เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 261 ความจริงที่วางยาพิษสังหารคนแสนคนในปีนั้น!
เยี่ยเม่ยปิดตาแน่น
ความทรงจำเรื่องเหล่านี้ไม่มีอยู่ในสมองนางเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินซือหม่าหรุ่ยเล่า นางรู้สึกว่าหัวใจบีบรัด เจ็บจนทำให้นางแทบหายใจไม่ออก นางจึงเข้าใจว่าเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับตัวนางอย่างจริงแท้แน่นอน
ไม่เช่นนั้นนางคงไม่รู้สึกเจ็บหัวใจจนถึงขั้นไม่อยากหายใจ เพราะได้ฟังเรื่องนี้
“ยังมีอีกไหม” นางเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
คำถามนี้ถามถึงความในใจที่ซือหม่าหรุ่ยไม่อยากเอ่ยถึงมากที่สุด นั่นคือวันที่นางเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต
ซือหม่าหรุ่ยก้มหน้า เล่าต่อว่า “ชาวบ้านเกือบทั้งหมดล้วนอยู่บนเรือ ถึงแม้พวกชาวบ้านจะได้ข่าวว่าที่เป่ยเฉินอี้สามารถทำลายราชสำนักจงเจิ้งสำเร็จเกี่ยวพันกับเจ้า แต่เมื่อทุกคนเห็นเจ้าพาหนีเอาชีวิตรอด ให้ทุกคนขึ้นเรือออกมาก่อน ต่างก็อภัยให้เจ้า”
นางเล่าต่อ “แต่ในตอนนั้นราชครูของเป่ยเฉินสั่งการให้ยิงธนูสังหารคนทั้งหมด เจ้าถูกธนูยิงเข้าที่หน้าอกตกลงในแม่น้ำหมิง ข้าคิดช่วยเจ้า แต่จับเจ้าไว้ไม่ทัน! ได้แต่มองเจ้าตกแม่น้ำกับตา…เจ้าทิ้งคำพูดไว้กับข้าประโยคหนึ่งบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปกป้องชาวบ้านที่หนีตายพวกนั้นให้ได้”
เสี้ยวนาทีนี้
เยี่ยเม่ยคล้ายรู้สึกถึงความเจ็บปวดน้อยๆ ตรงหน้าอก ในสมองนางผุดเรื่องที่ตนฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลเมื่อสี่ปีก่อน หน้าอกมีบาดแผลใหญ่ ลูกพี่จ่ายเงินจำนวนไม่น้อย ใช้ยาจำนวนมากถึงลบรอยแผลเป็นนั้นไปได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยเม่ยรีบร้อนถามออกไปอีกประโยค “อย่างนั้นพวกชาวบ้านหนีไปได้ไหม”
ซือหม่าหรุ่ยเช็ดน้ำตาที่หางตา มองเยี่ยเม่ย เล่าต่อว่า “หนีได้แล้ว! เวลานี้คนนับพันนับหมื่นราชสำนักเป่ยเฉินไล่สังหารพวกเขา แต่สุดท้ายคนพวกนั้นไม่มีเรือ คนแสนกว่าคนที่มีวิชาทางน้ำดีจึงว่ายน้ำไล่สังหาร เมื่อเห็นคนไล่ตาม ข้า…”
เล่าถึงตอนนี้ ซือหม่าหรุ่ยเจ็บปวดจนปิดตาตัวเอง
นางก้มหน้าเอ่ยว่า “อาซี ตอนนั้นข้าสับสนอยู่นาน นั่นคือคำฝากฝังสุดท้ายของเจ้า เจ้าขอให้ข้าปกป้องชาวบ้านไว้ให้ได้ ข้าไม่อาจผิดต่อคำสัญญาของเจ้า แต่ข้ารู้ว่าที่ปากแม่น้ำหมิง นอกจากพวกทหารที่ไล่ตามมาแล้ว ยังมีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์อีกจำนวนมาก ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงเอายาพิษ…”
ระหว่างเล่าไป ใบหน้าซือหม่าหรุ่ยก็เต็มไปด้วยน้ำตา “นั่นคือพิษร้าย หากแพร่ลงสู่น้ำ พวกทหารที่ไล่ตามกลางแม่น้ำมีแต่ตายสถานเดียว ส่วนชาวบ้านที่ปากแม่น้ำ หากไม่ระวังถูกน้ำเข้า ก็ต้องตายโดยมิต้องสงสัย! ศิษย์พี่ของข้าเซียวชินรู้ข่าวก็รีบลงจากเขามาหาข้า เห็นข้าถือพิษนั้น เขาก็รู้ทันที จากการคบหาของพวกเรา เรื่องนี้ข้าไม่อาจไม่ทำ ดังนั้น…”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นางสะอื้นไม่ได้ศัพท์ “เขาตีข้าสลบ กระทำเรื่องนี้แทนข้า สังหารทหารแสนคนที่ไล่ตามมา ทั้งยังมีชาวบ้านผู้บริสุทธิ์หลายหมื่นคน หลังจากลงมือเขาก็ถูกคนทั่วหล้าไล่สังหารหายสาบสูญไป นับตั้งแต่นับก็ไม่เคยปรากฏกายอีกเลย!”
เยี่ยเม่ยที่ร้องไห้อยู่แต่เดิม ฟังซือหม่าหรุ่ยเล่าเช่นนี้ ก็ยิ่งทนไม่ไหวเข้าไปใหญ่
ดังนั้น
วันนั้น
ไม่เพียงแค่นางสูญเสียเสด็จพ่อเสด็จแม่ ซือหม่าหรุ่ยก็ไม่กลัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพราะมิตรภาพ สุดท้ายนางสูญเสียเพื่อนรัก สูญเสียคนรัก
เยี่ยเม่ยยื่นมือมาจับมือซือหม่าหรุ่ย สะอื้นเอ่ยว่า “ข้าติดค้างเจ้า!”
ในโลกนี้มีคนยอมขัดต่อนิสัยของตนเองเพื่อสหายรัก กระทำเรื่องคร่าชีวิต แต่ทั้งหมดนี้ก็เพียงเพราะคำว่ามิตรภาพเท่านั้น สุดท้ายเรื่องนี้ เซียวชินทำเพื่อซือหม่าหรุ่ย นับตั้งแต่ตอนนั้น ซือหม่าหรุ่ยก็แบกรับความผิดมากขึ้น
ซือหม่าหรุ่ยพลันกอดเยี่ยเม่ยร้องไห้ออกมา “เยี่ยเม่ยเจ้ารู้ไหม ข้ากับกับเซียวชินเดิมทีเป็นหมอเทวดากับหมอเทพ พวกเราไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน แต่เพราะเรื่องนี้ เพราะการเลือกของข้า ทำให้คนตายมากมาย เดิมทีนี่ควรเป็นความผิดของข้า เซียวชินกลับแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว หลายปีที่ผ่านมา ข้ารู้สึกผิดต่อมโนธรรมในใจ ไม่เคยมีวันที่สุขใจเลย ทั้งไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึงเขา!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เยี่ยเม่ยตบบ่าอีกฝ่าย ความเจ็บปวดในใจหาได้น้อยกว่าซือหม่าหรุ่ย
หลังจากซือหม่าหรุ่ยร้องไห้อีกพักหนึ่ง ก็ค่อยๆ สงบลง นางสะอื้นเอ่ยว่า “ความจริงภายหลังข้าก็คิดได้แล้ว ชาวบ้านในโลกนี้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าด้วย ข้ายินดีช่วยคนก็คือบุญวาสนาของข้า ข้าจะสังหารคนก็คือความสามารถของข้า ชั่วชีวิตนี้ของข้าช่วยเหลือคนทั้งหมดไว้ไม่ได้ การเผชิญหน้าก็เป็นทางเลือกถึงช่วยเหลือสหายรอบกายข้าได้ แต่ข้าคิดไม่ถึงว่า…”
คิดไม่ถึงว่า นี่กลายเป็นสาเหตุที่นางไม่อาจพบเซียวชินได้อีก
“เขาแบกรับความผิดทั้งหมดไว้คนเดียว ซ้ำยังกลัวพลอยทำให้ข้าลำบากไปด้วย…” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ซือหม่าหรุ่ยยืดตัวขึ้น จับใบหน้าของเยี่ยเม่ยเพื่อพิสูจน์อีกครั้ง “ดังนั้นอาซี เป็นเจ้าจริงๆ ใช่ไหม เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่หรือเปล่า”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ถึงนางยังจำเรื่องทั้งหมดไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดคือของจริง นางเอ่ยเบาๆ “ข้าว่าน่าจะใช่!”
หากรู้แต่แรกว่าการฝากฝังในตอนนั้นจะทำให้ซือหม่าหรุ่ยตกอยู่ในห้วงความเจ็บปวดเช่นนี้ นางว่า…จากการคบหาระหว่างจงเจิ้งซีกับซือหม่าหรุ่ย จงเจิ้งซีไม่มีทางทิ้งคำฝากฝังนี้ไว้แน่
นี่คือสหายที่แท้จริง
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยต่อ “เพราะข้าเคยมอบยาถอนพิษร้อยชนิดให้เจ้า มีเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงกล้าวางยาพิษลงในแม่น้ำ เชื่อว่าพิษทำอะไรเจ้าไม่ได้ ปีนั้นข้ายังมีความหวังเล็กๆ อยู่ในใจ หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตรอด หลังจากถูกตีจนสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาเซียวชินก็หายตัวไปแล้ว ข้าออกตามหาเขาไปทั่วก็ไม่พบ จึงกลับไปที่แม่น้ำหมิงเพื่อตามหาเบาะแสของเจ้า!”
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ สายตาซือหม่าหรุ่ยก็ล่องลอย มุมปากปรากฏรอยยิ้มหยัน คล้ายขบคิดเรื่องน่าขันเป็นที่สุดขึ้นมาได้
นางเอ่ยปากว่า “เจ้ารู้ไหมว่าข้าเห็นอะไร ข้าได้ยินว่า เป่ยเฉินอี้ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น กระโดดลงไปในแม่น้ำหมิงที่เต็มไปด้วยพิษร้ายเพื่อตามหาเจ้า สุดท้ายถูกคนช่วยขึ้นมา แต่เขายังเศร้าโศกไม่เลิก ข้าเห็นเขากระอักเลือดอยู่ริมน้ำกับตาตัวเอง ภายหลังข้าถึงได้รู้ว่า ก่อนที่เขาจะโดดลงน้ำก็กินยาพิษแรงลงไปแล้ว ดังนั้นวรยุทธ์ทั้งหมดของเขาสูญสิ้น สองขาใช้การไม่ได้กลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง!”
“แต่ตอนนี้ เหมือนเขาจะหายแล้ว!” ยามเยี่ยเม่ยเอ่ยประโยคนี้ จ้องซือหม่าหรุ่ย น้ำตาไหลลงมา
ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้า แววตาฉายความเคียดแค้น เอ่ยต่อ “เขาโชคดีนัก ถึงกับหายดีได้!”
เยี่ยเม่ยค่อยๆ สงบลง มองซือหม่าหรุ่ย ถามต่อว่า “อย่างนั้น…เจ้าบอกว่าบางทีเพราะการกระทำของเจ้าในปีนั้น ถึงรักษาชีวิตข้าเอาไว้ได้ หมายความว่าอย่างไรกัน”
“หลังจากเป่ยเฉินอี้กระอักเลือดเพราะความสะเทือนใจ ก็สลบไป! ภายหลังเขาส่งคนมาค้นหาร่างเจ้าในแม่น้ำ ฮ่องเต้เป่ยเฉินก็มีรับสั่งให้ตามหา ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่า หากพวกเขาหาเจ้าพบ ต่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี!”