เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 264 เขาสูญเสียนางไปไม่ได้
ซือหม่าหรุ่ยเอ่ยไปน้ำตาไหลพราก
นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ที่แท้เขาอยู่ใกล้กับนาง อีกเพียงก้าวเดียวก็หาเขาพบแล้ว
นางรู้สึกเสียใจยามที่ซินเยว่เยี่ยนทดสอบความสามารถของเยี่ยเม่ยโดยติดตามไปออกรบ วันนั้นตัวนางไม่ไปกับทั้งสอง หากนางไปด้วยแล้วได้เห็นเซียวชิน อย่าว่าแต่ใส่หน้ากากเลยต่อให้โฉมหน้าเขาเปลี่ยนไปหมดจนไม่เหลือเค้าเดิมอีกแล้ว นางก็ต้องจำได้
แต่วันนั้นนางดันไม่ติดตามไปด้วย
ซินเยว่เยี่ยนรับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจซือหม่าหรุ่ย ทว่านางฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ เจ้าจำได้หรือไม่ อวี้เหว่ยบอกว่าเห็นคนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ เรือนของเจ้า หากเซียวชินคือจั่วอี้อ๋องจริงๆ ต่อให้เขาออกจากต้ามั่วมาแล้ว ก็ไม่น่าจากไปไกลเท่าไหร่ ไม่แน่ว่าคนที่แอบมองเจ้าคนนั้นก็คือเขา!”
มาตรว่าก่อนหน้านี้พวกนางเคยวิเคราะห์กันมาก่อน คิดว่าไม่มีทางใช่เซียวชิน อย่างไรเสียต่อให้เป็นเขา ก็ไม่น่าเข้ามาได้ แต่ยามนี้เมื่อย้อนคิดดู…หากเป็นไปได้เล่า”
เซียวชินอยู่ใกล้ที่นี่ขนาดนี้
อีกอย่างนางคิดไม่ออกเลยว่าในโลกนี้ยังมีใครที่มาแอบจับตาดูซือหม่าหรุ่ยเงียบๆ อย่างเป็นมิตรด้วย
“จริงด้วย! เจ้าพูดถูกแล้วอาจเป็นเขาจริงก็ได้!” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้าติดต่อกัน
ซินเยว่เยี่ยนตบบ่านาง “เจ้าใจเย็นลงหน่อย ทำแบบนี้ช่างเสียกิริยานัก!”
ซือหม่าหรุ่ยรู้ดี เพราะว่าการวางยาพิษในปีนั้น เซียวชินผูกความแค้นเอาไว้จำนวนมาก นางต้องสงบใจไว้ ต่อให้หาเซียวชินพบ ได้เจอกับเขาอีก ก็ไม่อาจให้คนรอบข้างรู้ได้ อีกอย่างยามนี้ยังไม่มีเบาะแสของเขาเลย
นางค่อยๆ สงบลง ในที่สุดก็เอ่ยว่า “คนที่สมควรปรากฏตัว ในที่สุดก็ปรากฏตัวกันหมดแล้ว สวรรค์ยุติธรรมจริงๆ !”
ได้ยินซือหม่าหรุ่ยเอ่ยประโยคนี้ ในสายตาของซินเยว่เยี่ยนรู้สึกแปลกประหลาดใจ นางขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยว่า “อาหรุ่ย คำพูดเจ้าหมายความว่างอย่างไร”
อะไรคือออกมาจนหมดแล้ว
ซือหม่าหรุ่ยมองซินเยว่เยี่ยน แววตาเจือไปด้วยความแค้น “ไม่มีอะไร บางเรื่องเจ้าไม่ต้องถามแล้ว! เพียงแต่พวกเป่ยเฉินชั่วช้าสามานย์พวกนั้น ทำให้พวกเราต้องเจ็บปวดมานาน หนี้แค้นนี้สมควรมีคนมาทวงคืนเสียที!”
ซือหม่าหรุ่ยเข้าใจดี การล่มสลายของราชสำนักจงเจิ้งปีนั้น ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากอาซี ถึงแม้ทุกคนเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นเพราะอาซีมีเมตตาเกินไป เป่ยเฉินอี้เจ้าเล่ห์เกินไป แต่คนจำนวนมากรวมถึงโอวหยางเทา ที่ไม่อาจอภัยให้อาซีได้ทั้งหมด
หากจะล้างแค้น พวกนางยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องเดิน
ยามนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น นางเชื่อว่า อาซี…ไม่ เยี่ยเม่ยก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เยี่ยเม่ยต้องหนักแน่น ก้าวไปสู่ชัยชนะ นางก็ต้องหนักแน่น และจำเป็นต้องหนักแน่นด้วย !
……
ในห้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
อวี้เหว่ยวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน หลังจากเข้ามาแล้ว ก็เอ่ยปากว่า “เตี้ยนเซี่ย ไม่ดีแล้ว คือว่า.. แม่นางเยี่ยเม่ยออกไปตามลำพังแล้ว ได้ยินว่านางบอกว่าจะหายาให้จิ่วหุนก็จากไปเลย ซ้ำยังบอกว่าอีกไม่กี่วันถึงจะกลับมา ไม่ให้คนติดตามนางไป…”
อวี้เหว่ยพยายามเล่าเรื่องก่อนเยี่ยเม่ยจากไป รวมถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เขาเองก็ไม่เข้าใจ ต่อให้แม่นางเยี่ยเม่ยต้องการทำธุระ ไฉนไม่บอกเตี้ยนเซี่ยสักคำแล้วค่อยไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนชะงักงัน
จ้องอวี้เหว่ย ค่อยๆ ถามว่า “นางไปแล้ว ทั้งไม่ให้คนมาบอกข้าด้วยหรือ”
“ใช่!” อวี้เหว่ยส่ายหน้าโดยพลัน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหน้าคล้ำ มองอวี้เหว่ยเอ่ยว่า “นางไปทางไหน”
“ไม่มีใครรู้ นางขี่ม้าออกนอกเมืองไปแล้ว ทั้งยังไม่อนุญาตให้ใครตามไป ท่านก็รู้นิสัยของนาง นางสั่งการเช่นนี้ ใครจะกล้าติดตามไป” อวี้เหว่ยเล่าไป ก็รู้สึกชวนปวดหัวอยู่บ้าง แม่นางเยี่ยเม่ยผู้นี้อยากออกไปข้างนอกสองสามวันก็ออกไป แต่อย่างน้อยก็สมควรบอกเตี้ยนเซี่ยสักคำหรือฝากคนมาบอกก็ได้
เห็นสีหน้าไม่น่ามองของเตี้ยนเซี่ย อวี้เหว่ยไม่ใช่คนโง่ รีบเสนอว่า “เตี้ยนเซี่ย หรือ…เพราะว่าแม่นางเยี่ยเม่ยรู้นิสัยของท่าน ท่านอาจจะขัดขวางนางเพราะเป็นเรื่องของจิ่วหุน ดังนั้นนางจึงจากไปโดยไม่บอกกล่าว”
อวี้เหว่ยคาดเดาเช่นนี้
ความจริงแล้วการคาดเดาเช่นนี้ อวี้เหว่ยรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มาก ที่สำคัญคือขอเพียงเตี้ยนเซี่ยเชื่อก็พอ ขอเพียงทำให้เตี้ยนเซี่ยสบายใจขึ้นมาบ้าง เช่นนั้นพวกเขาคนที่อยู่ข้างกายเตี้ยนเซี่ย สองสามวันนี้จะได้มีชีวิตอย่างไม่ยากลำบากมากนัก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงบใจลง ครุ่นคิดสักครู่ ในที่สุดก็ส่ายหน้า “หากบอกว่าเป็นสองสามวันก่อน นางจากไปโดยไม่ลาเพราะเรื่องนี้เยี่ยนยังเชื่อ แต่ว่าวันนี้เป็นไปไม่ได้!”
อย่างไรเสียไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้ พวกเขาสองคนตกลงกันแล้ว เรื่องของจิ่วหุนในภายหน้าเขาจะอดทน นี่เป็นเรื่องที่เขาเพิ่งสัญญาออกไป ดังนั้นนางต้องไม่กลัวเขาขัดขวางแล้วจากไปแน่
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองอวี้เหว่ย น้ำเสียงน่าฟังถามว่า “ก่อนนางออกไป นางไปพบใครมา”
“ซือหม่าหรุ่ย!” อวี้เหว่ยรีบตอบ ทั้งยังโน้มน้าวว่า “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยรู้สึกว่าไม่มีอะไรแน่ ท่านลองคิดดู พิษในกายของจิ่วหุนต้องการยาแก้ ซือหม่าหรุ่ยรู้ดีอยู่แล้ว เมื่อซือหม่าหรุ่ยคุยกับแม่นางเยี่ยเม่ยแล้ว นางก็จากไปทันที นั่นยังไม่ใช่เพราะไปตามหายาถอนพิษหรือ”
อวี้เหว่ยคิดว่า เรื่องนี้ว่าไปตามเหตุผลแล้วก็ยังพอไปได้
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็สงบลง
ผ่านไปสักพักใหญ่ เขานวดหว่างคิ้ว เอ่ยว่า “ไปตามซือหม่าหรุ่ยมา!”
“เอ๋?” อวี้เหว่ยไม่ค่อยเข้าใจ ในเมื่อเรื่องนี้ชัดเจนแล้ว ยังจะตามซือหม่าหรุ่ยมาเพื่ออะไร
เห็นสีหน้าอึ้งของอวี้เหว่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจึงเอ่ยตามตรงว่า “ไม่รู้เพราะอะไร เยี่ยนมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่าง!”
ความจริง ลางสังหรณ์ไม่ดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่นางถามคำถามไร้เหตุผลนั่นกับเขา หากมีวันหนึ่งที่ข้าจะสังหารท่าน ท่านจะทำอย่างไร
จากนั้นนางก็บอกว่าจะไปหา ซือหม่าหรุ่ย ไม่ให้เขาตามไป
จนถึงตอนนี้ นางจากไปโดยไม่ร่ำลา คล้ายเป็นสัญญาณบางอย่าง บางทีหากเขาไม่สามารถค้นพบปัญหาของเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว พวกเขาอาจจะค่อยๆ ห่างกันไป จนกระทั่ง…
เขาอาจสูญเสียนางไป
เมื่อคิดได้เช่นนี้ สายตาเขาก็เย็นเยือกก้มหน้ากวาดตามองอวี้เหว่ย สั่งเสียงเย็นชาว่า “รีบไป! ภายในชั่วเวลาน้ำเดือดข้าต้องการพบซือหม่าหรุ่ย!”
“ขอรับ!” อวี้เหว่ยไม่กล้าพูดมาก หมุนกายจากไปหาคนทันที
หัวใจเต้นระรัวราวลั่นกลอง หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไร เป็นเพราะเตี้ยนเซี่ยคิดมากไปเอง บางทีเขาก็ไม่กล้าคาดเดา ดูจากนิสัยของเตี้ยนเซี่ยจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
……
ราชสำนักเป่ยเฉิน วังหลวง
“ฝ่าบาท จวินซ่างมาถึงแล้ว!”