เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 246 เป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ถูกภรรยาทำให้โมโหจนคลั่ง
“ไม่!” เยี่ยเม่ยส่ายหน้ารัวๆ
ในเวลานี้ นางร้อนรนเพราะสติปัญญาของตัวเองแล้ว กุมขมับเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ความหมายของข้าคือต่อให้นับรวมกูเยว่อู๋เหินเข้าไปแล้ว ก็มีเพียงแค่สองคนเท่านั้น ไม่ไม่ไม่…”
แม่เจ้าเถอะ!
ไฉนพูดไปพูดมา ยังเป็นเช่นนี้อีกเล่า
ในขณะที่บรรยากาศรอบด้านเริ่มตึงเครียด เยี่ยเม่ยตระหนักถึงอะไรบางอย่าง จับจุดสำคัญของปัญหาได้ เอ่ยปากว่า “จริงด้วย! ที่ข้าอยากบอกก็คือ ข้าบอกว่ามีเพียงสองคนก็เพื่อบอกว่าท่านนับเลขผิดพลาด อยากบอกท่านว่าหนึ่งบวกหนึ่งได้สอง ไม่เท่ากับสาม ไม่เท่ากับสี่ ข้าเพียงแค่ต้องการเน้นย้ำปัญหาในการคิดเลข ไม่มีความหมายอื่นจริงๆ ท่านอย่าคิดมากไป!”
คำพูดของนางนับว่าพูดออกไปชัดเจน ชี้ออกไปอย่างชัดเจนว่า นางเพียงเน้นย้ำว่าเขาคิดเลขผิดเท่านั้น
ทว่าเมื่อองค์ชายสี่ได้ฟัง ไม่เพียงแต่ไม่ดีใจเลยสักน้อย ซ้ำยังรู้สึกว่าตนในเวลานี้ยิ่งโมโหแล้ว
ดีมาก เขากำลังพูดเรื่องความรู้สึกกับนาง นางกลับลากเขาไปคุยเรื่องคณิตศาสตร์!
มีเสี้ยวเวลาหนึ่งที่เขาสงสัยจริงๆว่า คนในอ้อมกอดไม่ใช่สตรี แต่เป็นบุรุษที่แข็งกระด้างเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้าเสียอีก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเงียบไปชั่วครู่ สูดลมหายใจลึก บังคับให้ตนเองสงบลง เขาปลอบใจตัวเอง ต่อให้เป็นคู่หมั้นที่เถรตรงกว่านี้ ก็เป็นคนที่เขาหามาเอง ก็สมควรแล้ว! ห้ามโมโห!
เขาฝืนตัวเองสงบลงอยู่สักพัก เมื่อครู่เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้น้ำเสียงของตัวเองฟังแล้วสงบลง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเยี่ยเม่ย ค่อยๆ กล่าวว่า “ดังนั้นเมื่อฮูหยินแยกแยะเรื่องปัญหาในการคิดเลขจบแล้ว พวกเราก็ควรถกปัญหาจริงๆ กันเสียทีแล้วใช่ไหม เพราะอะไรเจ้าถึงรับขลุ่ยหยกโลหิตของกูเยว่อู๋เหิน”
เยี่ยเม่ยก็สงบใจลง นางรู้อยู่ในใจ ปัญหาการคิดเลขในเวลานี้ ไม่นับว่าเป็นเรื่องสลักสำคัญ
เมื่อฟังคำถามจากปากเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สีหน้านางแข็งทื่อไปหลายวินาที ปรายตามองเขา เอ่ยปากว่า “เรื่องนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ เดิมทีข้าไม่รู้ว่าของสิ่งนี้เป็นของหมั้นหมาย ตอนที่ข้ากำลังจะจากมา กูเยว่อู๋เหินมอบมันให้ข้าบอกว่าเป็นที่ระลึก ข้าก็ไม่คิดมาก ดังนั้นจึงรับไว้แล้ว!”
เมื่อนางเอ่ยออกมา เขาฟังด้วยความสนใจ
นัยน์ตาร้ายของเขาขรึมลงมองสตรีเบื้องหน้า น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ กล่าวว่า “อย่างนั้นฮูหยินหมายความว่า แรกเริ่มเจ้าไม่รู้ว่าคือของหมั้น หลังจากรับไว้แล้วค่อยรู้ ซ้ำยังเก็บเอาไว้ ผิดแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยหรือ”
“เอ่อ…” เยี่ยเม่ยมุมปากกระตุก เงยหน้ามองเขา เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ท่านคิดอะไรกัน อะไรคือผิดแล้วก็ปล่อยเลยตามเลย ตอนข้าเดินทางกลับมาค่อยรับรู้ว่าเป็นของหมั้นหมาย แต่พอคิดว่ายามนั้นกูเยว่อู๋เหินบอกว่าเป็นของที่ระลึกเท่านั้น ไม่ได้พูดอย่างอื่นเลยสักนิด หากข้ายึดถือว่าเป็นของหมั้นโดยพลการ เอาของกลับไปคืนผู้อื่น ไม่เท่ากับว่าข้าคิดเองเออเองหรอกหรือ”
เมื่อเอ่ยจบ เยี่ยเม่ยก็อธิบายต่อ “อีกอย่าง ความตื้นลึกหนาบางของวรยุทธ์กูเยว่อู๋เหินข้าก็ไม่รู้ชัด หากเขาเปลี่ยนจากรักเป็นความแค้น ต่อสู้กับข้า ถึงข้ามั่นใจในตัวเองมากว่าจะไม่เกิดเรื่อง แต่หากเพลี่ยงพล้ำแล้วจะทำอย่างไร”
นางวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล
ทว่ากลับทำให้เส้นเอ็นบนขมับเขาเต้นตุบตับไม่หยุด ดีมาก ตรรกะชัดเจน พูดเป็นเหตุเป็นผล ไม่มีปัญหาด้านความคิดเลยสักน้อย
ทำให้โทสะที่สุมอยู่เต็มอกเขาไม่รู้จะไประบายที่ไหนดี
ระหว่างที่เขาอารมณ์คุกรุ่น นางยังเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง ทำเอาความไม่พอใจทั้งหลายจุกอยู่ที่คอ “อีกอย่างหนึ่ง หากข้าเอาของกลับไปคืน ถูกกูเยว่อู๋เหินทำร้าย นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการพบเห็นหรอกหรือ”
ยามนี้เขาหลับตาลง สูดลมหายใจลึก
ดีมาก
ตอนนี้เริ่มเอาความปลอดภัยของนางมาต่อรองกับเขาแล้ว ดังนั้นหากเขายังยืนกรานว่าหลังจากนางรู้ความจริงแล้วสมควรเอาของกลับไปคืนกูเยว่อู๋เหิน นั่นก็เท่ากับเขาไม่เพียงไม่มีเหตุผล ซ้ำยังไม่ใส่ใจความปลอดภัยของนางด้วย
เป็นแบบนี้ใช่หรือไม่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเงียบไป ในที่สุดก็เหลือบมองเยี่ยเม่ย ถามว่า “ดังนั้นความหมายของเจ้าคือ เจ้าคิดว่าการกระทำของตนเองไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งนั้นอย่างนั้นหรือ”
ขณะเอ่ยคำพูดนี้ เขาต้องสะกดเพลิงโทสะกองโตและความอิจฉาไว้
เขาไม่เข้าใจจริงๆ สตรีที่มีตรรกะเหตุผลเข้มแข็งขนาดไหน ถึงได้เอาเรื่องที่ตอบไม่ได้เช่นนี้ อธิบายได้ว่าไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
“คือ…” เยี่ยเม่ยนิ่งเงียบไปหลายวินาที เอ่ยจากใจตามความสัตย์จริง “หากบอกว่าไม่มีปัญหาเลยสักนิด ก็ออกจะเกินไปหน่อย ความจริงข้ายอมรับว่าตัวเองก็มีปัญหานิดหน่อย นั่นก็คือต่อให้มีเหตุผลเหมาะสมมากแค่ไหน แต่ข้ารับขลุ่ยหยกโลหิตของกูเยว่อู๋เหินไว้ ทั้งไม่คืนกลับไป ก็คือปัญหาของข้าเอง”
ถูกแล้ว ไม่ว่าเหตุผลจะเหมาะสมมากมายแค่ไหน เรื่องราวจะเกิดอย่างกะทันหันและยังเหนือความคาดหมายขนาดนี้ แต่สุดท้ายเรื่องราวย่อมมีบทสรุป ความจริงที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือนางรับของที่ไม่สมควรรับเอาไว้
ในฐานะหญิงแกร่ง ถึงเยี่ยเม่ยจะมีแนวคิดแบบผู้ชายไปบ้าง แต่เป็นคนก็ต้องมีหลักการ
นางเงียบไปสักครู่ เอ่ยอย่างกล้าทำกล้ารับว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เป็นปัญหาจากข้า ข้ายินยอมรับผลทุกอย่าง”
นางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง เขายิ่งโมโห
อวี้เหว่ยและเสี่ยวกวนที่แอบฟังอยู่นานสองนาน ฟังแล้วก็ปวดใจเหลือเกิน สายตาที่มองเยี่ยเม่ยเต็มไปด้วยความนับถือ สตรีนางนี้…
นางทำได้อย่างไรกันแน่
ในเวลาที่เตี้ยนเซี่ยหึงจนแทบจะบินได้แล้ว นางสามารถยืนวิเคราะห์เหตุผลเป็นข้อๆ โดยหน้าไม่เปลี่ยนสีอยู่ที่นี่ ซ้ำสุดท้ายยังไม่มีการแสดงออกว่าเสียเปรียบเลยสักน้อย ยินยอมรับผลที่ตามมาด้วยตัวเอง
สวรรค์!
สตรีประเภทนี้…พวกเขารู้สึกจากใจว่า สิ่งที่นางเสียเปรียบก็คือเตี้ยนเซี่ยถูกใจนาง หากนางตกอยู่ในมือของผู้อื่น เกรงว่าบุรุษอื่นวันหนึ่งจะโมโหจนตายไปแปดร้อยรอบแล้ว นางวิเคราะห์เป็นแต่ตรรกะและเหตุผล แต่ไม่วิเคราะห์ความรู้สึกเลยหรือไง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งไปสักพัก มองท่าทางไม่ยี่หระต่อความตาย กล้าทำกล้ารับของนาง กลับหัวเราะออกมาเพราะความโมโหถึงขีดสุด เอ่ยว่าดี! ติดต่อกันหลายครั้ง
เยี่ยเม่ยรู้ดีว่าเขาจวนถูกนางยั่วโมโหจนคลั่งแล้ว
แต่นางไม่เข้าใจจริงๆ เรื่องที่ควรอธิบายก็อธิบายไปหมดแล้ว ทั้งนางยังยินยอมแบกความรับผิดชอบ ทำไมเขายังโมโหอีกเล่า
บุรุษช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนนักเชียว เยี่ยเม่ยแอบคิดอยู่เงียบๆ
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยคำว่าดีออกไปสามครั้งก็มองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงน่าฟังถามว่า “ความหมายของฮูหยินคือ ไม่ว่าผลลัพธ์ใดๆ เจ้าก็ล้วนยินยอมรับใช่หรือไม่”
“อืม!” เยี่ยเม่ยตอบรับตามตรง
“อย่างนั้นก็ดี” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่พูดมาก ควบม้าทะยานมุ่งกลับชายแดน
ม้าทะยานออกไปด้วยความว่องไว ในจังหวะนั้นเยี่ยเม่ยไม่ทันนั่งให้มั่น เคราะห์ดีที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา สองแขนยาวของเขาโอบนางไว้สองด้าน นางถึงไม่ร่วงตกลงไป
นางหันกลับไปมองเขาอย่างกลัดกลุ้ม ถามว่า “ท่านจะคิดบัญชีกับข้าอย่างไร”