เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 255 พลังที่แท้จริงของเสินเซ่อเทียน
“ปัง!” เสียงดังสนั่น
คนทั้งสามสิบหกคนที่ออกกระบวนท่า ยังไม่ทันแสดงความแข็งแกร่งของตนออกมา ก็ถูกผนึกค้างไว้ที่เดิม ถูกปราณพลังยิ่งใหญ่กระแทก กระเด็นกระดอนล้มสู่พื้นดิน
อวัยวะภายในถูกทำลาย ทั้งมีบาดแผลทั่วร่าง ทำให้พวกเขานอนกองหมดเรี่ยวแรงอยู่บนพื้น ขยับไม่ได้ เส้นชีพจรสั่นสะท้านไม่อาจทนได้แม้ชั่วครู่…
คนทั้งหลายต่างไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อที่สุดในชีวิตเช่นนี้
ไฉนถึงได้…
เป็นไปได้อย่างไร
ทั้งๆ ที่พวกเขาชิงลงมือก่อนเสินเซ่อเทียนแท้ๆ เหตุใดกระบวนท่าเลื่องชื่อของอีกฝ่ายจู่โจมใส่ร่างกายพวกเขา กระบวนท่าของพวกเขาก็ไม่อาจใช้ออกอีก
พลังที่แท้จริงของคนผู้นี้
นอกจากรากฐานกำลังภายในเหนือชั้นกว่าพวกเขาอยู่อักโขแล้ว ความเร็วและความพิสดารของวรยุทธ์ก็ทำให้พวกเขาแปลกใจ เพียงแต่…ชีวิตนี้ของพวกเขาทั้งหมด เกรงว่าจะทิ้งไว้แค่คำชื่นชมนี้แล้วเท่านั้น
พวกเขาฉุกคิดได้ว่า ไฉนคนผู้นี้ถึงได้รับสมญานามว่า “เทพ”
เพราะว่าคนทั่วไปต่อสู้กัน บาดเจ็บล้มตายกันไม่กี่คน
ส่วนต่อสู้กับเสินเซ่อเทียน เกรงว่าต่อให้เป็นกลุ่มยอดฝีมือ ก็มีหนทางเหลืออยู่แค่ทางเดียว…วอดวายทั้งกลุ่ม!
วันนี้พวกเขาคือกลุ่มคนที่ถูกทำลายวอดวาย
คนทั้งหมดล้มนอนอยู่บนพื้นลุกไม่ขึ้น จากนั้นก็สิ้นลมหายใจ
เสินเซ่อเทียนคร้านจะมองพวกเขาสักแวบเดียว หันกลับไปมองปลาในบ่อต่อ ดีเหลือเกิน ภายใต้การจู่โจมเดียว กำลังภายในสั่นสะเทือนยิ่งใหญ่ ทำเอาเหล่าปลาทั้งหมดว่ายหนีคนละทิศทาง ซ้ำยังทำให้อารมณ์เสินเซ่อเทียนเลวร้ายถึงขีดสุด
ถัดมา
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางตีนเขา
นั่นคือเป่ยเจี้ยนเกอที่ได้ยินเสียงดังสนั่นจากบนเขารีบวิ่งขึ้นมา หลังจากมาถึงแล้วพบซากศพเกลื่อนพื้น รวมถึงใบหน้าเจือโทสะของเสินเซ่อเทียน
เป่ยเจี้ยนเกอปรายตามองบ่อน้ำข้างกายจวินซ่างอย่างประหวั่นหวาด ปลาสักตัวก็ไม่มี ต่างหลบหนีไปจนหมดสิ้นแล้ว
เป่ยเจี้ยนเกออดกลืนน้ำลายเอื๊อกหนึ่งไม่ได้
จวินซ่างไม่อนุญาตให้พวกเขาติดตามมาตกปลาด้วย ก็เพราะกลัวคนสร้างความสะเทือนเพียงเล็กน้อย ก่อกวนปลาของเขา คราวนี้ก็ดีเลย ปลาสักตัวก็ไม่เหลือ!
ในขณะที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เส้นเสียงเดือดดาลและเคร่งขรึมของเสินเซ่อเทียน แต่ยังให้ความศักดิ์สิทธิ์เอาไว้เต็มไปด้วยโกรธขึงถึงขีดสุด “ใครกันที่แพร่ข่าวออกไปว่าข้าคือยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ถึงได้ทำให้พวกมดปลวกมารังควานไม่เว้นวัน อารมณ์ดีๆ ของข้าในวันนี้ถูกทำลายจนป่นปี้แล้ว!”
“จวินซ่าง เช่นนั้นภายหน้าพวกเราวางกำลังทหารรักษาการณ์ไว้ที่ตีนเขาดีหรือไม่” เป่ยเจี้ยนเกอเสนอ
หากบอกว่ากูเยว่อู๋เหินเป็นคนเฉื่อยชา จวินซ่างก็เป็นคนเกียจคร้าน
ถึงแม้จวินซ่างมีนิสัยเย่อหยิ่ง แต่ก็เกลียดเรื่องวุ่นวายเป็นที่สุด ไม่ชอบถูกหาเรื่องเป็นที่สุด แต่จวินซ่างดันมีชื่อเสียงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ดึงให้คนคลุ้มคลั่งจำนวนนับไม่ถ้วนคิดเอาชนะจวินซ่าง เพื่อยึดตำแหน่งแทน
สามวันห้าวันก็พากันมาท้าประลอง ความจริงพวกเขารู้สึกจนปัญญามาก ใครกันแน่ที่ใส่ใจตำแหน่งอันดับหนึ่งของใต้หล้า
กลับกันจวินซ่างหาได้ใส่ใจเลยสักน้อย
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนกลุ่มนี้คิดอะไรอยู่กันแน่
เมื่อเป่ยเจี้ยนเกอเอ่ยปาก
เสินเซ่อเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง มองบ่อปลาอีกครั้งหนึ่ง เดิมทีสมควรได้กินปลาแล้ว เพราะว่าพวกมดปลวกเหล่านี้ถึงไม่ได้กิน เขาลดความยึดมั่นลง พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ส่งคนไปเฝ้าเถอะ!”
ครั้นเอ่ยถึงยามนี้
สตรีชุดดำนางหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถือกล่องใบหนึ่ง นางมีสีหน้าเย็นชา หลังจากเข้ามาถึงแล้วก็คุกเข่าลง “จวินซ่าง ข้าน้อยนำนกพิราบดำฉู่ตี้มาให้ท่านแล้ว”
คนผู้นี้คือเฉิงเสี่ยวจวน หนึ่งในสององครักษ์ข้างกายเสินเซ่อเทียน
เห็นเฉิงเสี่ยวจวนนำสิ่งของกลับมา ยามนี้เป่ยเจี้ยนเกอพลันพรูลมหายใจ ดีเหลือเกิน! ยังดีที่มีของสิ่งนี้แล้ว โทสะของจวินซ่างจะได้คลายลงบ้าง
เวลานี้เฉิงเสี่ยวจวนมองซากศพบนพื้น เข้าใจทันทีว่าพวกกินอิ่มไม่มีอะไรทำมาท้าประลองกับจวินซ่างอีกแล้ว
เป่ยเจี้ยนเกอคาดเดาไม่ผิด
เสินเซ่อเทียนได้ยินคำนี้ อารมณ์ดีขึ้นมามาก
สั่งการประโยคหนึ่งว่า “สั่งให้ครัวปรุงให้ดี อย่าได้เสียแรงที่เจ้าต้องเหน็ดเหนื่อย!”
“รับบัญชา!” เฉิงเสี่ยวจวนไปสั่งการห้องครัวทันที
นางพบแล้วว่า หลายปีที่ผ่านมานี้หน้าที่ของเป่ยเจี้ยนเกอคือทำงานแทนจวินซ่าง ส่วนหน้าที่ของนางคือยามที่จวินซ่างอ่านพบของอร่อยในหนังสือเล่มใดก็ตาม จะสั่งให้นางไปเสาะหามาทันที อย่างน้อยนางก็เป็นหนึ่งในสององครักษ์คุ้มครอง จวินซ่างสั่งการอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกบ้างหรือว่าใช้ความสามารถยิ่งใหญ่ของนางไปกับเรื่องเล็กน้อย
อ้อ จริงสิ
จวินซ่างบอกแล้วว่า อาหารเลิศรสคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งในชีวิตของเขา สั่งให้นางไปหาอาหารเลิศรสก็เท่ากับเห็นความสำคัญของนาง
นางหวังให้จวินซ่างเห็นความสำคัญของนางในด้านอื่นบ้าง ตัวอย่างเช่นแลกเปลี่ยนหน้าที่กับเป่ยเจี้ยนเกออะไรพวกนั้น ยามนี้ก็ดีเลย คนในใต้หล้าต่างรู้ว่าข้างกายจวินซ่างมีเป่ยเจี้ยนเกอ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเฉิงเสี่ยวจวนคือใคร…
เพราะนางออกไปปฏิบัติภารกิจอยู่ภายนอกเป็นเวลานาน เสาะแสวงหาอาหารรสเลิศไปทั่ว มีคนรู้จักชื่อนางก็แปลกแล้ว! ต่อให้มีชื่อเสียงขึ้นมาสักวันหนึ่ง เกรงว่าก็เป็นแค่นางมารที่ไม่มีที่มาที่ไปรู้จักแต่กินเท่านั้นเอง ของอร่อยอะไรก็เอาไปจนหมด หากไม่ให้ก็แย่งชิง…
มารดามันเถอะ แต่ของกินเหล่านี้ นางไม่กล้าแตะต้องเลยด้วยซ้ำ ล้วนส่งมอบให้จวินซ่างจนหมดสิ้น ไม่ได้กินอะไรเลยสักนิดเดียวเข้าใจไหม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางหันหลังไปมองร่างเหยียดตรงกำยำของเสินเซ่อเทียน
นางก็กลัดกลุ้ม…
ทุกวันจวินซ่างกินของอร่อยต่างๆ นานา ไม่เพียงแต่ไม่อ้วน ไฉนหุ่นยังดีถึงเพียงนี้ น่าอิจฉานักเชียว…
นางออกจากยอดเขามุ่งตรงไปที่ครัว
เป่ยเจี้ยนเกอมองซากศพเกลื่อนพื้น เสนอว่า “จวินซ่าง ข้าน้อยจะให้คนมาเก็บกวาด ท่านยังจะตกปลาต่อไป หรือว่า…”
“หมดอารมณ์แล้ว!”
สิ้นเสียงเสินเซ่อเทียนก็เดินลงจากยอดเขาไปยังตำหนัก
ในเวลานี้ ขันทีผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน หยุดลงที่เบื้องหน้าเสินเซ่อเทียน คุกเข่าลงรายงาน “จวินซ่าง ฝ่าบาททรงมีเรื่องด่วน ขอเชิญท่านไปปรึกษาหารือโดยด่วน!”
“ไฉนต้องเป็นวันนี้ด้วย” เสินเซ่อเทียนถาม
“หา?” ขันทีชะงักงัน กล่าวทันที “เพราะฝ่าบาทเพิ่งได้รับข่าวจากชายแดน เรื่องราวค่อนข้างสลับซับซ้อน ต่างจากเรื่องทั่วไปมาก อีกอย่างยังรีบร้อน ฝ่าบาททรงกังวลว่าจะเกิดเรื่อง ถึงได้เชิญให้ท่านไปโดยเร็ว…”
เสินเซ่อเทียนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี เขาเอ่ยปาก “พรุ่งนี้ไม่ได้หรืออย่างไร หรือไม่ก็เป็นคืนนี้ ข้ายังพอทนได้ !”
เป่ยเจี้ยนเกอได้แต่แอบกุมขมับ
รู้อยู่แก่ใจว่า จวินซ่างพะวงถึงนกพิราบดำ ตำรากล่าวไว้ว่านกชนิดนี้ต่างจากพิราบทั่วไป ต้องแช่น้ำแข็งสองชั่วยาม จากนั้นใช้ไฟอ่อนตุ๋นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม จากนั้นค่อยแช่ในน้ำบริสุทธิ์อีกหนึ่งชั่วยาม สุดท้ายค่อยต้ม
อีกทั้งหลังจากปรุงเสร็จแล้วต้องรออีกหนึ่งชั่วยาม ถึงจะได้รสชาติอร่อยอีกด้วย
หากจวินซ่างไปวังหลวงยามนี้ จะกลับมาทันเวลากินหรือไม่ก็ยากจะบอกได้ ไม่ว่าฝ่าบาทมีเรื่องอันใดก็ให้จวินซ่างจัดการอยู่แล้ว หากยืดเยื้อไปอีกวันสองวัน…
ขันทีน้อยไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ลอบมองเป่ยเจี้ยนเกอ องครักษ์ข้างกายเสินเซ่อเทียนโบกมือให้อีกฝ่าย
ขันทีน้อยรีบตอบ “เช่นนั้น…จวินซ่าง ข้าน้อยขอตัวไปรายงานฝ่าบาทก่อน!”