เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 292 เยี่ยเม่ย ข้าจะรอเจ้ากลับมา!
เมื่อมีดเสียบแทงผ่านเข้าร่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เยี่ยเม่ยก็ชะงักงัน นางคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่ยอมหลบ
มีดสั้นแทงเข้าไปไม่ถึงครึ่งชุ่น เลือดก็ไหลออกมาทำให้ชุดสีแดงของเขาเปียกชื้น นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หลบ เช่นเดียวกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่คิดไม่ถึงว่านางจะใช้มีดแทงหัวใจเขา
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ นัยน์ตาร้ายกาจของเขามองนางตรงหน้า เส้นเสียงแหบพร่า “เจ้ารังเกียจข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
กระบอกตาของเขายังแดงรื้น ราวกับว่าเสี้ยววินาทีถัดไปน้ำตาจวนเจียนจะไหลลงมา
เยี่ยเม่ยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของเขา มองบาดแผลที่เลือดไหลของเขา ไม่ใช่นางไม่เจ็บใจ สุดท้ายแล้วยังกัดฟันเอ่ย “ใช่ ข้าเกลียดท่านเช่นนี้! หากยังอยู่กับท่านมากขึ้นอีกสักนาที ข้ารู้สึกขยะแขยง พูดกับท่านมากอีกประโยคหนึ่ง ข้ารู้สึกอึดอัด หากมิใช่เพราะสังหารท่านแล้ว ทำให้เหล่าทหารชายแดนกลายเป็นศัตรูกับข้า ท่านคิดว่ามีดนี้จะหยุดอยู่แค่ครึ่งชุ่นหรือไง”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ นางรู้สึกว่ายังไม่มากพอ จึงกล่าวต่อไปว่า “ท่านว่ามาเถอะ ทำอย่างไรท่านถึงยอมปล่อยมือ จะให้ข้าฆ่าตัวตายแล้วถึงจะยอมเลิกราหรือเปล่า พูดตามตรง ข้ายินยอมฆ่าตัวตาย ข้าไม่อยากอยู่กับผู้ชายที่ไร้ศักดิ์ศรี ต้อยต่ำจนไม่อาจสู้ได้แม้แต่สุนัข!”
สายตาเขาทอประกาย ฟังคำพูดนางแต่ละคำเอ่ยออกมาอย่างไร้เยื่อใย เห็นความเด็ดเดี่ยวจากเบื้องลึกในตานาง สุดท้าย…
เขาก็ปล่อยมือที่พันธนาการรั้งมือนางไว้ออก
เสี้ยวเวลานี้ หัวใจที่หดเกร็งของเยี่ยเม่ยก็ค่อยคลายลง โชคดีที่เขายอมปล่อยมือ ทว่าก็คล้ายจะร้องไห้ออกมา
นางมองมีดสั้นที่ปักอยู่บริเวณอกเขา ขบฟันแน่นออกแรงดึงมันออกมา
เลือดกระเซ็นใส่หน้านาง ทว่าต่อหน้าเขา นางกลับทำเหมือนเป็นของสกปรกรีบเช็ดออกจนสะอาดทันที
ถัดมา นางเตือนเขาประโยคหนึ่งว่า “จำไว้ ภายหน้าอย่าคิดเป็นศัตรูกับข้า เชื่อว่าวันนี้ท่านคงเห็นแล้วว่าข้าไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”
สิ้นเสียง เยี่ยเม่ยก็เดินจากไป
เสี้ยวนาทีที่นางดึงมีดออก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกุมอกที่เลือดไหล ทว่ารู้สึกว่าบาดแผลที่ร่างกายยังไม่เจ็บเท่ากับบาดแผลที่ใจ
เขาไม่รู้ว่า
เสี้ยววินาทีที่เยี่ยเม่ยหมุนกายจากไป สุดท้ายนางก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองได้อีก ปล่อยน้ำตาไหลพรากลงมา เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางรับรู้ว่า ที่แท้คำพูดของตนเองสามารถทิ่มแทงผู้อื่น ในขณะเดียวกันก็ทำร้ายตัวเองด้วย
หลังจากเดินออกไปได้สามก้าว
ในที่สุด นางก็ได้ยินเสียงน่าฟังทว่าแหบพร่าของเขาอีกครั้ง
เขาเอ่ยเสียเบาว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าจะกลับมาหรือไม่”
นางพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดเสียดแทงขึ้นฝ่าเท้า ทำให้นางไม่อาจเดินหน้าต่อไป เจ้ายังจะกลับมาไหม นางพูดถึงขั้นนี้แล้ว นางทำร้ายเขาขนาดนี้แล้ว เขาถึงกับเฝ้ารอให้นางกลับไปอีกหรือ
เยี่ยเม่ยได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของตัวเอง เอ่ยออกไปทีละคำๆ “ไม่มีทาง ไม่กลับไปอีกแล้ว”
“ข้าจะรอเจ้า!” เขาพูดเองเออเอง มองแผ่นหลังของนาง กระบอกตาแดงรื้นขึ้น เอ่ยเบาๆ “ไม่ว่าเจ้าจะไปไกลแค่ไหน ข้าจะรอเจ้าหันกลับมา เยี่ยเม่ย…ต่อให้เจ้าเกลียดข้า ต่อให้เจ้ารู้สึกว่าข้าไร้ศักดิ์ศรี ต่อให้ในสายตาเจ้าข้าไม่อาจเทียบได้แม้แต่สุนัข ต่อให้เจ้าดูแคลนข้า…ข้าก็จะรอเจ้า”
นางบอกว่า นางยอมตายก็ไม่อยากอยู่กับเขาต่อไป
นอกจากปล่อยมือแล้ว เขายังทำอะไรได้อีกเล่า
แต่เขาสามารถเกลี้ยกล่อมให้ตัวเองปล่อยมือที่พันธนาการนางไว้ ทว่าจะถอนเอาหัวใจของตนกลับมาอย่างไรดี
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่รู้ว่า เมื่อคำพูดของเขาลอยกระทบโสตของเยี่ยเม่ย ยิ่งทำให้นางน้ำตาพรั่งพรูลงมา แต่นางยังไม่หันกลับไปเหมือนเดิม รอจนอารมณ์สงบลง ไม่สะอื้นไห้ ค่อยเอ่ย “ขอให้ท่านรีบคิดให้ตกเถอะ ข้าคงช่วยท่านไม่ได้!”
คำพูดนี้เมื่อเอ่ยจบแล้ว เยี่ยเม่ยก็ไม่หยุดรั้งอยู่ต่อ ก้าวเท้าออกไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังที่จากไปไกลของเยี่ยเม่ย จนกระทั่งนางหายไปจากเรือนของเขา จนไม่เห็นเงาอีก เขาค่อยตระหนักได้ว่าสายตาของตัวเองพร่าเลือน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้มหน้าลง แบมือออกมาหยดน้ำใสหยดหนึ่งตกลงสู่กลางฝ่ามือ
เขา…ร้องไห้แล้วหรือ
ปากแผลยังมีเลือดไหล เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย เขามองเศษซากขลุ่ยหยกแดงและป้ายหยกหมั้นหมายบนพื้น เขาพลันกุมหน้าอก นั่งยองลง
เขารู้ดีว่าไม่ได้เจ็บบาดแผล แต่เจ็บหัวใจ
เพราะอะไร…นางถึงทำได้ บอกว่าจะเลิกก็เลิก เอ่ยอย่างไร้เยื่อใยได้ขนาดนั้น
อวี้เหว่ยเดินเข้ามาจากด้านนอก
เห็นภาพตรงหน้า
คนที่แต่ไหนแต่ไรมากลั่นแกล้งควบคุมคนอยู่ในมือ คนที่แต่ไรมาทรมานคนเป็นเรื่องสนุก คนที่ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่มีทางสั่นสะเทือน ในยามนี้คล้ายกับเม่นได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่ง นั่งกองอยู่บนพื้น
บนพื้นมีเศษหยก ผสมรวมกับเลือดของเขา
อวี้เหว่ยพูดไม่ออก ขยับเข้าใกล้อย่างระวัง เอ่ยเบาๆ “เตี้ยนเซี่ย ท่าน…”
อวี้เหว่ยเห็นเยี่ยเม่ยออกจากเรือนอย่างร้อนรน เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ คิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้ามาแล้วจะเห็นภาพเช่นนี้ บาดแผลของเตี้ยนเซี่ยยังมีเลือดไหล แต่เขารู้ว่า ยามนี้เกลี้ยกล่อมให้เตี้ยนเซี่ยทำแผลคงไม่มีประโยชน์
ตั้งแต่ต้นจนจบเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่เงยหน้าขึ้นมา
เขานั่งอยู่เป็นเวลานาน นานเสียจนรู้สึกว่าขาชาจนไร้ความรู้สึก เลือดที่อกยังคงค่อยๆ ไหลลงมา สุดท้าย เสียงแหบพร่าค่อยเอ่ยว่า “อวี้เหว่ย ไฉนสตรีถึงได้อำมหิตนัก”
อวี้เหว่ยกำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
ถัดมา เขาก็หัวเราะเสียงต่ำ “ความรัก ที่แท้ก็แทบเอาชีวิตคนเช่นนี้เอง…”
สิ้นเสียง เขาก็สติหลุดลอย ล้มลงไปแล้ว
อวี้เหว่ยเห็นเลือดเต็มพื้น กลัวว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเสียเลือดมากเกินไป รีบตะโกนออกไปนอกเรือน “เสี่ยวกวน รีบไปตามหมอเร็วเข้า!”
……
ยามเยี่ยเม่ยน้ำตาไหลพรากออกจากเรือนเป่ยเฉินเสียเยี่ยน นางรู้ดีว่าด้านนอกมีคนของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เฝ้าอยู่ ดังนั้นนาทีแรกที่ก้าวออกจากประตู นางเช็ดน้ำตาบนหน้า จากไปด้วยฝีเท้าร้อนรน
นางสะกดข่มอารมณ์ตัวเอง วิ่งตะบึงหนีจากหูตาทั้งในที่แจ้งและที่ลับภายในเมืองนี้
สุดท้ายนางก็มาถึงสวนด้านหลังที่สงบไร้คน หลบอยู่ด้านหลังภูเขาจำลองลูกหนึ่ง นั่งลงร้องไห้เสียงดัง
นางเสียใจเหลือเกิน นางไม่มีคุณสมบัติร้องไห้ต่อหน้าใครทั้งนั้น ต่อให้จะร้องไห้ ต่อให้หัวใจแตกสลายจนเจียนตาย นางก็ทำได้แค่หาที่ซ่อนตัว รักษาบาดแผลให้ตัวเอง
นี่คือชะตาชีวิตของนาง หรือชะตาชีวิตของจงเจิ้งซีกันแน่
นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารักเขาถึงขั้นนี้ ทั้งไม่รู้ว่าเขาก็รักนางถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่ายามที่พิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างออกมาได้ กลับเป็นเวลาที่นางตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาด้วยมือตน
นางไม่เคยรู้เลยว่า ที่แท้ยามคนเราเจ็บปวดใจอย่างถึงขีดสุด น้ำตาสามารถไหลลงมาโดยไม่ขาดสาย ต่อให้นางคิดควบคุม ทว่าก็จนปัญญาควบคุมได้
รอจนเสียงร้องไห้ของนางเบาลง ค่อยๆ กลายเป็นเสียงสะอื้น
นางได้ยินฝีเท้า เยี่ยเม่ยเงยหน้าอย่างสับสน พบว่าเป็นจิ่วหุน
จิ่วหุนเห็นนางน้ำตานองหน้า ก็ไม่พูดอะไร ทั้งไม่ถามอะไร เพียงเดินเข้ามา นั่งลงข้างๆ กอดนางไว้