เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 275 ตระกูลเป่ยเฉิน นางจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!
ริมแม่น้ำหมิง
ตกเย็นในวันตงจื่อ
คนจำนวนไม่น้อยสวมเสื้อผ้าสีหม่นเดินทางมาถึงริมน้ำ ทำการเซ่นไหว้ญาติที่เสียชีวิตไปเพราะสงครามเมื่อสี่ปีก่อน
สายลับของเป่ยเฉินอี้มองผู้คนที่ไปๆ มาๆ เหล่านี้ ยิ่งไม่อาจคลายใจ
ทันทีที่มีคนผู้หนึ่งปรากฏกายพวกเขาก็ตั้งอกตั้งใจประเมิน มองภาพเหมือนเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายคือ เยี่ยเม่ยหรือไม่
ในเวลานี้เอง
แม่เฒ่าหลังค่อมผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น นางเดินเชื่องช้า สวมชุดสีเทาหม่นเนื้อผ้าหยาบ มองปราดเดียวก็พบว่าเป็นหญิงชราที่แต่งงานแล้ว
ใบหน้านางยังมีรอยปาน กินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของใบหน้า
สายลับกวาดสายตามองนาง จากนั้นก็ถอนกลับอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือเยี่ยเม่ย! นางฉวยโอกาสเวลานี้ปรากฏตัว ผู้คนมากมายวุ่นวาย สายลับย่อมเพิ่มความระวัง ถึงแม้พวกเขาจะเพิ่มความรอบคอบขึ้นเพราะเหตุนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วสมาธิก็ต้องแบ่งแยกออกอยู่ดี
ด้วยความสามารถในการแปลงกายของนาง เยี่ยเม่ยเชื่อว่าไม่มีใครจดจำนางได้
มือนางถือตะกร้าใบหนึ่ง ด้านในบรรจุของที่ใช้สำหรับเซ่นไหว้ ฝีเท้าเชื่องช้าเดินไปถึงริมแม่น้ำหมิง ในใจพลันเย็นวาบขึ้นมา
เป่ยเฉินอี้คนเดียว ทำร้ายนางถึงขั้นนี้ยังไม่พอ ยามนี้นางยังต้องเดินแผนการไปทีละขั้น นางสมควรยินดีที่คู่มือของตนมีความสามารถเข้มแข็ง หรือว่าชิงชังที่เขาไม่ตายไวดี
นางเดินทีละก้าวๆ มุ่งไปที่ริมแม่น้ำหมิง
เดินไปได้ห้าสิบเมตร ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าใกล้แม่น้ำมากขึ้นทุกที ความรู้สึกคุ้นเคยสายหนึ่งก่อเกิดขึ้น เบื้องหน้าพลันปรากฏภาพเหตุการณ์ต่างๆ ไหลทะลักเข้ามาในสมอง
ไฟไหม้ หนีตาย ชาวเมือง
สายตาที่ตำหนิโทษนาง สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาให้อภัย
ภาพแต่ละภาพฉายอยู่ในตาเยี่ยเม่ย กดดันจนนางหายใจไม่ออก
นางเดินก้าวไปด้านหน้า
ฝีเท้าพลันชะงัก จ้องมองพื้นที่ตรงหน้า ในสถานที่นี้เอง…นางเห็นเด็กชายอายุราวสามขวบอยู่ตรงนี้ ถูกธนูยิงตาย ไม่ว่านางจะโน้มน้าวอย่างไร แม่ของเด็กชายก็ไม่ยอมจากไป กอดศพลูกชายร่ำไห้อย่างเจ็บปวด สุดท้ายถูกธนูยิงตายอยู่ที่นี่
ก่อนหญิงนางนั้นจะตายใช้สายตาดุร้ายจ้องมองนาง มุมปากมีเลือดทะลัก กัดฟันเอ่ยว่า “จงเจิ้งซี หากเจ้าไม่ทำลายราชสำนักเป่ยเฉิน สังหารคนของเป่ยเฉินแก้แค้นให้พวกเรา พวกเราแม่ลูกต่อให้เป็นผีก็จะไม่อภัยให้เจ้า!”
เป็นผีก็ไม่อภัยให้เจ้า!
เยี่ยเม่ยกำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว ความเคียดแค้นในใจรุนแรงกว่าสตรีนางนั้นเสียอีก นางแค้นเป่ยเฉินอี้ แค้นราชสำนักเป่ยเฉิน ทั้งแค้นตัวเอง
พวกเขาล้วนเป็นประชาชนของนาง แต่กลับตายเพราะนาง!
ทำลายราชสำนักเป่ยเฉิน ฆ่าล้างตระกูลเป่ยเฉิน?
นางกัดฟันแน่น หลับตาลง เก็บงำน้ำตาเอ่อล้นที่จวนเจียนจะไหลออกมา จากนั้นเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นความนิ่งสงบ นางทำได้!
ตระกูลเป่ยเฉิน ราชสำนักเป่ยเฉิน นางไม่มีทางปล่อยไปแน่
เยี่ยเม่ยรู้ว่าตนไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่นาน จะดึงความสนใจของพวกสายลับ นางจึงรีบเดินไปยังริมแม่น้ำต่อ
ไม่ช้า
นางก็เห็นหินก้อนยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำ ในเสี้ยววินาทีนั้น เยี่ยเม่ยสีหน้าว่างเปล่า บรรยากาศรอบด้านสงบลง นางถึงกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจของตนเอง ความเจ็บปวดแล่นขึ้นที่หน้าอก คล้ายถูกของมีคมแทงเข้าที่หัวใจ
นางกุมหน้าอกอย่างไม่ตั้งใจ
ก้อนหินยักษ์นั้น…
ในความหวาดกลัว นางเห็นตนเองเมื่อสี่ปีก่อน ยืนบนก้อนหินยักษ์นั้น สั่งการให้คนขึ้นเรือ
และนางที่ยืนบนก้อนหินยักษ์นั้นก็ถูกยิงด้วยธนูทะลุหน้าอก ตกลงในแม่น้ำหมิง เลือดบดบังการมองเห็นของนาง คล้ายนางจะได้ยินเสียงแหบพร่าของตนเองกำชับซือหม่าหรุ่ยทั้งน้ำตาให้ปกป้องชาวบ้านให้ดี…
ยามนี้ นางรู้สึกเจ็บที่ลำคอ
ยังมี
ยังมีอะไรอีก
นางหลับตาลงทันที จากความเจ็บปวดที่อกคล้ายเห็นตัวเองเมื่อสี่ปีก่อน ยืนอยู่ใต้ต้นท้อในที่ตั้งเดิมของวังราชสำนักจงเจิ้ง เป่ยเฉินอี้มอบหน้ากากผีให้นาง
นางถือหน้ากากด้วยความเปรมปรีดิ์ เมื่อกลับห้องตน นำมันเก็บไว้ในช่องลับใต้เตียงอย่างระวัง
นางเห็น…
นางยืนอยู่หน้าประตูห้องเสด็จพ่อ แอบฟังว่าเป่ยเฉินอี้ลอบออกจากวัง เสด็จพ่อปรึกษากับคนว่าจะกำจัดเขาทิ้ง นางรีบร้อนแล่นเข้าไปคุกเข่าเบื้องหน้าเสด็จพ่อ พยายามแก้ต่างให้เป่ยเฉินอี้อย่างสุดความสามารถ
…
ความทรงจำค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ความเจ็บแค้นในปีนั้นก็ยิ่งชัดเจนอยู่ในอก
ในที่สุดก็จำได้แล้ว คำสาบานที่ปรากฏในความฝันจำนวนนับไม่ถ้วน นั่นคือเสียงสะอื้นสาปแช่งหลังจากที่นางตกลงไปในแม่น้ำหมิง “เทพแห่งสงครามคุ้มครอง แม่น้ำหมิงไม่เหือดแห้ง เถ้ากระดูกกองสูงตระหง่านยาวพันลี้! “
“เทพสงครามคุ้มครอง ปกป้องราษฎร ให้พ้นเภทภัย”
“เทพสงครามคุ้มครอง หากข้ามิตาย หนี้เลือดนี้ต้องให้ตระกูลเป่ยเฉินชำระด้วยเลือด”
หนี้เลือดนี้ต้องให้ตระกูลเป่ยเฉินชำระด้วยเลือด!
มุมปากนางเผยรอยยิ้มเย็นชา เดินไปอีกก้าวหนึ่ง มุ่งตรงไปที่ริมน้ำ ทำเป็นเพียงแม่เฒ่าผู้หนึ่งเดินทางมาเซ่นไหว้ญาติมิตร นางเผาของเซ่นไหว้ในตะกร้าจนหมด ทั้งเลียนแบบผู้อื่นทิ้งขี้เถ้าลงในแม่น้ำหมิง
เซ่นไหว้
เซ่นไหว้จงเจิ้งซีที่ตายให้กับความไร้เดียงสาและเมตตา
หรือว่า…
เป็นหลักฐานว่าเยี่ยเม่ยฟื้นกลับมาอีกครั้ง
ในเมื่อสวรรค์มีตา ให้นางปีนขึ้นมาจากขุมนรก ทำให้นางจำเรื่องพวกนี้ได้…อย่างนั้น นางไม่มีทางผิดต่อชีวิตที่เก็บกลับมาได้ในครั้งนี้แน่ ทั้งนางยังต้องทำตามคำสาบาน ‘ก่อนตาย’ ของตนด้วย!
กระดาษเซ่นไหว้มอดไหม้หมดแล้ว
นางลุกขึ้นเดินจากไปด้วยท่าทางของแม่เฒ่า ค่อยๆ เดินจากไป
ยังมีคนจำนวนมากเข้ามาเซ่นไหว้อยู่ไม่ขาดสาย อายุของเยี่ยเม่ยไม่ถูกต้อง รูปโฉมก็ไม่ถูกต้อง จนถึงการปลอมตัวอย่างตั้งใจ แม้แต่รูปร่างก็ไม่ตรงคนที่ต้องตามหา จึงไม่อาจดึงดูดสายตาความสนใจของพวกสายลับได้
เยี่ยเม่ยยังคงรักษาท่าทีของคนแก่ไว้ หลังจากเดินห่างไปไกล ถึงหาที่ลับเอาชุดที่ตนซ่อนไว้ออกมาเปลี่ยนกลับ
หลังจากนางสวมชุดที่อยู่ในห่อสัมภาระแล้ว นางก็พบของสิ่งหนึ่งด้านใน
ป้ายหยกครึ่งแผ่น
ป้ายหยกที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมอบให้นาง
บนป้ายหยกสลักฐานะองค์ชายสี่ของเขาไว้ ทั้งยังเป็นหยกหมั้นหมายของพวกเขา นางจ้องแผ่นหยกอยู่สักพัก ในที่สุดมุมปากก็ยกเย้ยหยัน
นางหยิบป้ายหยกขึ้นมา บีบอย่างแรง นางฝึกเคล็ดวิชาเสี่ยวเถียนไช่ไปได้สามส่วนแล้ว
หากคิดบีบป้ายนี้ให้แหลกเป็นผุยผงกลับไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ว่า ชั่วขณะที่หยกครึ่งแผ่นนี้กำลังจะแหลกในมือ นางกลับคลายมือออก เหงื่อผุดไหลอยู่ในฝ่ามือ หัวใจนางเกิดการต่อสู้อย่างถึงขีดสุด
ในที่สุดนางก็ยิ้มเย็นชา ไม่บีบมันอีก ทว่า…เก็บเข้าสู่ชายแขนเสื้อ
นางกับเขา
ตั้งแต่ต้นจนจบก็เป็นแค่ศัตรูเท่านั้น !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็พลิกกายขึ้นหลังม้า ทะยานกลับชายแดน ในเมื่อจะแก้แค้น เช่นนั้น…นางย่อมไม่อาจปล่อยอำนาจทางทหารชายแดนในมือทิ้งไป ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยซ้ำยังต้องหยิบยืมอำนาจทหารในมือเป็นกุญแจในการเปิดประตูสู่อำนาจของราชสำนักเป่ยเฉินด้วย
จากนั้นก็ใช้อำนาจที่ตระกูลเป่ยเฉินมอบให้นาง ส่งพวกเขาไปสู่ความตายให้หมด !