลาไหนและจะเข้ามาในจังหวะใด
สุดท้าย
จิ่วหุนพลันเปิดตาขึ้น พ่นคำพูดออกมา “เคียวอสุรา”
สิ้นเสียง
เขาใช้กำลังภายในควบคุมกระบี่ยาวในมือบินออกไป จิ่วหุนไม่จำเป็นต้องขยับเขยื้อนเลย กระบี่เล่มนั้นคล้ายกับเคียวของเทพแห่งความตายลอยโฉบผ่าน ไม่ว่าตรงที่ไหนที่มันผ่านไป จะมีคนถูกแทงหนึ่งคน
หัวคนทั้งหมดหลุดร่วงลงพื้น ตายในกระบวนท่าเดียวทั้งสิ้น
กระบวนท่านี้เมื่อใช้ออกไปสามารถกำจัดคนที่เข้าใกล้ตัวจิ่วหุนได้อย่างแม่นยำ แค่กระบวนท่าเดียว ศพกว่าสามสิบศพและศีรษะก็เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
จิ่วหุนยื่นมือรับกระบี่กลับมา
ในห้องยังเหลือผู้โชคดีอยู่สองคนที่เมื่อครู่ไม่ได้เข้าใกล้จิ่วหุนมากเกินไป ดังนั้นยังรอดชีวิตอยู่ คนทั้งสองมองสภาพด้านหน้า พลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ มองหน้ากันไปมา
ในเวลานี้เอง จิ่วหุนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ขมับมีเหงื่อซึมออกมา เขารู้ดีว่าร่างกายตัวเองมาถึงขีดจำกัดแล้ว หากยังฝืนใช้กำลังภายในต่อไป สถานเบาก็เป็นลมหมดสติไป หากหนักหน่อยก็เส้นชีพจรแตกซ่าน
แต่เขาไม่มีทางถอยอีกแล้ว
สายตาของจิ่วหุนมองคนทั้งสอง ชี้กระบี่อาบเลือดไปที่พวกเขา ถามว่า “ยัง…จะสู้อีกไหม”
เวลานี้คนทั้งสองไม่ตอบ
รู้แก่ใจว่า สภาพร่างกายของจิ่วหุนในเวลานี้ ถึงจะเป็นเหมือนคันธนูที่สิ้นเรี่ยวแรง แต่หากจะสังหารพวกเขาสองคน ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
พวกเขาตัดสินใจถอย แสดงออกว่าตัวเองไม่คิดสู้แล้ว
ทว่าหนึ่งในนั้นพลันโพล่งออกมาว่า “จิ่วหุน เจ้าร้ายกาจมาก แต่วันนี้เจ้าถูกกำหนดแล้วว่าไม่อาจรอดออกไปจากที่นี่ได้”
สิ้นเสียงเขา
หลังคาห้องถูกพังทะลุ
คนถือกระบี่ยาวผู้หนึ่งทะลวงหลังคาจู่โจมลงมา จิ่วหุนยกกระบี่ยาวขึ้นเหนือศีรษะ รับกระบี่ของคนผู้นั้นไว้
ขณะเดียวกัน
อีกคนหนึ่งก็ทะยานเข้ามาทางหน้าต่าง กระบี่ยาวแทงใส่แผ่นหลังจิ่วหุน
การจู่โจมนี้เรียกได้ว่าสายฟ้าฟาดไม่อาจหลบหลีก
คนทั้งหมดต่างคิดว่า จิ่วหุนต้องจบชีวิตแน่แล้ว
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ กระบี่ยาวที่พุ่งใส่แผ่นหลังจิ่วหุน กลับถูกมืออีกข้างหนึ่งของเขาคว้าไว้แน่น
มือจับคมกระบี่ทำให้ถูกบาดจนเลือดค่อยๆ ไหลลงมาไม่หยุด
หน้าอกของจิ่วหุนถูกฝ่ามือกระแทก บ่าก็ยังมีเลือดไหล ฝ่ามือก็มีเลือดไหล แผลเก่าแผลใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ พิษในร่างกายยังคงกำเริบ ทำให้เขาที่คิดโคจรกำลังภายใน ก็ทำไม่ได้อีก
ด้านนอกมีคนทะยานเข้ามาจากหน้าต่างอีกหลายคน กระบี่ยาวในมือพุ่งเข้าใส่จิ่วหุน
เขาสายตาเย็นเยียบในฉับพลัน ใช้พลังทั้งหมดในร่างรวบรวมกำลังภายในแข็งแกร่งขุมหนึ่งระเบิดปะทุออกไปอย่างรุนแรง
“ปัง” เสียงดังสนั่น
คนที่อยู่รอบกายจิ่วหุนทั้งหมดและคนที่กลุ้มรุมจู่โจมเขา ล้วนถูกกำลังภายในขุมนั้นกระแทก ร่วงล้มลงพื้นอย่างแรง
รวมถึงคนที่ลอบจู่โจมจากบนหลังคา และคนที่จิ่วหุนกุมกระบี่ไว้ พวกเขาต่างจับกระบี่ไม่มั่นอีก ล้มฟาดพื้นไป
จิ่วหุนคลายมือ ปล่อยคมกระบี่ในมือออก กระบี่อาบโลหิตตกสู่พื้น
จิ่วหุนรู้ดีว่าหากเขายังไม่หนีไปอีก นักฆ่าชุดใหม่ก็จะเข้ามาในไม่ช้า เขาไม่ทันจะจัดการบาดแผลของตนก็กระโดดทะยานออกไปทางหลังคา
หลังจากกระโดดขึ้นหลังคาไปแล้ว
รอบด้านมีคนชุดดำจำนวนมากกว่าเดิมอีก ต่างก็จู่โจมใส่เขา
ในยามนี้อาการบาดเจ็บของจิ่วหุนกำเริบขึ้น กระอักเลือดออกมาอีกระลอก ขณะเดียวกันคนที่ไล่สังหารจิ่วหุนพลันสาดผงพิษมาทางเขา
เมื่อจิ่วหุนหลบไม่ทัน พิษแล่นเข้าสู่ร่างกาย เขาก็กระอักเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง ยิ่งไม่อาจรวบรวมกำลังภายใน ริมฝีปากค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
จิ่วหุนยามนี้หมดปัญญาต่อสู้และไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ ไม่พูดพร่ำมากความ ใช้วิชาตัวเบาหนีเอาตัวรอด คนที่ไล่ฆ่าอยู่ด้านหลังก็ตามติดไม่ปล่อย เดิมทีเขามุ่งหน้าไปทางเรือนของเยี่ยเม่ย ทว่าฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหมุนตัวหนีเอาชีวิตรอดไปอีกทิศทางหนึ่ง
ฐานะของเขาถูกเปิดโปงแล้ว หากเขายังหนีไปอยู่ข้างนางอีก นักฆ่าเหล่านี้ก็จะฆ่านางไปด้วย
ดังนั้น เมื่อคนรู้ว่านางอยู่ร่วมกับนักฆ่าอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่ช้าก็จะมีคนคิดว่านางเป็นพวกเดียวกับเขา นางก็จะกลายเป็นศัตรูของคนทั้งแผ่นดิน
ถึงเขาจะเข้าใจดีว่า หากในยามนี้ไม่ไปขอความช่วยเหลือจากเยี่ยเม่ย ภายใต้การผลัดกันโจมตีของคนกลุ่มนี้ เขาคงต้องตายแน่
แต่ต่อให้ตาย เขาก็ไม่อยากทำให้นางลำบาก
……
ห้องของเจ้าเมืองหลิน
เซียวเยว่ชิงมุ่นคิ้ว ยืนอยู่ด้านข้างเจ้าเมืองหลิน ถามเสียงนิ่งว่า “เจ้าเมือง ทำเช่นนี้ดีอย่างนั้นหรือ คุณชายเสี่ยวจิ่วก็นับว่าช่วยเมืองของเราไว้มาก ยามนี้เขาถูกลอบสังหารอยู่ด้านนอก พวกเราไม่สนใจ นี่…”
“แต่ในตอนนั้นพวกเราไม่มีใครรู้ว่า เขาคือจิ่วหุน” สีหน้าเจ้าเมืองหลินขาวซีดไม่น้อย หวนคิดว่านักฆ่าอันดับหนึ่งอยู่ในบ้านตนมาตั้งนาน เขายังคิดยกบุตรสาวให้แต่งงานด้วยอีก เจ้าเมืองหลินตัวสั่นเทิ้ม
เซียวเยว่ชิงขมวดคิ้ว “แต่พวกเราควรถามความเห็นของแม่นางเยี่ยเม่ยกับองค์ชายสี่สักหน่อย”
“แม่นางเยี่ยเม่ยกับองค์ชายสี่ต้องถูกปิดบังไว้ไม่รู้เรื่องแน่ ยามนี้เจ้าไปบอกพวกเขา แม่นางเยี่ยเม่ยก็จะใจอ่อน พลาดโอกาสสังหารเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้ไป ใครจะรับผิดชอบกัน” เจ้าเมืองหลินย้อนถาม
ไม่ช้า เขาก็เอ่ยต่อว่า “อีกอย่างเสีย พวกเราไม่ฆ่าเขา ก็แค่ชมอยู่ด้านข้างไม่ขัดขวางยามที่ผู้อื่นฆ่าเขาก็เท่านั้นเอง”
นอกห้องเจ้าเมืองหลิน ด้านนอกประตู หลินซูเหย่าบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขา
นางหน้าตาซีดเซียว เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ คุณชายเสี่ยวจิ่วคือจิ่วหุนหรือ คือนักฆ่าอันดับหนึ่งผู้นั้นหรือ คือปีศาจร้ายในใจของทุกคนอย่างนั้นหรือ
ในเวลานี้เซียวเยว่ชิงถอนหายใจยาว “เกรงว่าคืนนี้จิ่วหุนจะเคราะห์ร้ายมากกว่าดีแล้ว ถูกคนจำนวนมากขนาดนั้นไล่สังหาร ซ้ำเขายังใช้กำลังภายในไม่ได้อีก ไม่มีคนคอยช่วยเหลือ คืนนี้คงยากจะรอดชีวิต”
หลินซูเหย่าอยู่ในอารามตกใจ
ไม่ได้
นางไม่อาจปล่อยให้คุณชายเสี่ยวจิ่วเกิดเรื่อง แต่…ดูจากท่าทีของท่านพ่อและแม่ทัพทั้งหลายแล้ว ยังมีใครจะออกโรงช่วยอีกเล่า ตัวนางไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ ยังมีใคร…
จริงสิ
ดวงตาของนางพลันวาวโรจน์ คิดถึงคนที่ตนเกลียดที่สุด เยี่ยเม่ย
ตอนนี้ไม่อาจคิดมากอีกแล้ว ต้องรักษาชีวิตคุณชายเสี่ยวจิ่วไว้ก่อนค่อยว่ากัน
หลินซูเหย่าไม่คิดมาก วิ่งไปที่เรือนเยี่ยเม่ยทันที
เยี่ยเม่ยเพิ่งส่งจิวมั่วเหอจากไป หลายวันที่ผ่านมานางเหนื่อยมาก ถึงกระทั่งหลับฟุบไปบนโต๊ะ หลังจากนอนได้สองชั่วยาม ก็ค่อยๆ ขยับเปลี่ยนท่าทาง เห็นท้องฟ้าด้านนอกล่วงเลยยามจื่อไปแล้ว
ในเวลานี้เอง หลินซูเหย่าพลันพังประตูเข้ามา “แม่นางเยี่ยเม่ย แย่แล้ว คุณชายเสี่ยวจิ่วเกิดเรื่องแล้ว เขาถูกไล่สังหาร”