เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 207 สังหารจิ่วหุน พวกเจ้าไม่รู้สึกผิดหรือไง
“ดี”
แม่นางทั้งสองไม่พูดไม่จา รีบติดตามเยี่ยเม่ยไปอย่างรวดเร็ว
…
หน้าประตูห้องซือหม่าหรุ่ย
เจ้าเมืองหลินเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี “แม่นางเยี่ยเม่ย พวกเรารู้ว่าท่านกับจิ่วหุนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ว่าท่านก็ต้องคิดถึงคุณธรรม จิ่วหุนสังหารคนตั้งมากมาย ท่านยืนกรานจะปกป้องเขา ท่านก็จะกลายเป้าหมายของทุกคน”
คนทั้งหลายต่างไม่รู้ว่า เยี่ยเม่ยหนีออกไปทางหน้าต่างตั้งนานแล้ว
ดังนั้น พวกเขาต่างได้แต่ยืนเกลี้ยกล่อมอยู่หน้าประตู
ไม่กล้าบุกเข้ามาง่ายๆ อย่างไรเสียความสามารถของเยี่ยเม่ย ทุกคนก็กระจ่างชัด หากฝืนบุกเข้าไปเกรงว่ายากจะมีชีวิตรอดออกมา
เซียวเยว่ชิงมองเจ้าเมืองหลินทีหนึ่ง เสนอว่า “ไม่สู้…พวกเรากลับไปก่อน แม่นางเยี่ยเม่ยไม่พูดอะไรมาตลอด บางทีนางอาจมีความคิดของนาง พวกเราบีบคั้นคน ข่มขู่คน ไม่เคารพผู้นำทัพ นี่….”
“นี่คือการล่วงเกินผู้บังคับบัญชา” หลูเซียงฮั่วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง
แต่ทุกคนต่างรู้อยู่ในใจ เยี่ยเม่ยหาใช่ผู้นำทัพที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง แต่เป็นเพราะการกระทำตามอำเภอใจขององค์ชายสี่
เจ้าเมืองหลินหันมาถลึงตาใส่พวกเขา แผดเสียงว่า “แต่ว่าพวกเจ้าต่างก็รู้ว่าจิ่วหุนบาดเจ็บแล้ว พวกเจ้าต่างก็รู้ว่าวรยุทธ์ของเขาสูงส่งเพียงไร หากวันนี้ไม่ฉวยโอกาสตอนเขาบาดเจ็บกำจัดเขาเสีย ภายหน้ายังจะมีโอกาสนั้นอีกหรือไม่”
ความจริงแล้วเจ้าเมืองหลินไม่ได้มีความแค้นยิ่งใหญ่กับจิ่วหุน
เพียงแต่คิดถึงครั้งก่อนยามที่ตัวเองไปหาจิ่วหุน พูดคุยเรื่องงานแต่งงานของบุตรสาว การปฏิเสธโดยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายทำให้เจ้าเมืองหลินโมโห จนถึงวันนี้ก็ยังไม่สงบลง หากมีโอกาสเขาต้องสังหารเจ้าหนุ่มนี่ทิ้งเสีย
ประการแรกก็เพื่อแก้แค้นในใจตน ประการที่สองก็เพื่อตัดความคิดของหลินซูเหย่า
ครั้นถ้อยคำนี้ถูดเอ่ยออก เซียวเยว่ชิงอดรนทนไม่ไหวย้อนกลับไปประโยคหนึ่งว่า “แต่ช่วงนี้จิ่วหุนช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ไม่น้อย ในสนามรบ ทหารต้ามั่วที่สังเวยชีวิตภายใต้คมดาบของเขา หากไม่ถึงหมื่นก็ต้องมีถึงแปดพัน พวกเราทำเช่นนี้ไม่เท่ากับเป็นการให้โทษตอบแทนคุณหรอกหรือ”
ความจริงเซียวเยว่ชิงลังเลมาตลอด นักรบอย่างจิ่วหุนร้อยปีจะได้พบสักคน เขาเสียดายความสามารถ ไม่อาจโน้มน้าวให้ตัวเองทำเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ
“ยิ่งกว่านั้น ช่วงนี้แม่นางเยี่ยเม่ยก็ช่วยพวกเราเอาไว้มาก พวกเรารวมตัวกันบีบคั้นนางเช่นนี้ก็…” เซียวเยว่ชิงคิดว่าการกระทำเช่นนี้ ออกจะขาดคุณธรรมไปหน่อย
ทว่าเจ้าเมืองหลินหันขวับมองเขา “เจ้าอย่าลืมว่า จิ่วหุนเคยฆ่าใครไปบ้าง อดีตเสนาบดีของราชสำนักเป่ยเฉินเราตายภายใต้คมกระบี่ของเขา ทั้งยังมีแม่ทัพซ่างกวนก็ถูกจิ่วหุนลอบสังหารในค่ายทหาร แม่ทัพเซียวข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นลูกผู้ชายและเป็นแม่ทัพผู้หนึ่ง แต่เจ้าก็ต้องคิดถึงการณ์ใหญ่ของบ้านเมืองบ้าง”
เจ้าเมืองหลินเสริมขึ้นต่อว่า “จิ่วหุนสังหารขุนนางใหญ่และแม่ทัพของราชสำนักเรา หากไม่กำจัดเขา พวกเราจะทูลฝ่าบาทว่าอย่างไร”
“เรื่องนี้…” เซียวเยว่ชิงอึ้งไปทันที
เรื่องนี้ก็ไม่ผิด การตายของท่านเสนาบดีและแม่ทัพซ่างกวนสะเทือนแผ่นดิน ก่อความระส่ำระสายให้กับราชสำนักเป่ยเฉินไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ทัพซ่างกวนมีคุณงามความชอบ เป็นวีรบุรุษของราชสำนัก ทั้งยังเคยเป็นหัวหน้านำทัพของเขา เรื่องเหล่านี้ไม่อาจไม่เห็นอยู่ในสายตา
“ดังนั้นพวกเราต้องสังหารจิ่วหุนให้ได้” เจ้าเมืองหลินโพล่งประโยคนี้ออกมาอย่างว่องไว จากนั้นเอ่ยต่อว่า “พวกเราเรียกมาตั้งนานแล้ว แม่นางเยี่ยเม่ยยังไม่ออกมาอีก พวกเจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะไม่อยู่ข้างในแล้ว”
ยามเจ้าเมืองหลินเอ่ยประโยคนี้ออกมา ซือหม่าหรุ่ยในห้องได้ยินอย่างชัดเจน
สายตาทอประกายเย็นเยียบ…
หลูเซียงฮั่วใคร่ครวญครู่หนึ่ง เอ่ยปากว่า “ก็เป็นไปได้ หากแม่นางเยี่ยเม่ยไม่อยู่ด้านในล่ะก็…”
บอกตามความสัตย์ เขาไม่คิดประมือกับเยี่ยเม่ย เพราะใจเขาเลื่อมใสกลการศึกของนางมาก อีกอย่างตัวเขาเห็นเยี่ยเม่ยเป็นหัวหน้าของตนแล้ว ดังนั้นเมื่อคิดว่าตนต้องประจันหน้ากับเยี่ยเม่ย เขารู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมหนามแหลมคม
หากเยี่ยเม่ยไม่อยู่ด้านใน การเข้าไปสังหารจิ่วหุน ก็สามารถหลีกเลี่ยงความกระอักกระอ่วนไปได้
“แม่นางเยี่ยเม่ย หากเจ้ายังไม่ส่งเสียงออกมาอีก พวกเราจะบุกทะลวงเข้าไปแล้ว” เจ้าเมืองหลินตะโกนอยู่หน้าประตู
ในเวลาเดียวกันนี้เอง นอกประตูก็มีสตรีนางหนึ่งพุ่งเข้ามา
นั่นก็คือหลินซูเหย่าที่ตื่นขึ้นมาหลังจากหมดสติไปนาน หลังจากนางเข้ามาแล้วก็คุกเข่าลง ‘ตุบ’
“ท่านพ่อ ลูกขอร้องท่านแล้ว ท่านกลับไปเถิด อย่าเอาชีวิตเขาเลย”
เจ้าเมืองหลินก้มหน้าลง มองนางด้วยสายตากร้าว “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เขาเป็นนักฆ่า มือของเขาเปื้อนเลือดมากมายเท่าไหร่ก็ไม่รู้ เจ้ายังมาขอร้องแทนเขาอีก อีกอย่างเจ้าแสดงความรู้สึกดีๆ ออกไปหลายครั้งเขาเคยใส่ใจเจ้าหรือไม่”
“ท่านพ่อ แต่เดิมก็เป็นข้ายินยอมพร้อมใจอยู่ฝ่ายเดียว เขาไม่ใส่ใจข้า ก็ไม่อาจโทษเขาได้ ท่านพ่อ ท่านกลับไปก่อนเถอะนะ ข้าขอร้องท่านแล้ว หากท่านฆ่าเขาจริงๆ ลูกก็ได้แต่จบชีวิตตัวเองต่อหน้าท่านแล้ว” หลินซูเหย่ายืนกรานหนักแน่น
ท่าทางเช่นนี้ของนาง ทำให้เจ้าเมืองหลินยิ่งทวีความโมโห
สตรีนางหนึ่ง คุกเข่าขอร้องต่อหน้าธารกำนัลเพื่อบุรุษผู้หนึ่ง ทั้งบุรุษผู้นี้ยังเป็นปีศาจร้ายในใจของทุกคน นางไม่ต้องการชื่อเสียง รวมทั้งไม่ใส่ความบริสุทธิ์ของวงศ์ตระกูลแล้ว
เจ้าเมืองหลินตวาดก้องในทันที “ไสหัวไปเลย หากเจ้าอยากตาย ก็ไปตายซะ ข้าจะคิดซะว่าไม่เคยมีลูกสาวเช่นเจ้า”
เซียวเยว่ชิงรีบเข้าไปไกล่เกลี่ย “เจ้าเมืองหลิน ใจเย็นก่อน”
อย่างไรเสียก็เป็นบุตรสาวคนเดียวของเจ้าเมืองหลิน ยามนี้เขาถูกความโมโหเข้าครอบงำจิตใจ
น่าเสียดายที่เจ้าเมืองหลินในยามเดือดดาล ไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมใดๆ ทั้งนั้น เขาโมโหกระทั่งไม่ใส่ใจเรื่องที่เยี่ยเม่ยอยู่ภายในห้องหรือไม่ เอ่ยปากตรงไปตรงมาว่า “ไม่สนแล้ว ทุกคนบุกเข้าไป ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ข้าจะรับไว้เอง”
หลินซูเหย่าคิดไม่ถึงว่านางมาขอร้อง กลับยิ่งทำให้เจ้าเมืองหลินตัดสินใจสังหารคนอย่างแน่วแน่มากขึ้น ถึงขั้นโมโหเสียจนไม่สนใจอะไรอีก หลินซูเหย่าในยามนี้อึ้งไปแล้ว
สิ้นเสียงเจ้าเมืองหลิน เหล่าทหารที่เตรียมเคลื่อนไหวก็ลงมือทันที
การตายของแม่ทัพซ่างกวน ความจริงพวกเขาไม่สามารถปล่อยวางได้ หากสังหารจิ่วหุนแก้แค้นให้กับแม่ทัพซ่างกวนได้ พวกเราก็ไม่ผิดต่อการอบรมดูแลของแม่ทัพซ่างกวนแล้ว
ครั้นคิดได้เช่นนี้ คนทั้งหมดก็บุกทะลวงไปที่ห้องซือหม่าหรุ่ย
ในเวลานี้ ประตูเปิดออกแล้ว
ในมือซือหม่าหรุ่ยมีขวดกระเบื้องใบหนึ่ง นางเทผงยาในขวดลงหน้าประตู เอ่ยปากว่า “นี่คือยาพิษคร่าชีวิต คนที่เข้าใกล้มันในระยะหนึ่งหมี่[1] เลือดจะไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด พวกเจ้าใคร่ครวญให้ดีว่าจะบุกเข้ามาหรือไม่”
ครั้นถ้อยคำนี้เอ่ยออกไป คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา
ทว่าฝีเท้าหยุดลงแล้ว
เจ้าเมืองหลินมองซือหม่าหรุ่ย เอ่ยด้วยความเดือดดาลว่า “ท่านหมอเทวดา ชาวยุทธ์ให้สมญานามท่านเป็นมือเทพผู้เมตตา ไฉนถึงได้ช่วยคนเลวกระทำความชั่ว”
“ช่วยคนเลวกระทำความชั่ว คนเลวที่ว่าคือใครกัน จิ่วหุนหรือว่าเยี่ยเม่ย ที่ว่าความชั่วนั้น พวกเขาทำความชั่วต่อใครแล้ว ทำผิดต่อพวกเจ้าหรือว่าฆ่าพวกเจ้าแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเยี่ยเม่ยกับจิ่วหุนช่วยเหลือพวกเจ้ามากน้อยเพียงใด พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ ยามนี้รู้ฐานะนักฆ่าของเขาก็เปลี่ยนไป ในใจพวกเจ้าไม่รู้สึกผิดเลยหรืออย่างไร” ซือหม่าหรุ่ยตอกกลับอย่างตรงไปตรงมา
คนทั้งหมดสงบนิ่งลงทันที
ขณะเดียวกัน เยี่ยเม่ยเดินสาวเท้าเข้ามาจากด้านนอก…
[1] เมตร