เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 242 ปฏิเสธการลงจากรถม้าของเป่ยเฉินอี้!
เซียวเยว่ชิงก็พยักหน้าอย่างจริงจัง อีกทั้งเขายังค้นพบเรื่องน่าอัศจรรย์เรื่องหนึ่ง เมื่อก่อนพวกเขาไม่เชื่อใจเยี่ยเม่ยเลย ต่อมาก็ค่อยๆ เคารพนาง จนกระทั่งตอนนี้ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้ที่นาง
โลกใบนี้ช่างแปลกพิสดารจนน่ากลัวยิ่งนัก
……
เยี่ยเม่ยติดตามเป่ยเฉินอี้ นั่งรถม้าเป็นเวลาสามวัน
เสี่ยวกวนถึงหาตัวเยี่ยเม่ยพบ เขามุ่งหน้าตามนางที่หมู่ตึกกูเยว่ จะรู้ได้ที่ไหนว่าเยี่ยเม่ยถูกเป่ยเฉินอี้พาตัวไปยังที่ตั้งเก่าของราชสำนักจงเจิ้ง ถึงได้ไม่พบเบาะแสนางเลย
ไม่ง่ายเลยกว่าจะหารถม้าของเป่ยเฉินอี้พบ เขาพุ่งไปขวางหน้ารถม้า “แม่นางเยี่ยเม่ยอยู่ด้านในหรือไม่”
อย่าได้อยู่ข้างในเด็ดขาด
อย่าบอกเขาเชียวว่า เยี่ยเม่ยถูกเป่ยเฉินอี้ฆ่าไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ความหวังของบรรพชนสามรุ่นของตระกูลคงถึงกาลอวสาน…
ชิงเกอมองพวกเขาที่พากันมาตั้งมากมาย พลันหยุดรถม้าลง เลิกม่านรถม้าบอกกับเป่ยเฉินอี้ “ท่านอ๋อง คนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน! มาตามหาแม่นางเยี่ยเม่ย”
สายตา เป่ยเฉินอี้มองเยี่ยเม่ยอย่างใจกว้าง แววตาลุ่มลึกแสดงออกว่าทุกอย่างแล้วแต่เยี่ยเม่ยตัดสินใจ
เยี่ยเม่ยเงยหน้ามองชิงเกอ “ให้พวกเขาตามไปก็แล้วกัน!”
นางไม่มีอารมณ์ลงจากรถม้าจากนั้นเดินเท้าหรือขี่ม้าไปกับคนทั้งหมด ยังมีเวลาอีกหนึ่งวันก็ถึงชายแดนแล้ว นั่งรถม้าคลุมผ้าขนเตียวไม่สบายกว่าหรืออย่างไร
ทำไมถึงต้องออกไปทนรับลมหนาว เดิมทีก็ไปทางเดียวกันอยู่แล้ว อีกอย่างเป่ยเฉินอี้ชิงตัวนางมา ให้นางนั่งรถม้าก็เป็นค่าตอบแทนที่เขาสมควรจ่าย
ชิงเกอพยักหน้า ในใจรู้สึกว่าเยี่ยเม่ยพิเศษจนถึงขั้นแปลกพิสดาร
ในสถานการณ์ปกติคนถูกลักพาตัวไป เมื่อคนของตัวเองมาตามหา ก็สมควรจากไปทันทีมิใช่หรือ กลับกันนางคลุมผ้าขนเตียวของเตี้ยนเซี่ย ปล่อยให้เตี้ยนเซี่ยรับไอเย็น ไม่มีจิตสำนึกว่าตนเองอยู่ในรังของศัตรูเลยสักน้อย ชิงเกอเพียงรู้สึกว่าเขานับถือนางยิ่งนัก!
ช่างน่านับถือจากใจ!
เขาหันมองพวกเสี่ยวกวนทีหนึ่ง เอ่ยว่า “คำพูดของแม่นางเยี่ยเม่ยพวกเจ้าก็ได้ยินแล้ว นางให้พวกเจ้าติดตามพวกเราไปก็พอ!”
สถานที่แห่งนี้เงียบมาก คำพูดของเยี่ยเม่ย เสี่ยวกวนย่อมได้ยิน
“อ้อ! ได้!” ถึงเสี่ยวกวนไม่พอใจกับคำตอบมาก แต่ว่าก็ยังรับคำ เขาโบกมือทีหนึ่ง คนทั้งหมดก็ติดตามอยู่ด้านหลังรถม้า
รถม้าเดินทางต่อ
ทว่าเสี่ยวกวนเริ่มร้อนรนแล้ว เพราะอะไรแม่นางเยี่ยเม่ยถึงไม่ยอมเดินทางลำพังไปกับเขา ซ้ำยังนั่งรถม้าของอี้อ๋องต่อไปอีกด้วย หรือว่าแม่นางเยี่ยเม่ยคิดอะไรกับอี้อ๋อง
หรือว่าแม่นางเยี่ยเม่ยไม่พอใจที่เขามาช้าเกินไป ดังนั้นจึงไม่อยากร่วมทางไปกับเขาถึงขั้นคร้านจะแยกทางกับอี้อ๋อง
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ล้วนมีความหมายว่า เขาคงแย่แล้ว! ไม่ว่าจะเป็นแบบใด เตี้ยนเซี่ยย่อมไม่ปล่อยเขาแน่ คิดแล้วในใจเสี่ยวกวนแทบระเบิด การมีชีวิตช่างลำบากเหลือเกิน…
……
ตกดึก
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ทำเช่นนี้แล้วยังสังหารจิ่วหุนไม่ได้อีก” ซือถูเฟิงมองคนเบื้องด้วยหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ
คนชุดดำในยามนี้สีหน้าโศกสลด เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับซือถูเฟิง
เมื่อเอ่ยจบแล้ว ก็สรุปว่า “จากสถานการณ์ยามนี้ มีคนคอยช่วยเหลือเยี่ยเม่ยมากเกินไปแล้ว! เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ซือหม่าหรุ่ย ซินเยว่เยี่ยน จงรั่วปิง แม้กระทั่งราชาดาบกับเทพกระบี่ก็เข้าร่วมด้วย! ดังนั้นพวกเราคิดสังหารจิ่วหุน ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คนชุดดำก็เสริมขึ้นต่อว่า “เดิมทีคนในเมืองช่วยเหลือพวกเรา แต่ใครจะรู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแบกรับเรื่องทั้งหมดไว้ด้วยตัวเอง บอกว่าเขาเป็นคนสังหารเรื่องของแม่ทัพซ่างกวนและอดีตเสนาบดี แม่ทัพทั้งหลายจึงไม่กล้าขอให้ส่งตัวจิ่วหุนออกมาอีก ดังนั้น…”
“ดังนั้น ไม่ว่าจะนอกหรือใน เรื่องนี้ล้วนทำไม่สำเร็จ!” ซือถูเฟิงสูดลมหายใจลึก โมโหจนหน้าเขียว “อี้อ๋องเล่า”
จากความสามารถของอี้อ๋อง ต่อให้สถานการณ์ดำเนินมาถึงขึ้นนี้ เขาคิดจะกำจัดเยี่ยเม่ยหรือจิ่วหุน ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ขอเพียงเขาฉวยโอกาสลงมือยามชุลมุน ทุกอย่างก็จะต่างออกไป
พูดถึงเป่ยเฉินอี้ คนชุดดำก็ไม่เข้าใจ “หลังจากจิ่วหุนหมดสติไป อี้อ๋องไม่ทำการใดๆ เพื่อลอบสังหารจิ่วหุนทั้งนั้น ครั้งนี้ถึงเขาจะพาตัวเยี่ยเม่ยไประหว่างทาง ทว่าก็ไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือพวกเราชิงสมุนไพร การกระทำของอี้อ๋องไม่ชัดเจนเอาเสียเลย!”
พูดถึงเรื่องนี้ คนชุดดำรู้สึกอื้ออึง
เดิมทีพวกเขาร่วมมือกับอี้อ๋อง นั่นก็เพื่อกำจัดจิ่วหุนและเยี่ยเม่ยไม่ใช่หรือ ไฉนเวลาที่ลงมือได้ง่ายดายที่สุด อี้อ๋องกลับไร้การเคลื่อนไหว
ทว่า…
สีหน้าซือถูเฟิงไม่น่ามอง กัดฟันเอ่ยว่า “ก็ถูก! เป่ยเฉินอี้ไม่ใช่คนที่จะหลอกพวกเรา เขายินยอมวางแผนให้พวกเราก็เป็นเรื่องดีอย่างยิ่งแล้วไม่เช่นนั้นอย่าว่าแต่สังหารจิ่วหุนเลย แม้แต่ขนสักเส้นเดียวของจิ่วหุนพวกเรายังยากถอนได้!”
เรื่องนี้คนชุดดำเห็นด้วย หากไม่ใช่เพราะแผนการของอี้อ๋อง พวกเขาก็ยากจะมีโอกาสวางยาจิ่วหุน ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพนี้ได้”
“เช่นนั้นคุณชาย พวกเราจะเอาอย่างไรต่อดี” คนชุดดำถามขึ้นอีกครั้ง ระหว่างเอ่ยเขามองออกไปด้านนอกคราหนึ่ง ข้างนอกคือเหมืองถ่าน ถูกเนรเทศเพื่อใช้แรงงาน
ดีที่มีฐานะของนายท่านคุ้มไว้ มือปราบทางนี้จึงไม่กล้าให้คุณชายทำงานจริงๆ แต่คุณชายก็ไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้ นี่ยังมีอะไรแตกต่างกับหงส์ถูกขังไว้ในบ่ออีก
เมื่อเขาถามออกมา สีหน้าซือถูเฟิงยิ่งไม่น่าชมเข้าไปใหญ่ “เคราะห์ดีที่ท่านพ่อคาดเดาได้ว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่มีทางรามือ แอบส่งคนคอยอารักขาข้าลับๆ ไม่เช่นนั้นข้าคงจบชีวิตใต้เงื้อมมือคนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแล้ว บัญชีนี้ข้าต้องคิดกับพวกเขาแน่!”
เอ่ยถึงบัดนี้ ซือถูเฟิงจ้องคนชุดดำ สั่งการว่า “เจ้าไปจับตาที่ชายแดนต่อ ขอเพียงมีโอกาส รีบรายงานข้าทันที! ต่อให้เป็นพยัคฆ์ร้ายก็ย่อมมีเวลาที่ผ่อนคลายบ้าง ข้าไม่เชื่อว่าจะกำจัดเยี่ยเม่ยไม่ได้!”
“ขอรับ!” คนชุดดำรับคำสั่งทันที
จากนั้น คล้ายกับว่าเขามีข้อสงสัยเล็กน้อย มองซือถูเฟิง “แต่ว่า คุณชาย! นายท่านกลับไม่ต้องการให้พวกเราเป็นศัตรูกับพวกเขาต่อไปอีก! นายท่านบอกแล้วว่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนผู้นี้อันตรายมาก เป็นศัตรูกับเขาไม่มีทางพบจุดจบที่ดี โดยเฉพาะสภาพลำบากของท่าน ในยามนี้ยิ่งไม่อาจก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว ไม่สู้พวกเรา…พอแค่นี้เถอะ!”
ในทางกลับกันพวกเขาลงแรงอย่างเต็มที่แล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายอย่าว่าแต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลย แม้กระทั่งขนสักเส้นของเยี่ยเม่ยก็ยังไม่หลุด เขาคิดว่าทำเช่นนี้ต่อไป คงไม่มีผลลัพธ์ที่ดีแน่
“หากถอนตัวทันเวลาไม่แน่อาจจะไม่ถูกพบได้!” คนชุดดำเอ่ย จากนั้นก็มองซือถูเฟิงอย่างระวัง
ซือถูเฟิงมองเขาด้วยแววตาเย็นชา “ทำไม เจ้ากลัวแล้ว”
“ไม่ใช่ข้าน้อยกลัว