เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 274 ปัญหาที่ใช้มีดแก้ไขได้ พยายามอย่าใช้ปากแก้!
เวลานี้เป่ยเฉินอี้มาถึงอยู่ก่อนแล้ว
ซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนเห็นเป่ยเฉินอี้สีหน้าของทั้งสองก็ง้ำงอ ซือหม่าหรุ่ยชิงแค่นเสียงหึใส่คำหนึ่ง ประชดประชันว่า “ช่างมีบุญเหลือเกิน คนอย่างท่านสมควรตายไวหน่อยถึงจะถูก!”
พูดจบ นางก็หันไปมองการต่อสู้ด้านล่างกำแพงเมือง ไม่ปรายตามองเป่ยเฉินอี้อีกสักนิด
ชิงเกอพลันเกิดโทสะ คิดเข้าไปแตกหักกับซือหม่าหรุ่ย ตำหนิว่า “สตรีอย่างเจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือยังไง! ถึงได้กล้าลบหลู่ท่านอ๋อง!”
สิ้นเสียงชิงเกอ เป่ยเฉินอี้ยกมือขึ้นปรามให้ชิงเกอหยุดพูด
ชิงเกอสีหน้าเดือดดาล แต่ในที่สุดก็สะกดความโมโหไว้ได้ เขาเงียบลงไม่ส่งเสียงอีก ยืนอยู่ข้างกายเป่ยเฉินอี้
ซือหม่าหรุ่ยฟังคำพูดชิงเกอ ก็หัวเราะเย็นชา “ข้าไม่เคารพเขาแล้วจะทำไม เจ้าก็ให้เขาฆ่าข้าเลยซะสิ เหมือนที่ทำกับอาซีในปีนั้น!”
“เจ้า!” ชิงเกอโมโหเสียจนหน้าคล้ำ ติดที่มีคำสั่งของเป่ยเฉินอี้จึงไม่เอ่ยปาก
เป่ยเฉินอี้สีหน้าซีดเซียว เบือนหน้าหนีไม่มองซือหม่าหรุ่ย ทั้งยังไม่คิดต่อความกับนาง บางทีหากรู้แต่แรกว่าสตรีนางนี้จะมาปรากฏกายที่กำแพงเมือง เขาก็ไม่สมควรมา
ซือหม่าหรุ่ยเห็นว่าพวกเขาไม่มีท่าทีจะแตกหักกับตนก็หัวเราะเสียงเย็น ไม่ช้าก็เบือนหน้าไปไม่มองพวกเขาอีก
ซินเยว่เยี่ยนกลับมองชิงเกอที่กำลังเดือดจัด ประชดประชันว่า “สุนัขอาศัยบารมีนาย! ตอนนี้เจ้านายไม่คิดออกหน้า ตัวเจ้าเองก็เป็นแค่สุนัขดีแต่เห่า!”
“เจ้า!” ชิงเกอทนไม่ไหว มือเคลื่อนไปจับด้ามกระบี่
ซินเยว่เยี่ยนกลับกลอกตาใส่เขา หันกลับไปมองการต่อสู้ด้านล่างเช่นเดียวกับซือหม่าหรุ่ย
ซือหม่าหรุ่ยเกลียดเป่ยเฉินอี้มาก ส่วนซินเยว่เยี่ยนไม่เพียงเกลียดเป่ยเฉินอี้ ซ้ำยังเกลียดชิงเกอด้วย ครั้งก่อนเขารับคำสั่งให้สังหารนาง ยามนี้มีโอกาสปะทะคารมกับชิงเกอ นางย่อมไม่มีทางปล่อยให้หลุดไป
เป่ยเฉินอี้ในยามนี้กลับหันหน้ามองซินเยว่เยี่ยน ดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลง เตือนว่า “แม่นางซิน ข้าอดทนต่อซือหม่าหรุ่ยได้ เพราะนางคือสหายของอาซี แต่เจ้าหาใช่สหายของอาซีไม่!”
เมื่อเอ่ยออกมาเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าจะลงมือแล้ว
ซือหม่าหรุ่ยพลันหันหน้ามองเป่ยเฉินอี้ทีหนึ่ง หัวเราะเสียงเย็น “ใครใช้ให้ท่านเห็นแก่หน้าอาซีถึงไว้ไมตรีกับข้ากัน แน่จริงท่านก็มาฆ่าข้าสิ! หากท่านใส่ใจอาซีเช่นนั้นจริงๆ ท่านจะทำให้นางรวมถึงเสด็จพ่อเสด็จแม่ของนางตายด้วยเงื้อมมือตัวเองหรือ อย่าได้วางท่าเสแสร้งหน่อยเลย ข้าเห็นแล้วคลื่นไส้นัก!”
“ซือหม่าหรุ่ย ปีนั้นท่านอ๋องหาใช่ไม่คิดช่วยนาง เพียงแต่…” ชิงเกอโพล่งคำพูดออกมาช่วยแก้ต่างให้เป่ยเฉินอี้อย่างอดไม่ไหว
ซือหม่าหรุ่ยกลับแค่นเสียงเย็น เย้ยหยันว่า “คิดแล้วเป็นอย่างไรหรือ ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว อยากพูดอะไรก็อยู่ที่ความพอใจของพวกเจ้า!”
ชิงเกอโมโหแล้ว ตวาดว่า “สตรีอย่างเจ้าช่างไร้เหตุผลนัก!”
เมื่อเอ่ยจบ ชิงเกอแอบพูดกับตัวเองเงียบๆ บุรุษที่ดีไม่ปะทะกับสตรี เขาก็รีบขยับไปยืนอีกด้าน ไม่สนใจคำพูดของสตรีทั้งสองอีก เขาทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
กันไม่ให้ตัวเองโมโหแล้วยังเถียงไม่ได้ ทั้งยังพานทำให้ท่านอ๋องถูกด่าว่าไปด้วย
ซือหม่าหรุ่ยยิ้มเย็น “ไม่มีเหตุผลก็ยังดีกว่าไม่มีความเป็นคน!”
พูดจบ นางก็ไม่สนใจคนทั้งสองอีกแล้ว สายตาถูกการต่อสู้เบื้องล่างดึงดูดไป
ยามกำลังภายในสองสายปะทะกัน แสงสว่างร้อนระอุสาดไปทั่ว
สีหน้าของเป่ยเฉินอี้ไม่น่าดูชม เพียงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถกเกียงกับซือหม่าหรุ่ย ทั้งไม่มีใจต่อล้อต่อเถียงกับนาง หันกลับไปดูการต่อสู้ต่อ!
แต่เสี้ยวเวลาที่เขาเบือนหน้าไปนั้น เขาเห็นจิ่วหุน
จิ่วหุนในยามนี้ก็เห็นเป่ยเฉินอี้ แววตาแผ่ไอสังหารออกมา
จงรั่วปิงเล่าเรื่องที่เขาถูกลอบสังหารที่ชายแดนให้ฟังจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งยังรวมถึงเรื่องที่เป่ยเฉินอี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เป่ยเฉินอี้ย่อมไม่อาจละเลยจิตสังหารของจิ่วหุน
เขากลับไม่ใส่ใจ หรี่ตาลง เอ่ยเสียงเข้มว่า “ในเมื่อพิษในร่างข้ายังขจัดไม่หมด ทั้งยังต้องไอเย็น แต่ร่างกายของเจ้าก็กำลังฟื้นฟู ทว่ายังไม่หายดี คิดประมือกับข้า เจ้าก็ไม่แน่ว่าจะชนะ!”
“ลองดูก็รู้เอง”
ระหว่างพูดจิ่วหุนชักกระบี่ออก
การปะทะคารมเมื่อครู่ ซือหม่าหรุ่ยและซินเยว่เยี่ยนเพิ่งอัดเป่ยเฉินอี้สองนายบ่าวไปยกหนึ่ง ยามนี้ใช้สายตาเลื่อมใสมองจิ่วหุน
ใช้ได้เลย เจ้าเด็กจิ่วหุนยอดเยี่ยมนัก
อะไรขัดลูกตาก็ชักดาบฟาดฟัน ไม่ต้องพูดพร่ำมากความ ปัญหาที่แก้ไขได้ด้วยกำลังก็ไม่พูดมาก ใช้ได้ ใช้ได้! มิน่าในชายแดนนี้มีสตรีจำนวนไม่น้อยที่หลงชอบเขา
ซือหม่าหรุ่ยคิด หากมิใช่นางมีเซียวชินอยู่ในใจแล้ว ทั้งยังมีอายุมากกว่าจิ่วหุนไม่มากนักแบบซินเยว่เยี่ยน อาศัยเพียงนิสัยของเขาเช่นนี้ ไม่แน่ว่าพวกนางอาจชอบเขาก็ได้
คำพูดของจิ่วหุน หาได้อยู่เหนือความคาดหมายเป่ยเฉินอี้ นิสัยของนักฆ่าอันดับหนึ่ง เขาเคยได้ยินมาบ้าง
แต่ว่าก็เหมือนกับที่เขาเอ่ย หากต่อสู้กันขึ้นมา ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่ ดังนั้นเขาไม่ใส่ใจ
เรียวนิ้วยาวของ เป่ยเฉินอี้ดึงผ้าคลุมที่บ่าออกโยนให้ชิงเกอ ดวงตาหงส์กวาดมองจิ่วหุน เอ่ยเสียงขรึมว่า “ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้า อย่างนั้นข้าก็จะน้อมรับไว้!”
เหล่าทหารบนกำแพงเมือง “…”
ความจริงพวกเขาชมความสนุกมาตั้งนานแล้ว เห็นอี้อ๋องที่คนทั่วไปต่างไม่กล้าหาเรื่อง ถูกซือหม่าหรุ่ยแดกดันอยู่นาน ที่น่าแปลกใจคืออี้อ๋องยังทนอยู่ได้
เรื่องนี้ก็ช่างเถอะ แต่ว่าคุณชายเสี่ยวจิ่ว…ไม่สิ จิ่วหุนยังคิดต่อยตีกับอี้อ๋องอีก
ความจริงจิ่วหุนต่อยตีกับผู้อื่นหาใช่ครั้งแรก ครั้งก่อนก็เคยลงมือกับองค์ชายสี่ แต่ว่า…แต่ว่า…พวกเขาคิดจะต่อยตีกันยามนี้เลยหรือ
องค์ชายสี่กับกูเยว่อู๋เหินต่อยตีกันด้านล่าง พวกเขาก็ต่อยตีกันบนกำแพงเมือง คราวนี้ทุกคนพากันหวาดหวั่น เพราะไม่รู้ว่าจะชมความสนุกด้านบนหรือด้านล่างดี คนทั้งหมดมุ่นคิ้วแน่น ค้นพบแล้วสมัยนี้คิดจะชมความสนุกยังต้องลังเล
ชิงเกอรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง ท่านอ๋องปะทะกับจิ่วหุน ไม่มีทางแพ้ อีกทั้งหลายวันมานี้ จิ่วหุนบาดเจ็บไม่เบา ความจริงท่านอ๋องมีโอกาสชนะอยู่มาก แต่ว่าหากเดินลมปราณ พิษในร่างก็จะยากกำจัดออกไป
แต่สถานการณ์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา
เป่ยเฉินอี้ยกมือขึ้น พายุสีดำโหมกระหน่ำมาจากทั้งสี่ทิศ ดาบในมือจิ่วหุนทอรัศมีขาวโพลน เป็นปราณพลังของยอดฝีมือแห่งยุค
ถัดมา
ดาบของจิ่วหุนฟันใส่เป่ยเฉินอี้!
เป่ยเฉินอี้รีบออกมือ ปราณสีดำพุ่งใส่ไปทางจิ่วหุน ทั้งป้องกันและโจมตีออกพร้อมกัน!
ซือหม่าหรุ่ยรู้สึกว่า จิ่วหุนแข็งแกร่งมาก นางทั้งเลื่อมใสทั้งชื่นชม แต่ในใจก็กังวล อย่างไรเสียนางก็เข้าใจสภาพรางกายจิ่วหุนดี จะบาดเจ็บภายใต้น้ำมือเป่ยเฉินอี้หรือไม่ก็ยังไม่แน่
ที่ชายแดนคึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง บุรุษรูปงามสองกลุ่มต่อตีกัน
ส่วนเยี่ยเม่ยที่อยู่บริเวณแม่น้ำหมิงในยามนี้ ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยสักน้อย