เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 285 เขาถึงเป็นกระต่ายบ้าน ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคือกระต่ายป่า
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1]
- ตอนที่ 285 เขาถึงเป็นกระต่ายบ้าน ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคือกระต่ายป่า
รองแม่ทัพกุมหน้า น้ำตาไหลเป็นสองสาย “ข้าน้อยก็สงสัยเช่นกัน!”
สิ่งที่เกิดขึ้นต่างจากความคิดของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาสนทนากันเสียงไม่เบามาก ดังนั้นพวกเซียวเยว่ชิงล้วนได้ยินชัดเจน
ความจริง พวกเขาเข้าใจจิตใจของศัตรูมาก
ในความเป็นจริงแล้วก่อนหน้านี้พักใหญ่ สถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างที่สายของอีกฝ่ายรายงาน ใครจะคิดว่า เพียงแม่นางเยี่ยเม่ยกลับมา สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรไปหมด
เห็นทหารศัตรูมีหน้าตาอึ้งทึ่ง เหล่าทหารของเป่ยเฉินก็นึกภาพออก เวลาเพียงชั่วน้ำชาเดือดก่อนหน้านี้ ทหารศัตรูท่าทางดุดัน ส่วนใบหน้าอึ้งทึ่งเป็นของฝ่ายพวกเขา
พวกเขาอยากบอกออกไปในวินาทีแรกว่า สายน้ำหมุนเวียนเปลี่ยนผัน ชีวิตคนขึ้นสูงตกลงต่ำ ก็เป็นเช่นนี้เอง!
รองแม่ทัพน้ำตาไหลนองเป็นสองสาย มองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ “คือว่า ท่านแม่ทัพ พวกเรายังจะสู้หรือไม่ พวกเรายังจะบุกต่อไหม”
เขาหันกลับมองบรรดาทหารสีหน้าอึ้งทึ่งด้านหลัง เพียงรู้สึกว่าหากยังบุกโจมตีต่อไป ผลของศึกนี้คงอนาถเหลือเกิน!
“ยังจะบุกอะไรอีกเล่า!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หาได้โง่เง่า บุกโจมตีในเวลานี้เผชิญกับนายทัพร้ายกาจจำนวนมากที่เขาเอาชนะไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เยี่ยเม่ย จิ่วหุน และกูเยว่อู๋เหิน ซ้ำยังมีเป่ยเฉินอี้ที่คนใต้หล้าได้ยินชื่อก็สัมผัสได้ถึงความอัปมงคลแล้ว
ยามนี้นำทัพบุกเข้าไป ยังไม่ใช่รนหาที่ตายอีกหรือ
เขาไม่พูดจามากความอีก โบกมือทีหนึ่ง รองแม่ทัพเข้าใจทันที รีบสั่งให้คนผิวปากเป็นสัญญาณถอยทัพ ทหารต้ามั่วทั้งหมดรีบแหวกทางให้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่และรองแม่ทัพผ่าน จากนั้นพากันกลับหัวม้าวิ่งออกไป
พวกเขากระทำด้วยความว่องไว ปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดภายในเสี้ยวเวลาสั้นๆ
คนต้ามั่วสาบานว่า ชั่วชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยหนีเอาชีวิตรอดด้วยท่าทางรวดเร็วรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ทหารต้ามั่วมีชื่อเสียงด้านความกล้าหาญ นี่ก็นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของพวกเขาที่ยังไม่ทันเปิดศึก ก็แตกตื่นเสียจนปัสสาวะแทบราด ติดตามแม่ทัพเผ่นหนี
เห็นอีกฝ่ายหนีอย่างรวดเร็ว เหล่าทหารเป่ยเฉินก็ตาค้าง พวกเขาปะทะกับต้ามั่วมานานหลายปีแล้ว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เห็นอีกฝ่ายหนีเอาชีวิตรอดด้วยความว่องไวอย่างพร้อมเพรียง
เยี่ยเม่ยไม่พูดพร่ำ สั่งการคำเดียว “ตาม!”
เห็นได้ชัดเจนว่า เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่นำทัพมาเพราะหลงคิดว่าพวกเขาเป็นมังกรไร้หัว เยี่ยเม่ยก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายกระจ่างแจ้ง ตั้งแต่เห็นสีหน้าพวกเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ที่เห็นคนฝั่งตน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมไม่มีการดักซุ่มโจมตี ดังนั้นยามนี้ไม่ไล่ตาม แล้วจะรอถึงเมื่อใดเล่า
นางสั่งการออกไป พลางนำทัพใหญ่ไล่ล่าทหารต้ามั่วทันที เยี่ยเม่ยแผดเสียงขึ้นว่า “ปล่อยธนู!”
สิ้นเสียง เหล่าทหารม้าทางหนึ่งไล่ติดตาม อีกทางหนึ่งก็ยิงธนูสังหารเหล่าทหารที่อยู่รั้งท้ายของต้ามั่ว
คนจำนวนไม่น้อยถูกธนูแทงทะลุร่วงลงจากม้า
เยี่ยเม่ยตาไม่กะพริบเลยสักน้อย นำคนทั้งหมดไล่เข่นฆ่า เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเซียวเยว่ชิง ยื่นมือออกไป “ส่งมา!”
เซียวเยว่ชิงชะงักเล็กน้อย เห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับจ้องธนูในมือเขา ก็เข้าใจทันที ยื่นคันธนูในมือให้องค์ชายสี่
หลังจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนรับไปแล้ว ก็เล็งที่กลุ่มทหารต้ามั่ว
ถ้าพูดให้ชัดเจนคือ เขาเล็งเป้าไปที่หัวใจของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ !
ธนูที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิงออกไปดอกนี้ คล้ายกระบี่แหวกผ่านอากาศ ทำให้คนทั้งหมดเหลือบเห็นเป็นกระบี่เล่มหนึ่งทะลุผ่านร่างของคนรั้งท้ายขบวนต้ามั่ว คนผู้นั้นล้มลง ทว่าลูกธนูยังไม่หยุดยั้ง ทะลุผ่านคนที่สองและสามไป
คนที่สี่ คนที่ห้า…
ลูกธนูนั้นคล้ายมีเชือกยาวร้อยเป็นสาย พุ่งไปทางเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังแม่ทัพเฮ่อเหลียนต่างถูกธนูลูกนั้นเสียบทะลุคร่าชีวิต
กำลังภายในแข็งแกร่งควบคุมลูกธนูยิงออกไปร้ายแรงมากพอที่จะทำให้คนแตกตื่น
ในขณะที่ธนูกำลังจะพุ่งไปทะลุร่างทหารคนสุดท้ายก่อนถึงตัวเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ลูกธนูเตรียมจะพุ่งใส่ตำแหน่งหัวใจจากด้านหลังของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ รองแม่ทัพที่อยู่ข้างกายเขาหันหน้าเห็น ตวาดเสียงก้องว่า “ท่านแม่ทัพระวัง!”
ระหว่างที่เอ่ยก็ดึงเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มาทางตนเองอย่างเต็มแรง
จากการดึงครั้งนี้
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หลบภัยคร่าชีวิตได้สำเร็จ แต่ลูกธนูยังแทงทะลุไหล่เขาไป! เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งไม่กล้าหันกลับไปมอง รีบควบม้านำทัพหนี
ลูกธนูเดียวทะลุผ่านร่างทหารนับร้อย ทั้งยังสร้างความบาดเจ็บให้เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ได้สำเร็จ หากไม่ใช่เพราะรองแม่ทัพของเขามีปฏิกิริยาตอบสนองไว แม่ทัพผู้เลื่องชื่อนายนี้ คงต้องจบชีวิตภายใต้ลูกธนูของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในวันนี้อย่างแน่แท้
ความสามารถเช่นนี้ทำเอาเหล่าทหารเป่ยเฉินรู้สึกเลื่อมใส ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัว
พูดตามตรงแล้ว ความสามารถขององค์ชายสี่ ขอเพียงวันใดวันหนึ่งที่นายท่านยินยอมทำเรื่องที่สมควร ช่วยเหลือราชสำนักบ้าง พวกเขาเชื่อว่าภายในเวลาไม่นาน อย่าว่าแต่พวกต้ามั่วเลย แม้กระทั่งพวกหนานเจียงกลุ่มนั้นก็คงคุกเข่าสยบในเร็ววัน
จากนั้น…
องค์ชายสี่หาได้ใส่ใจเรื่องต้ามั่วพวกนี้ หากมิใช่เพราะแม่นางเยี่ยเม่ยเอ่ยปาก วันนี้พวกเขาคงไม่ได้ชมธนูดอกนี้ เมื่อคิดถึงจุดนี้ สายตาเฝ้ารอคอยของคนทั้งหมดก็มองไปที่เยี่ยเม่ย
ในใจทุกคนคิดว่า ขอเพียงมีแม่นางเยี่ยเม่ยอยู่ ต่อให้องค์ชายสี่ไม่กลับตัวกลับใจ เพียงช่วยลงมือบ้างเป็นครั้งคราว ก็นับว่าช่วยเหลือได้มากแล้ว
เยี่ยเม่ยเผชิญกับสายตาเคารพนับถือและเต็มไปด้วยความเฝ้ารอของคนทั้งหมดอย่างน่าแปลกประหลาดอีกครั้ง
ส่วนความจริงธนูดอกนั้นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยู่เหนือคำอธิบายในด้านฟิสิกส์ไปแล้ว สามารถสร้างพลังทำลายล้างรุนแรงเช่นนั้น ก็มากพอทำให้เยี่ยเม่ยเข้าใจความร้ายกาจของกำลังภายในมากขึ้นอีก
จากนั้นสายตาของนางยังคงไม่มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน คล้ายกับคนผู้นี้คืออากาศธาตุ ไม่ดำรงอยู่ ราวกับไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรก็ไม่อาจดึงความสนใจของนางได้ทั้งนั้น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นความเมินเฉยและความมองข้ามของนางอย่างชัดเจนในสายตา
ถึงเขาจะไม่ใส่ใจว่า นางจะใช้สายตาชื่นชมมองเขาเพราะธนูดอกนั้นหรือไม่ แต่สิ่งที่เขากำลังใส่ใจคือ นับตั้งแต่นางกลับมาจนถึงตอนนี้ นางยังไม่ชายตาแลเขาเลย
สิ่งนี้ทำให้เขารีบครุ่นคิด การเดินทางของนางครั้งนี้ไปที่ใดกันแน่ ซ้ำพบกับอะไรแล้ว
หลังจากกลับมานางถึงได้มีท่าทางเย็นชาต่อเขา ทั้งๆ ก่อนที่นางจะจากไปยังอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเชื่อฟัง บอกว่ายินยอมเข้าใจความรู้ของเขา แต่ยามนี้…
บรรยากาศระหว่างพวกเขาผิดแปลกไป จิ่วหุนและกูเยว่อู๋เหินย่อมรู้สึกได้
แต่พวกเขายินดีที่ได้เห็น
อีกทั้งจิ่วหุนยังแสดงออกว่า เขารู้สึกยินดีในความทุกข์ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ได้เห็นอีกฝ่ายไม่ได้รับความโปรดปรานอีก เขาดีใจเหลือเกิน เดิมทีเขาถึงเป็นกระต่ายบ้านของเยี่ยเม่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็แค่กระต่ายป่า ถูกทอดทิ้งเร็วหน่อยก็ไม่แปลก แต่เพราะอะไรถึงต้องเป็นกระต่าย จิ่วหุนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน