เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 254 เสินเซ่อเทียนจอมตะกละ!
อวี้เหว่ยได้ยินว่าผ้าห่มและของอื่นๆ ในห้องเตี้ยนเซี่ยถูกเปลี่ยนจนหมดสิ้น ซ้ำยังมีรอยเลือดอีกด้วย เขาจำไม่ได้ว่าพวกเตี้ยนเซี่ยบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจสถานการณ์
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มีข่าวอะไรก็สมควรรีบเข้าไปรายงาน
หลังจากเข้ามา เขารีบเอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย แม่นางเยี่ยเม่ย ไม่ดีแล้ว! เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่แห่งต้ามั่วนำทัพบุกโจมตีเมือง!”
เมื่อเขารายงาน เยี่ยเม่ยพลันตะลึงไปเล็กน้อย
ในใจรับรู้ว่ามีปัญหา หากคิดจะจู่โจมเมือง สมควรเริ่มไปตั้งนานแล้ว ไฉนถึงรอให้นางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับมาก่อนแล้ว
นี่ไม่เท่ากับเพื่อความยากลำบากในการโจมตีเมืองของพวกเขาหรอกหรือ
เยี่ยเม่ยถามอวี้เหว่ย “เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่คือใคร”
“เขาคือแม่ทัพที่ราชาต้ามั่วเชื่อถือที่สุด มีบุญคุณช่วยชีวิตราชาต้ามั่ว ตอนนี้ในราชสำนักต้ามั่วเขาคานอำนาจกับจิวมั่วเหอ สองคนนี้เคยมีโอกาสได้รับตำแหน่งราชามากที่สุด แต่เพราะเหตุผลต่างๆ นานา จึงไม่มีวาสนา!” อวี้เหว่ยตอบอย่างรวดเร็ว
เยี่ยเม่ยเลิกคิ้วสูง พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว เตรียมทัพ รับศึก!”
เพราะเรื่องราชสำนักจงเจิ้ง ทำให้นางอารมณ์ไม่ดี ลงมือสู้ศึกสักยกหนึ่งก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม
“ขอรับ!” อวี้เหว่ยรับคำ ล่าถอยออกไปทันที
เยี่ยเม่ยผละลุกขึ้นจากอ้อมกอดเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ในใจกลับเกิดความผิดหวัง ยากนักที่พวกนางจะมีช่วงเวลาอบอุ่นเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกการศึกขัดเสียได้
นางหันหน้ากลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคราหนึ่ง ถามเสียงนิ่งว่า “ท่านจะออกไปรับศึกกับข้า หรือว่ารอข้าอยู่ที่นี่”
เมื่อถามออกไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนลุกขึ้น เดินตามนางออกมาด้านนอก น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ กล่าวว่า “ถึงเยี่ยนไม่ยินดีใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเท่าขนไก่เช่นนี้ แต่ในเมื่อฮูหยินออกไปรับศึก เยี่ยนยังคงติดตามไปดีกว่า เมื่อเยี่ยนไม่ติดตามไปนานๆ เข้า กันไม่ให้ฮูหยินค่อยๆ รู้สึกว่าเยี่ยนหมดเสน่ห์ดึงดูด!”
สตรีหลงรักบุรุษผู้เข้มแข็งได้ง่าย เพื่อมาเติมเต็มวีรบุรุษในใจของพวกนาง เยี่ยเม่ยหาใช่สตรีทั่วไป แต่ว่าจะมากจะน้อยก็ต้องมีอยู่ในใจบ้าง
หากเขาไม่แสดงออกบ้าง เอาแต่หมกตัวอาบแดดอยู่ในเมือง ภาพลักษณ์ของเขาในใจนางคงไม่หลงเหลือความเป็นวีรบุรุษแล้ว
แม้ว่าเยี่ยเม่ยจะรู้สึกจนคำพูดต่อวาจาจำพวกนี้ของเขา แต่เมื่อใคร่ครวญดูอย่างละเอียด ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
คนทั้งสองออกไปพร้อมกัน…
……
ตำหนักหลิงซาน
เงาร่างสวมชุดขาวปลอดหิมะยืนอยู่บนยอดเขา เขายังคงยืนอยู่จุดสูงสุดของโลกอยู่เสมอ หากคิดตามหาเขา ไปตามที่สูงๆ ก็นับว่าถูกต้องแล้ว
เบื้องหน้าเขาคือบ่อน้ำ
อากาศหนาวเหน็บทำร้ายคน
ในมือเขาถือเบ็ดไม้ไผ่ กำลังตกปลาอยู่
หากเป็นคนธรรมดา ในช่วงเวลาที่เหน็บหนาวจนเป็นน้ำแข็ง ยืนอยู่บนที่สูงขนาดนี้เกรงว่าคงแข็งจนเกือบตาย ใบหน้าซีดเซียวไร้สีสัน
ทว่าคนผู้นี้ต่างออกไป เกล็ดหิมะโปรยปรายลงจากฟ้า กลับไม่ติดบนกายเขาสักน้อย เงาหลังขาวโพลนของเขา มีรัศมีเทพปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้ได้พบเห็นรู้สึกเหมือนพบเทพเทวดา
ในเวลานี้
จิตสังหารแผ่พุ่งไปทั่วเขาหลิงซาน
ทว่าเงาร่างขาวราวหิมะไม่ขยับเขยื้อนเลยสักน้อย ยืนรอเงาร่างของคนทั้งหมด
หลังจากผ่านไปสักพัก
ยอดฝีมือยุทธภพท่าทางดุร้ายจำนวนไม่น้อยปรากฏกายอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากคนผู้นั้น ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ยปากว่า “เสินเซ่อเทียน วันนี้พวกข้าจะต้องทำลายตำนานไม่แพ้ของเจ้าให้จงได้!”
“ถอยไป พวกเจ้าส่งเสียงดังปลาข้าตกใจหมดแล้ว!” น้ำเสียงของเขาไม่รุนแรงนัก ทว่าแฝงด้วยความคุกคามไม่อาจล่วงเกิน
ภายในบ่อน้ำเลี้ยงปลาตามฤดูกาลเอาไว้
คุณภาพเนื้อสดใหม่อย่างที่สุด
ใครจะรู้ว่า เสินเซ่อเทียนผู้ยืนอยู่จุดสูงสุดของยอดฝีมือในยุทธภพ ยังเป็นจอมตะกละผู้หนึ่ง ชอบกินปลารสชาติสดใหม่ ชอบดื่มสุราร้อนแรงหอมกรุ่นที่สุดในใต้หล้า ชอบกินไก่ย่างหนังกรุบกรอบของเหลียงเจียง ตกหลุมรักหน่อไม้รสเลิศของซานโจว
สรุปแล้วของอร่อยในโลกนี้ เขาล้วนชมชอบกิน
มีสูตรลับที่ไม่เผยแพร่ออกนอกตระกูลบางอย่าง ต่อให้เขาต้องทำลายล้างตระกูลผู้อื่นก็ต้องกินให้ได้ เพราะมีนิสัยแข็งกร้าวและดื้อดึงเช่นนี้
ในขณะที่เขากำลังตกปลา เสียงดังทำให้ปลาตกใจหนีไปหมด สำหรับคนพวกนี้หาใช่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดเลย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะยั่วยุโทสะของเสินเซ่อเทียน
ผู้มามองหน้ากันไปมา ในเวลานี้เริ่มลังเล
พวกเขารู้ว่าเสินเซ่อเทียนชอบออกมาตกปลาบนยอดเขาโดยลำพัง อีกทั้งนิสัยของเสินเซ่อเทียนค่อนข้างเย่อหยิ่ง ตีนเขาหลิงซานไม่มีทหารรักษาการณ์ พวกเขาถึงบุกเข้ามาได้โดยง่าย
เสินเซ่อเทียนอยู่เพียงลำพัง เป็นโอกาสหาได้ยากยิ่ง พวกเขาไม่อยากพลาดไป
เมื่อคิดเช่นนี้ สายตาคนทั้งหมดก็เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ผู้นำขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เสินเซ่อเทียนตำแหน่งอันดับหนึ่งของใต้หล้า สมควรเปลี่ยนคนได้แล้ว!”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา
แววตายินดีในคราแรกที่เห็นปลากินเบ็ดของเสินเซ่อเทียน พลันฉายประกายเย็นเยียบ ถัดมาปลาตัวนั้นตกใจเสียงว่ายหนีจากไปดังเขาคาดไว้
บรรยากาศรอบกายเสินเซ่อเทียนพลันเย็นเยือกลง
จิตสังหารเข้มข้นกว่าพวกเขาแผ่พุ่ง ในที่สุดเสินเซ่อเทียนก็หันกลับมามองคนทั้งหมด เบ็ดตกปลาในมือถูกทิ้งลงแล้ว
บุรุษจำนวนไม่น้อยที่เห็นสีหน้าเขาในยามนี้ล้วนลมหายใจสะดุด
ใบหน้าเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็ง หล่อเหลาทว่าเคร่งขรึม หว่างคิ้วคือความคุกคามไม่อาจล่วงเกินของเทพแห่งโลกหล้า
คนทั้งหมดอดคิดไม่ได้ว่า
หากโลกใบนี้มีสามโลกได้แก่ สวรรค์ มนุษย์ และปีศาจ บุคคลเบื้องหน้าพวกเขานี้จะต้องเป็นบุรุษรูปงามอันดับหนึ่งจากสวรรค์ หรือไม่ก็นักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์เป็นแน่
เพราะว่าเสี้ยวเวลาที่อีกฝ่ายเกิดโทสะ คนทั้งหมดสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของดอกไม้ใบหญ้ารอบด้านกำลังแผ่พุ่งโทสะมาใส่พวกเขา คล้ายกำลังสั่งสอนว่าพวกเขาเสียมารยาทแล้ว
สายตาของเสินเซ่อเทียนที่มองพวกเขาไร้ความอดทนอดกลั้นใดๆ น้ำเสียงอันศักดิ์สิทธิ์และเคร่งขรึมดังไปทั่วเขา “อนุญาตให้พวกเจ้าบอกชื่อแซ่ก่อนจะตายได้!”
ผู้มาทั้งหลายมองหน้ากันไปมา
ในใจอัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจ ทว่าแต่ละคนต่างพากันประกาศชื่อออกมา “พวกเราคือสามสิบหกยอดยุทธ์แห่งบู๊ลิ้ม!”
สามสิบหกยอดยุทธ์แห่งบู๊ลิ้ม สิ่งที่ทำให้คนชื่นชมมากที่สุดคือการประสานฝีมือกัน พวกเขาทั้งสามสิบหกคนสามารถทำได้ถึงขั้นประสานกระบวนท่าไม้ตายของคนทั้งสามสิบหกคนเพื่อทำลายศัตรูได้
ต่อให้เป็นสิบยอดฝีมืออันดับหนึ่งถึงสิบร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาสามสิบหกคน
ทว่าโลกนี้มีสุดยอดฝีมือหลายคนที่ไม่อยู่ในการจัดอันดับของยุทธภพ นั่นก็คือ เสินเซ่อเทียน เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป่ยเฉินอี้ จิ่วหุน จิวมั่วเหอ ผู้เฒ่าเสี่ยวเถียนไช่ และกูเยว่อู๋เหิน ด้วยเหตุนี้คนทั้งหมดก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนเหล่านี้
“ลงมือเถอะ!”
เสินเซ่อเทียนเอ่ยออกมา
คนทั้งสามสิบหกมองกันไปมา แต่ละคนแยกย้ายใช้กระบวนสุดร้ายกาจของตน ตัดสินใจเดิมพันสักครั้ง ดูว่าจะโจมตีเสินเซ่อเทียนจนสิ้นชีวิตภายในครั้งเดียวได้หรือไม่
จากนั้น
ในยามที่พวกเขาต่างพากันใช้กระบวนท่าไม้ตายของตัวเอง
เสินเซ่อเทียนค่อยๆ ยกมือขึ้น พลังปราณสีขาวรวมตัวกันอยู่ใจกลางฝ่ามือ ก่อเกิดเป็นพายุแข็งแกร่ง ถัดมาก็พุ่งออกไปด้วยความแรง
เขาพ่นคำพูดออกมา “เทพสงครามบรรพกาล”