เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 209 เยี่ยนผิดหวังกับเป่ยเฉินอี้ยิ่งนัก
ครั้นได้ฟังว่าจิ่วหุนออกจากองค์กรนักฆ่าแล้ว
พวกเซียวเยว่ชิงยิ่งรู้สึกไม่อยากอยู่ต่อ เซียวเยว่ชิงประสานมือคารวะเยี่ยเม่ย “ข้าขอตัวก่อน”
แต่เดิมเขายังลังเลอยู่บ้าง เกรงว่าหากครั้งนี้ปล่อยจิ่วหุนอีกฝ่ายจะฆ่าคนต่อไป เช่นนั้นวันนี้พวกเขาก็เหมือนปล่อยเสือร้ายกลับสู่ป่า
แต่เมื่อซือหม่าหรุ่ยเอ่ยเช่นนี้ ความไม่วางใจเพียงหนึ่งเดียวก็ปล่อยวางได้แล้ว
หลูเซียงฮั่วเอ่ยต่อว่า “ข้าน้อยขอตัวก่อน”
พวกเขาทั้งสองเอ่ยจบก็รีบแยกย้ายจากไป
เหล่าทหารจำนวนไม่น้อยก็ติดตามไปพร้อมกัน
ขณะเดียวกันยังเหลือทหารจำนวนหนึ่งที่รั้งรออยู่พร้อมกับแม่ทัพคนอื่นและเจ้าเมืองหลิน แต่โดยรวมแล้วคนที่จากไปมีกว่าครึ่งหนึ่ง
เจ้าเมืองหลินเห็นดังนี้หน้าคล้ำง้ำงอ ลอบเสียใจ หากเขารู้แต่แรกว่าเซียวเยว่ชิงและหลูเซียงฮั่วมาแล้วเรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สมควรแจ้งข่าวกับทั้งสอง คราวนี้ก็ดีเลย คนหายไปตั้งครึ่งหนึ่ง
เยี่ยเม่ยมองเซียวเยว่ชิงทีหนึ่ง เอ่ยปากว่า “แม่ทัพเซียวท่านรอก่อน ข้ามีเรื่องจะถามท่าน”
“ได้”
เซียวเยว่ชิงหยุดฝีเท้าลงทันใด
เยี่ยเม่ยมองคำรบหนึ่งแต่ยังคงยืนอยู่ที่ประตู ท่าทางดุดันทว่าไม่กล้าลงมือโดยพลการ นางนำเซียวเยว่ชิง ซินเยว่เยี่ยนและจงรั่วปิงเดินกลับเข้าไปในห้องของซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยส่งยาถอนพิษให้พวกนางที่หน้าห้อง
เมื่อพวกเขากินแล้วค่อยเดินเข้าไป
เจ้าเมืองหลินรีบเอ่ยไล่หลังเยี่ยเม่ย “แม่นางเยี่ยเม่ย…”
เยี่ยเม่ยหันกลับมองพวกเขาทีหนึ่ง เอ่ยเสียงนิ่งว่า “พรุ่งนี้เช้า ข้าจะมอบคำตอบให้พวกเจ้า พวกเจ้าสามารถเลือกจะเฝ้าประตูอยู่ที่นี่จนถึงพรุ่งนี้เช้า หรือเลือกมาตอนเช้าก็ได้”
สิ้นเสียงเยี่ยเม่ยก็ไม่หันกลับมาอีก ซือหม่าหรุ่ยปิดประตูลง
พวกเจ้าเมืองหลินมองผงพิษที่สาดอยู่หน้าประตู ไม่กล้าบุกทะลวงเข้าไป ได้แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอก
……
ภายในห้อง
เยี่ยเม่ยถามซือหม่าหรุ่ย “อาการของจิ่วหุนเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ดีเลย ใช้พลังปราณไปหมดสิ้น” ซือหม่าหรุ่ยเสริมต่อว่า “ภายหลังเขาถูกพิษอีก ข้าช่วยถอนพิษแล้ว พิษนี้ไม่ได้หลอมรวมกับพิษเดิมในร่างเขา ถือว่าเป็นโชคดีในคราวเคราะห์ ทว่าเขาสูญสิ้นพลังปราณ จำเป็นต้องใช้สมุนไพรหายากหลายชนิด ภายในสิบวันหากหาไม่ได้ เกรงว่าจะช่วยชีวิตเขาไม่ได้แล้ว”
“ใช้สมุนไพรอะไรบ้าง” เยี่ยเม่ยถามทันที
ซือหม่าหรุ่ยตอบ “ความจริงก็ไม่ยาก ที่ขาดก็มีแค่กระดิ่งลมสายรุ้ง ดอกสามรส และต้นกุหลาบราตรีร้อยใบ ของพวกนี้ล้วนเป็นสมุนไพรล้ำค่า ต่อให้เป็นข้าก็ยังไม่มีเลย”
“หมู่ตึกกูเยว่มี” ซินเยว่เยี่ยนตอบทันที
ไม่ช้า สายตาของเยี่ยเม่ยและซือหม่าหรุ่ยก็มองไปที่นาง
ซินเยว่เยี่ยนเห็นว่าตัวเองกลายเป็นจุดศูนย์กลางภายในเสี้ยววินาที ก็กระแอมไอตอบไปอย่างว่องไวว่า “สมุนไพรสามชนิดนี้มีที่หมู่ตึกกูเยว่ ข้าเคยได้ยินอู๋เหินพูดถึง”
“มั่นใจหรือไม่” เยี่ยเม่ยเน้นย้ำ
ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้า “มั่นใจ ถึงฐานะของข้าในหมู่ตึกจะไม่ต่ำต้อย แต่ของเหล่านี้ข้าเองก็จัดการไม่ได้ เป็นของที่อู๋เหินได้มาอย่างยากลำบาก ดังนั้นเกรงว่าต่อให้ข้าไปด้วยตัวเอง ก็ไม่แน่ว่าจะนำกลับมาได้”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยไป ก็มองเยี่ยเม่ยอย่างระวัง
ซือหม่าหรุ่ยเข้าใจความคิดของซินเยว่เยี่ยน…
แต่ว่าสมุนไพรทั้งสามก็เป็นของล้ำค่าจริงๆ ยามปกติต่อให้ไปขอร้องด้วยตัวเอง แค่เพียงชนิดเดียวก็ยังไม่แน่ว่าจะได้ นับประสาอะไรกับสามชนิดเล่า
“ข้าเข้าใจแล้ว”
อย่างนั้นต้องจัดการปัญหาในตอนนี้ให้จบก่อน แล้วนางต้องเดินทางไปหมู่ตึกกูเยว่ด้วยตัวเองสักเที่ยวหนึ่ง
เยี่ยเม่ยถามว่า “ยังมีที่อื่นอีกไหม”
หมู่ตึกกูเยว่สามารถนำมาเป็นตัวเลือกได้ แต่ว่าผู้อื่นจะมอบของให้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นควรเตรียมแผนสำรองเอาไว้
“ตอนนี้ยังไม่มี” ซือหม่าหรุ่ยตอบ “สมุนไพรทั้งสามชนิดนี้แค่อย่างเดียวก็หายากมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามชนิดเลย หมู่ตึกกูเยว่ในยามนี้ถือเป็นเพียงความหวังเดียว อย่างไรเสียพวกเราก็มีเวลาแค่สิบวันเท่านั้น”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า สูดลมหายใจลึก “อย่างนั้นเจ้ารักษาอาการของจิ่วหุนให้ทรงตัวเสียก่อน”
“ได้” ซือหม่าหรุ่ยรับคำ
ไม่ช้า เยี่ยเม่ยก็มองเซียวเยว่ชิง “แม่ทัพเซียว ข้าขอถามท่านเรื่องฐานะของจิ่วหุน ท่านรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เซียวเยว่ชิงตอบทันที “เจ้าเมืองหลินเป็นคนบอกข้า ตอนค่ำจู่ๆ เขามาถึงตามตัวข้าและแม่ทัพหลายคนไปที่ห้อง เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเรา…”
“เขาไม่ได้เอาหลักฐานออกมาพิสูจน์ฐานะของจิ่วหุนใช่หรือไม่” เยี่ยเม่ยถามออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียวเยว่ชิงรีบตอบว่า “ไม่มี เพียงแค่วิเคราะห์ให้พวกเราฟังเท่านั้น จากฝีมือของจิ่วหุน อย่างไรก็ตามคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมเท่านี้ ทั้งอายุยังเยาว์ มีไม่กี่คนเท่านั้น อีกอย่างนิสัยของ จิ่วหุน ท่านก็รู้ว่าต่างจากคนทั่วไปจริงๆ ทั้งวิธีสังหารคนของเขาหมดจดมาก ดังนั้น…”
“พวกท่านถามเจ้าเมืองหลินหรือไม่ว่าเขารู้ได้อย่างไร” เยี่ยเม่ยซักต่อ
แม่ทัพเซียวชะงักไป “เรื่องนี้ไม่มีคนถาม พวกเราในยามนั้นต่างก็ตกใจ ไม่ทันได้คิดเรื่องพวกนี้ให้ละเอียด”
ดังนั้นผู้บงการคงบอกเจ้าเมืองหลินแล้ว จากนั้นให้เจ้าเมืองหลินเป็นคนควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ยามนี้เจ้าเมืองหลินวางตัวเป็นศัตรูกับพวกนาง หวังให้เจ้าเมืองหลินเอ่ยความจริงเกรงว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้
เยี่ยเม่ยหายใจเข้าลึก เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับไปก่อนเถอะ”
“ขอรับ”
เซียวเยว่ชิงจากไปทันที
รอจนเขาจากไป ซือหม่าหรุ่ยมองเยี่ยเม่ย “ยามนี้สถานการณ์ซับซ้อนมาก พวกเราต้องรอให้ถึงฟ้าสางก่อน ค่อยหาทางรับมือ”
เยี่ยเม่ยบอกต่อหน้าทุกคนไปแล้วว่าจะให้คำตอบ
อีกอย่างเมื่อมองไปจากหน้าต่าง ก็เห็นว่าเจ้าเมืองหลินและเหล่าทหารไม่ได้จากไปไหน เตรียมเฝ้าจนถึงเช้า คาดว่ากลัวเยี่ยเม่ยพาจิ่วหุนหนี
“ข้ากับจงรั่วปิงจะไปเฝ้าด้านนอก กันไม่ให้พวกเขาบุกเข้ามา” ซินเยว่เยี่ยนเสนอ
เยี่ยเม่ยพยักหน้า “ได้”
เยี่ยเม่ยนั่งลงที่โต๊ะ ใช้มือนวดหว่างคิ้วเบาๆ
……
“ท่านอ๋อง พวกเราแพ้แล้ว” ชิงเกอรายงานอยู่ข้างกายเป่ยเฉินอี้ “คิดไม่ถึงว่าจิ่วหุนยังใช้อสุราภูตผีร่ำไห้ได้อีก คนแปดเก้าร้อยคนตายในกระบวนท่าเดียวของเขา จากนั้นพวกเราก็ไม่อาจรั้งเยี่ยเม่ยไว้ได้ เดิมคิดจะสังหารซินเยว่เยี่ยนที่รั้งท้าย แต่จงรั่วปิงกับเยี่ยเม่ยมาช่วยไว้ได้ทัน”
“อืม”
เป่ยเฉินอี้รับคำ จากสายตาของเขาทุกอย่างที่เกิดขึ้นหาได้เกินที่เขาคาดเดา ชายหนุ่มกดเสียงต่ำลง “นับตั้งแต่ตอนยอมให้นางครั้งที่สอง ข้าก็คิดถึงผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว”
“ท่านอ๋อง เยี่ยเม่ยช่วยจิ่วหุนกลับไป นางจะไม่คิดบัญชีกับท่านหรือ” ชิงเกอถาม
เป่ยเฉินอี้ยกมุมปากเบาๆ เอ่ยเสียงขรึมว่า “คืนนี้นางยังมีเรื่องให้กังวล”
ชิงเกอนิ่งไป คิดถึงพวกเจ้าเมืองหลินก็เข้าใจทันที…
……
รุ่งสาง
หลังจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนตื่น อวี้เหว่ยก็รายงานเรื่องทั้งหมดกับเขา
องค์ชายสี่นิ่งเงียบอยู่สักพัก จากนั้นก็เอ่ยเนิบๆ ว่า “เยี่ยนผิดหวังกับเป่ยเฉินอี้ยิ่งนัก”
อวี้เหว่ย “ผิดหวังที่เขาวางแผนเอาชีวิตจิ่วหุน?”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนส่ายหน้า เอ่ยเสียง.. “ไม่ ผิดหวังที่เขาลงมือไม่สำเร็จ”
อวี้เหว่ย “…”
องค์ชายสี่ผู้ผิดหวังจัดชุดของตนเองด้วยท่าทางสง่างาม น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยอย่างแช่มช้า “ไปกันเถอะ ไปดูเยี่ยเม่ยหน่อย นางน่าจะกำลังปวดหัว”