เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 205 อสุราภูตผีร่ำไห้ ซากศพทอดยาวพันลี้
หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่น
ประกายกระบี่ปรากฎไปทั่วสารทิศ อีกทั้งไอกระบี่นี้ล้วนแผ่พุ่งออกมาจากคนคนเดียว
ยามที่เยี่ยเม่ยกับซินเยว่เยี่ยนรีบมาถึงภูเขา เพียงเห็นการระเบิดอย่างรุนแรงเบื้องหน้า ซ้ำยังมีประกายกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสาดแสงออกจากทั่วสี่ด้านแปดทิศ
“ระวัง”
ซินเยว่เยี่ยนเตือนเยี่ยเม่ยทันที
เยี่ยเม่ยถอยร่นหลบประกายกระบี่มาหลายก้าวก่อนที่ซินเยว่เยี่ยนจะเอ่ยปาก ส่วนประกายกระบี่ที่นางหลบได้นั้นพุ่งแทงต้นไม้ใหญ่เกิดเป็นเสียงแตกเปรี๊ยะดังสนั่น
ภาพที่เห็นเบื้องหน้า เป็นเงากระบี่จำนวนมหาศาลเช่นนี้
พุ่งทะลวงทั่วทุกสารทิศ
ซินเยว่เยี่ยนมองกำลังภายในจากที่ไกลๆ ก็รีบเอ่ยปากว่า “นี่คือวิชาของจิ่วหุน”
วันที่จิ่วหุนประมือกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นางเคยเห็นมาก่อน กระบวนท่าอสุราภูตผีร่ำไห้นี้ถูกกระบวนท่าเดียวของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสะกดไว้ ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง และหลังจากสิ้นสุดกระบวนท่านี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ได้ชัยเหนือจิ่วหุน
ดังนั้น นี่ต้องเป็นจิ่วหุนไม่ผิดแน่
สิ้นเสียงซินเยว่เยี่ยน รอบด้านก็กลับสู่ความสงบ ส่วนกลิ่นอายกระบี่ของจิวหุนก็หายไปจนหมดสิ้น ไอสังหารและประกายกระบี่ล้วนกลับสู่ความสงบดังเดิม
“ไป”
เยี่ยเม่ยรีบพุ่งไปยังทิศทางที่เกิดการระเบิด
ส่วนซินเยว่เยี่ยนก็ติดตามฝีเท้าของเยี่ยเม่ยไปอย่างรวดเร็ว
คนทั้งสองวิ่งไปในภูเขาได้หนึ่งกิโลกว่า ยามที่เห็นสภาพเบื้องหน้า อย่าว่าแต่ซินเยว่เยี่ยนเลย แม้กระทั่งเยี่ยเม่ยยังอึ้งไปเล็กน้อย
สภาพด้านหน้ายังสยดสยองกว่าที่นางเห็นในห้องจิ่วหุนเสียอีก
ที่พื้นเต็มไปด้วยศพของคนเจ็ดแปดร้อยคน
ดูจากทิศทางแล้ว ถูกแรงระเบิดออกมาจากถ้ำ บางศพมีสภาพสมบูรณ์ ส่วนบางศพก็แขนขาขาดกระจาย ซากศพกองเกลื่อนไปทั่ว
…..
“จิ่วหุน” เยี่ยเม่ยได้สติกลับมา ร้องเรียกด้วยความตกตะลึง นางทะยานเข้าไปในถ้ำ
ศพมีมากเกินไปแทบไม่มีที่ว่างให้เหยียบเลย เยี่ยเม่ยไม่มีเวลามาโยนศพไปกองไว้ฝั่งเดียว นางเหยียบศพพุ่งเข้าไปในด้านใน
ไม่ช้า นางก็พบจิ่วหุนที่อยู่ภายในถ้ำ
นักฆ่าทั้งหมดสวมชุดดำ มีเพียงจิ่วหุนที่สวมชุดสีขาว ถึงแม้ชุดขาวย้อมไปด้วยเลือดสีแดง แต่ในถ้ำที่มืดมิดก็ยังแยกออก
เสี้ยวเวลานี้ ทั้งร่างจิ่วหุนคือเลือด เขานอนหมดสติอยู่บนพื้น
เขาใช้ลมปราณที่มีไปกับกระบวนท่าเมื่อครู่จนหมดแล้ว
เยี่ยเม่ยไม่พูดพร่ำ พุ่งเข้าไปแบกจิ่วหุน จากนั้นรีบออกจากถ้ำโดยพลัน
ซินเยว่เยี่ยนยังยืนอยู่นอกถ้ำ มองซากศพเหล่านี้ไม่ได้สติอยู่นาน ศพตั้งมากมาย…อีกทั้งคนนับพันพวกนี้ล้วนมีวิชาติดตัว ไม่ใช่ทหารธรรมดา ยิ่งไม่ใช่พวกไม่มีแม้แต่แรงฆ่าไก่
แต่กระบวนท่าเดียวของจิ่วหุน สังหารคนได้ทั้งหมด
อสุราภูตผีร่ำไห้ในตำนาน ร้ายกาจถึงขั้นนี้เชียว เคราะห์ดีที่กระบวนท่านี้ของจิ่วหุนถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสะกดได้ ไม่เช่นนั้น ผู้ชมรวมถึงตัวนางและพวกซือหม่าหรุ่ยหลบช้าไปสักนิดเดียว ก็คงประสบเคราะห์กรรมแล้วใช่หรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซินเยว่เยี่ยนก็เย็นวาบไปทั่วสรรพางค์กาย
เยี่ยเม่ยเห็นอีกฝ่ายอยู่ในอารามตกตะลึง เอ่ยปากเร่งว่า “รีบไป ยังมีคนไล่ตามมาอีก”
“อืม” ซินเยว่เยี่ยนได้สติ รีบทะยานตามเยี่ยเม่ยไป
ระหว่างที่วิ่งห้อตะบึงกลับไปยังชายแดน ซินเยว่เยี่ยนฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ ตอนนี้คนในเมืองต่างรู้ตัวตนที่แท้จริงของจิ่วหุนหมดแล้ว พวกเราพาเขากลับเมือง จะปลอดภัยจริงหรือ”
“ยามนี้ไม่มีเวลามาคิดมากแล้ว ซือหม่าหรุ่ยอยู่ที่เมืองชายแดน ร่างกายของจิ่วหุนเป็นเช่นนี้ มีแต่หานางเท่านั้นข้าจึงวางใจ” เยี่ยเม่ยตอบกลับคำหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เรื่องอื่นค่อยว่ากันภายหลัง
ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้ารับ
หลังจากที่พวกนางเพิ่งออกจากเขามาได้ ก็มีนักฆ่ากลุ่มหนึ่งติดตามมา ล้อมเยี่ยเม่ยและซินเยว่เยี่ยนเอาไว้
ผู้นำกลุ่มคนชุดดำเอ่ยปากว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่ ถูกพิษแล้วยังใช้กระบวนท่านี้ออกมาได้ แม่นางเยี่ยเม่ย เป้าหมายของเราในคืนนี้ไม่ใช่เจ้า หากเจ้าวางเขาลง ก็จากไปได้อย่างปลอดภัย”
“เจ้ารู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อมาก กลางค่ำกลางคืนถึงมายืนเล่าเรื่องตลกอยู่ตรงนี้หรือไง” เยี่ยเม่ยมองเขาอย่างเย็นชา
ชายชุดดำโมโห กวาดตามอง คนชุดดำกลุ่มนั้นก็ยกอาวุธขึ้นเตรียมพร้อม
เยี่ยเม่ยมองซินเยว่เยี่ยน “อาการบาดเจ็บของจิ่วหุน ไม่อาจรั้งรอได้ เจ้าพาเขากลับเมืองไปก่อน ข้าจะระวังหลังเอง”
“ไม่ได้” ซินเยว่เยี่ยนรีบปฏิเสธ “ยามเขาไม่มีสติมีเพียงเจ้าที่เข้าใกล้เขาได้ ดังนั้นเจ้าพาเขากลับไปได้เท่านั้น อีกอย่างสถานการณ์ในชายแดนก็ซับซ้อน หากไม่ใช่เจ้ากลับไปด้วยตัวเอง เกรงว่าพวกแม่ทัพเหล่านั้นจะสังหารจิ่วหุน ก็ไม่มีใครขวางได้ ดังนั้นมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ต้องกลับไป”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยจบ ก็มองเยี่ยเม่ย “เจ้าพาเขาไป ข้าจะระวังหลังให้”
“เจ้าไหวไหม” เยี่ยเม่ยมองคนทั้งหมด ถึงมีเพียงห้าสิบกว่าคน แต่เยี่ยเม่ยมองออกว่าล้วนเป็นยอดฝีมือ ร้ายกาจกว่าบรรดานักฆ่าก่อนหน้ามาก
ซินเยว่เยี่ยนยกมุมปากสูง “สู้กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือจิ่วหุนข้าไม่มีความมั่นใจ แต่สู้กับพวกเขา ได้แน่ รีบไป”
เยี่ยเม่ยเห็นซินเยว่เยี่ยนหน้าตามั่นใจ ไม่คล้ายเสแสร้ง ก็พยักหน้า “อย่างนั้นก็ดี ข้าไปก่อน เจ้าระวังตัวด้วย”
“อืม” ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้า
เยี่ยเม่ยทะยานออกไป
คนชุดดำรีบตามไปขวาง แต่ซินเยว่เยี่ยนรีบดึงแถบผ้าสีม่วงออกจากชายเสื้อ สะบัดไปยังคนกลุ่มนั้น
ฟาดเหล่าคนที่คิดขวางเยี่ยเม่ยล้มกราวลงพื้น
จากนั้น นางยืนขวางหน้าคนชุดดำทั้งหลาย กวักมือเรียก “มา คิดจะไล่ตามนาง ก็เอาชนะข้าให้ได้ก่อน ซินเยว่เยี่ยน หัวหน้าผู้อาวุโสหมู่ตึกกูเยว่น้อมรับมือ”
หัวหน้าคนชุดดำหน้าเขียวคล้ำ
เกี่ยวพันกับหมู่ตึกกูเยว่ก็ชวนให้คนปวดหัว อีกฝ่ายยังเป็นหัวหน้าของสามผู้อาวุโสด้วย…
“แม่นางซิน จิ่วหุนเป็นเหมือนปีศาจร้ายของชาวยุทธ เจ้าจะช่วยเขาจริงๆหรือ เจ้าสอดมือเข้ามายุ่งในยามนี้ ชื่อเสียงของหมู่ตึกกูเยว่…”
ซินเยว่เยี่ยนตัดบท “ชื่อเสียงของหมู่ตึกกูเยว่ คนตัวกระจ้อยอย่างเจ้าพูดไม่กี่คำก็สามารถทำลายได้อย่างนั้นหรือ”
“เจ้า” คนชุดดำเดือดดาลถึงขีดสุด “ฆ่า”
สิ้นเสียง คนชุดดำทั้งหลายก็พุ่งเข้ามาสังหารซินเยว่เยี่ยน
ซินเยว่เยี่ยนยกแถบผ้าในมือฟาดไปที่พวกเขา
……
เยี่ยเม่ยกลับถึงเมือง ก็แบกจิ่วหุนไปที่ห้องซือหม่าหรุ่ยทันที
ซือหม่าหรุ่ยกำลังหลับอยู่ เห็นเยี่ยเม่ยแบกจิ่วหุนที่เลือดโชกกลับมาก็สะดุ้งตกใจ ซือหม่าหรุ่ยสีหน้าง้ำงอ “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เดิมทีนางไม่สนิทกับจิ่วหุน แต่เพราะเยี่ยเม่ยนางถึงเห็นจิ่วหุนเสมือนน้องชาย คิดไม่ถึงว่าไม่พบกันไม่กี่ชั่วยาม เจ้าหนุ่มนี่จะอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปแล้ว
“อย่าเพิ่งพูดเลย ช่วยเขาก่อนเร็ว” เยี่ยเม่ยมองห้องของซือหม่าหรุ่ย ถ้าวางจิ่วหุนลงบนเตียงซือหม่าหรุ่ย ในยุคโบราณนี้จะทำลายชื่อเสียงของซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยเห็นเยี่ยเม่ยมองไปรอบๆ ห้องตัวเองสีหน้าลังเล ก็รู้ทันทีว่าเยี่ยเม่ยคิดอะไรอยู่ “ไม่เป็นไร วางเขาบนเตียงข้าเถอะ ชาวยุทธ์ไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ช่วยคนสำคัญกว่า”
“ได้”