เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 250 พี่ชาย ข้ามีประจำเดือนแล้ว!
มาถึงขั้นนี้แล้วเยี่ยเม่ยเดาออกแน่นอน
หากยังเดาไม่ออกอีก สมองนางคงถูกหมูกินไปหมดแล้ว…
ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาอยู่เบื้องหน้า ส่วนเยี่ยเม่ยที่สมองกระตุกอีกครั้งมองท้องฟ้าด้านนอก สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิรอบกาย นางถามออกด้วยประโยคที่ยิ่งแสดงออกว่าเป็นสาวแกร่งเข้าไปใหญ่ “คือว่า…ท่านไม่หนาวหรือ”
นางเอ่ยออกมา เขากลับคลี่ยิ้ม
เขายกมือขึ้นตวัดทีหนึ่ง ใช้ผ้านวมคลุมร่างของพวกเขาเอาไว้ สองมือเริ่มดึงอาภรณ์ของเยี่ยเม่ย น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ฮูหยินวางใจเถอะ ต่อให้เจ้าถอดเสื้อผ้าแล้ว ก็ไม่หนาวเหมือนกัน! อย่าว่าแต่มีผ้านวมเลย ต่อให้ไม่มีเยี่ยนก็จะทำให้เจ้าอบอุ่นขึ้นมาในไม่ช้า!”
เยี่ยเม่ย “…”
นางด่าเขาเป็นเจ้าตัวลามกสักคำได้หรือไม่นะ?!
ขณะที่นางกำลังเตรียมจะอ้าปากด่า เขาก็ก้มหน้าลงมาครอบครองริมฝีปากนางเอาไว้ ค่อยๆ ลิ้มรสน้ำหวานภายในปากนาง ยามนี้เยี่ยเม่ยตัวสั่น สมองเริ่มเบลอ…
ไม่ทันรู้เรื่องรู้ราว
เสื้อก็กองอยู่บนพื้นแล้ว สุดท้ายเขาก็กอบกุมเนินอกของนางไว้
เยี่ยเม่ยหน้าแดงแล้วซีดขาว หน้าซีดขาวแล้วกลับมาแดงอีกครั้ง ความรู้สึกไม่คุ้นเคยเกิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ทำเอานางสั่นไหว
เวลานี้น้ำเสียงน่าฟังของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแฝงไปด้วยความเย้ายวนเกินบรรยาย ค่อยๆ เอ่ยว่า “ครั้งแรกที่ได้พบกัน ฮูหยินเคยบอกให้เยี่ยนถอดกางเกงออกก่อน วันนี้เยี่ยนจะทำตามความปรารถนาของฮูหยิน รับรองว่าไม่มีทางทำให้ฮูหยินผิดหวังอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่อธิบายเขาชิงดึงกางเกงนางออก
เยี่ยเม่ยพลันได้สติกลับมา ยื้อกางเกงของตัวเองเอาไว้แน่น ตำหนิเสียงเย็นว่า “พอแล้ว พอแล้ว! เลิกก่อเรื่องได้แล้ว! ข้า…”
ครั้นนางเอ่ยเช่นนี้ แววตาเขาสาดความเย็นเยียบออกมา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนใช้ปากปิดปากนาง ทำเอาเยี่ยเม่ยชะงักนิ่ง อ่อนยวบไปทั้งตัว เสียงชั่วร้ายของเขาเอ่ยว่า “พอแล้วหรือ สามียังรู้สึกว่าห่างไกลจากคำว่าพอยิ่งนัก ฮูหยินบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะยอมรับผลทั้งหมด”
สิ้นเสียง เขาออกแรงกระชาก
เยี่ยเม่ยที่ดึงสายรัดกางเกงพลันมุมปากกระตุก สีหน้าไร้อารมณ์ หันไปกุมหน้าอย่างจนคำพูด “นี่พี่ชาย ข้า…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งเงียบ
มือรับรู้ได้ถึงของเหลวอุ่นๆ บางอย่าง เมื่อเขาเอามือออกมาดู ใบหน้ายังคงสง่างามเหมือนเคย ถามด้วยเสียงอ่อนว่า “เจ้าบาดเจ็บหรือ”
น้ำเสียงกลับแฝงความร้อนรน จ้องมองใบหน้าที่นางกุมไว้
ในใจปรากฏลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง
เยี่ยเม่ยมุมปากระตุกอีกครั้ง ในที่สุดก็ส่งเสียงเจ็บปวดเล็ดรอดออกมาจากง่ามนิ้วมือที่กุมหน้าอยู่ “ไม่…ไม่ใช่! ท่านป้าข้ามาแล้ว[1] นั่นหมายถึงประจำเดือน”
นางพูดไป พลางคิดดึงกางเกงตนขึ้นมา จากนั้นเขาฉีกทึ้งมันซะดื้อๆ
ไม่ได้ถอดออกสักหน่อย….
นางมองผ่านง่ามนิ้ว ในเวลานี้เห็นเขาแข็งทื่อไป ทั้งยังรอยเลือดบนมือเขา พลันรู้ว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่รุนแรงเสียเหลือเกิน
ต่อให้เป็นเยี่ยเม่ยที่เย่อหยิ่งเย็นชา มั่นใจว่าตนมีเสน่ห์เกินใครเปรียบได้ ในเวลานี้นางยังแทบจะขุดหลุมฝังตัวเองเลยด้วยซ้ำ
นางถูกจูบเสียจนล่องลอยไม่ได้สติ ยามที่เขาถอดกางเกงนางนั้น นางเพิ่งคิดได้ว่ามีประจำเดือนแล้ว
ใครจะคิดว่าที่นางดึงกางเกงขึ้นมาเพื่อจะหารือกับเขาดีๆ เสียก่อน จะได้บอกสถานการณ์ให้เขารู้ ผลคือเขากลับฉีกมันทิ้งเสียดื้อๆ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่ในอารามตกตะลึงงัน
ดวงตาร้ายกาจของเขากวาดมองนิ้วมือที่เปื้อนเลือดของตน ในเวลาชั่ววูบนั้น รู้สึกว่าสมองแทบระเบิดแตกออกมาแล้ว
เสียงอื้ออึงดังในสมอง ทำให้เขาคิดอยากบีบคอสตรีเบื้องหน้าให้ตายไปเสีย ที่นางกล้าเหิมเกริม บอกว่าตนเองจะแบกรับผลทั้งหมดเอาไว้ ก็เป็นเพราะ…นางมีประจำเดือน รู้ว่าเขาทำอะไรนางไม่ได้ใช่หรือไม่
เยี่ยเม่ยมองสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปจนคาดเดาไม่ออกของเขา ในใจก็รู้ว่าในใจเขาต้องมีเงามืดสะสมเอาไว้จำนวนมากอย่างแน่นอน
นางผลักเขาออก เลิกผ้าห่มขึ้น “นั่นใคร…รีบเอากางเกงสะอาดๆ กับผ้าซับประจำเดือนมาให้ข้าเร็ว ยังมีอีก…ผ้าปูเดียงกับผ้าห่มของท่านก็ต้องเปลี่ยนได้แล้ว!”
เยี่ยเม่ยพูดไปกุมขมับด้วยความปวดหัว
นางสาบานได้ว่า มีชีวิตมานานถึงขนาดนี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่รับรู้ถึงความกระอักกระอ่วนเช่นนี้ ถึงขั้นที่นางเริ่มสงสัยถึงการมีชีวิตขึ้นมาบ้างแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
เส้นเลือดที่ขมับยังเต้นตุบตับไม่หยุด คล้ายกำลังอดทนอะไรบางอย่างอยู่ เยี่ยเม่ยตกอยู่ในอารมณ์พูดไม่ออก สะกิดแขนเขา คิดจะแสร้งเป็นเย็นชาเย่อหยิ่ง แต่ว่าสถานการณ์นี้ออกจะน่าขบขันเกินไปแล้ว
นางไม่สามารถรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้เลย
ดังนั้น
นางกุมขมับ เอ่ยด้วยเสียหน้าเจ็บปวดว่า “ยังไม่รีบไปอีก ท่านคิดให้เลือดข้าไหลโชกไปทั้งเตียงหรือไง”
ในที่สุดองค์ชายสี่ก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา ทั้งยังค่อยๆ สงบลงแล้ว
ดวงตาร้ายกาจหยุดนิ่งมองเยี่ยเม่ยสักครู่ สุดท้ายก็แค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ลุกขึ้นจากไป…
……
เวลานี้
บนต้นไม้ห่างออกไปไกลนอกห้องซือหม่าหรุ่ย มีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่เงียบๆ ในมือเขามีธัญพืชแห้งกับน้ำ สองสามวันนี้เขาหลบอยู่ที่นี้ สังเกตซือหม่าหรุ่ยอย่างเงียบสงบมาโดยตลอด
ตลอดเวลาที่อยู่ตรงนี้สายตาเขาที่เอาแต่จับจ้องอยู่ที่ซือหม่าหรุ่ย เฝ้ามองคนที่เขาหลงคิดว่าชั่วชีวิตนี้อาจไม่ได้พบเจออีกแล้ว
คนผู้นั้นคือเซียวชิน
ความจริงเขาคิดถึงนาง ทั้งอยากพบนาง แต่ว่าเขาทำไม่ได้
เป่ยเฉินอี้ใช้ความปลอดภัยของซือหม่าหรุ่ยมาข่มขู่เขา เขาร่วมมือกับอีกฝ่าย ประการแรกเพราะถูกบังคับขมขู่ ประการที่สองเพื่อติดตามเป่ยเฉินอี้ปะปนเข้ามาในชายแดน เพื่อจะได้พบนางได้ตลอด
เพียงแต่นางกลับไม่รู้เลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองนางอยู่ลับๆ
ในเวลานี้เอง
อวี้เหว่ยสาวเท้ากว้างเข้ามาทางนี้ เซียวชินรีบดึงสติกลับมา เขาไม่ถูกจับได้ต่อหน้าจงรั่วปิงและซือหม่าหรุ่ยที่มีวรยุทธ์ไม่ต่ำต้อย แต่ว่าวิชาอำพรางยังไม่อาจสู้เขาได้ ถือเป็นเรื่องไม่ยากเย็น แต่ว่าอวี้เหว่ยเป็นถึงคนข้างกายอันดับหนึ่งของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ฝีมืออำพรางกายเกรงว่าเขาจะสู้อีกฝ่ายไม่ไหว
อีกฝ่ายเดินผ่านมาทางนี้ เกรงว่าจะถูกพบเอาได้
เมื่อคิดๆ ดู เป่ยเฉินอี้ก็สมควรกลับมาแล้วเช่นนี้ เซียวชินก็ไม่รั้งอยู่ต่อ พลิ้วกายหายไปในความมืดมิดยามราตรี
อวี้เหว่ยเห็นเงาร่างสายหนึ่งจากที่ไกลๆ
สายตาพลันเย็นชาขึ้นมา รีบทะยานติดตามไป แต่หลังจากร่างนั้นพลิ้วไปแล้ว ก็ไม่เห็นอีกแม้แต่เงา ทำให้เขาสายตาเขาสงบลง ในชายแดนยังมียอดฝีมืออื่นอยู่อีกหรือ
อวี้เหว่ยคิดไปพลางเดินไปที่ห้องซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยเห็นเขา ถามออกมาทันทีว่า “เยี่ยเม่ยกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วหรือยัง”
“กลับมาแล้ว! จิ่วหุนเป็นอย่างไรบ้าง” อวี้เหว่ยยังไม่ลืมหน้าที่ของตน
ซือหม่าหรุ่ยตอบว่า “พ้นจากอันตรายแล้ว พรุ่งนี้เขาคงจะฟื้น!”
อวี้เหว่ยคลายใจลง พยักหน้า “อย่างนั้นก็ดี! จริงสิ…”
เขาเอ่ยพลางจ้องหน้าซือหม่าหรุ่ย สายตาส่อแววจริงจัง “เจ้ายังมีสหายออื่นยู่ที่ชายแดนหรือเปล่า”
ซือหม่าหรุ่ยชะงักไปเล็กน้อย ส่ายหน้า “ไม่มีนะ! มีแค่พวกเราสามคน!”
อวี้เหว่ยอธิบาย “ใกล้ๆ เรือนของเจ้ามีคนผู้หนึ่ง จ้องมองมาที่ห้องของเจ้า ดูเหมือนเขาไม่มีเจตนาร้าย เพราะว่าข้าสัมผัสไม่ได้ถึงไอสังหารเลย แต่หลังจากข้ามาเขาก็จากไปแล้ว วรยุทธ์เขาไม่ต้อยต่ำไปกว่าข้า ดังนั้นข้าจึงไล่ตามไปไม่ทัน!”
[1] สำนวน หมายถึงมีประจำเดือน