เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 322 กำหนดโทษ
หลังจากลู่หวานหว่านถูกลากเข้ามา นางเห็นราชาต้ามั่วก็คล้ายตกใจ รีบก้มหน้าลงทันที
เหล่าทหารโยนลู่หวานหว่านลงพื้น
นางรีบโขกหัวให้ราชาต้ามั่ว จากนั้นก็โขกหัวให้จิวมั่วเหอ “ท่านข่าน! แม่ทัพจิวมั่ว! ข้าน้อยเลอะเลือนชั่วขณะ ไม่สมควรเชื่อคำพูดเหลวไหลของแม่ทัพเฮ่อเหลียน ล่วงเกินแม่ทัพจิวมั่ว ขอให้ท่านแม่ทัพเห็นแก่แม่ทัพเยียลี่ว์สามีผู้ล่วงลับ ละเว้นข้าน้อยด้วย!”
ราชาต้ามั่วสีหน้าเย็นชาจ้องลู่หวานหว่าน ถามว่า “เจ้าพูดว่าอะไร จงสารภาพมาซะ!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่กลับมีสีหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเหตุใดลู่หวานหว่านถึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ยิ่งไม่เข้าใจคำพูดของนางหมายถึงอะไรกันแน่
เห็นราชาต้ามั่วเอ่ยปากถาม สายตาของเขาก็มองไปที่ลู่หวานหว่านทันที เอ่ยปากด้วยความฉงน “อาซ้อ ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เหตุใดเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถึงฟังไม่เข้าใจเลยสักคำเดียว”
“แม่ทัพเฮ่อเหลียน ท่านมิต้องเสแสร้งแล้ว แม่ทัพจิวมั่วรู้เรื่องหมดแล้ว ข้าน้อย…ข้าน้อยก็แค่สตรีต่ำต้อย ท่านอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย!” ขณะเอ่ยลู่หวานหว่านไม่กล้าสบตาเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เลยสักนิด ส่วนมากนั้นมาจากความรู้สึกผิดในใจ แต่ว่าสายตานางหลุบลงในยามนี้ ทำให้คนเห็นว่า นางคล้ายหวาดกลัวเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถึงไม่กล้าเอ่ยความจริง
ราชาต้ามั่วเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ลู่หวานหว่าน เจ้ามีอะไรก็จงบอกมาตามตรง เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่พูดอะไรแล้ว เจ้าเล่าออกมาให้ข้าฟังเสียให้หมด ข้าอยู่ที่นี่ เขาไม่อาจทำอะไรเจ้าได้!”
ลู่หวานหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายกับกำลังลำบากใจ สุดท้ายนางก็ยังเอ่ยปากว่า “ท่านข่าน คือว่า…ครั้งที่เยี่ยเม่ยนำคนมา หลังจากสังหารคนของพวกเราไปไม่น้อย ท่านก็ไม่ยินยอมพบข้าน้อยอีก ข้าน้อยโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง คิดไม่ถึงว่าขณะที่กำลังร้องไห้ ข้าน้อยได้พบกับแม่ทัพเฮ่อเหลียน!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ฟังถึงตรงนี้ ก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอันใด จึงพยักหน้าติดต่อกันหลายที
ทว่าลู่หวานหว่านพลันเปลี่ยนหัวข้อไปทันที มองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ด้วยความระวัง ค่อยหันไปหาราชาต้ามั่วเล่าต่อ “แม่ทัพเฮ่อเหลียนเอ่ยกับข้าน้อยว่า ในเมื่อท่านข่านไม่โปรดปรานข้าน้อย เขาก็ยินดีรับตัวข้าน้อยไว้ เขายังบอกอีกว่า ยามนี้ท่านเชื่อแผนการของเขา จิวมั่วเหอก็มิได้อยู่ในสายตาท่านข่านอีก ขอเพียง…”
ราชาต้ามั่วฟังแล้วหน้าเขียวคล้ำ กัดฟันเอ่ยว่า “ขอเพียงอะไร”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่กลับอ้าปากตาค้าง คิดไม่ถึงว่าลู่หวานหว่านจะเล่าเรื่องออกมาเช่นนี้
“ขอเพียง ขอเพียง…” ลู่หวานหว่านขบริมฝีปาก มองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ทีหนึ่ง จากนั้นกัดฟันตอบว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียน ขอโทษด้วย เพื่อชีวิตของข้าและบุตรชาย ข้าต้องขายท่านแล้ว!”
เมื่อเอ่ยจบ นางมองราชาต้ามั่ว เอ่ยต่อว่า “เขาบอกว่า ขอเพียงค่อยๆ ส่งองครักษ์ของท่านไปที่ราชสำนักเป่ยเฉินทีละน้อยๆ รอจนพวกเยี่ยเม่ยสังหารจนหมดสิ้น ท่านก็จะโดดเดี่ยวไร้กำลังเสริม เมื่อถึงยามนั้นจะเหลือเพียงเขาตัดสินแพ้ชนะกับจิวมั่วเหอเท่านั้น ขอเพียงยุให้ท่านสังหารจิวมั่วเหอทิ้ง ต้ามั่วก็จะกลายเป็นแผ่นดินของเขาแต่เพียงผู้เดียวแล้ว!”
“ท่านข่าน ปรักปรำ! ข้าไม่เคยเอ่ยวาจาขัดต่อมโนธรรมเช่นนี้มาก่อน!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ฟังจนหน้าตาซีดขาว เขาคิดไม่ถึงเลยสตรีที่เขารับไว้ด้วยเจตนาดีกลับให้ร้ายเขาเช่นนี้
เพียงเสี้ยวเวลาไฟลุก เขาพลันเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ ที่แท้ทุกอย่างคือแผนการ เป็นฉากที่จิวมั่วเหอจัดขึ้นมาอย่างดีเยี่ยม เป้าหมายก็เพื่อกำจัดตัวเขา ตอนแรกที่ลู่หวานหว่านเข้าใกล้ตน ก็เพื่อกล่าวหาเขาต่อหน้าราชาต้ามั่วในวันนี้
เมื่อเขาร้องขอความเป็นธรรม ลู่หวานหว่านรีบมองหน้าเขา “ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าเสแสร้งต่อไปเลย ท่านรีบสารภาพความจริงเถอะ ไม่แน่เมื่อท่านข่านได้ฟังความจริงจากปากท่าน เห็นแก่ที่ท่านสำนึกผิดได้ เกิดความเสียดายและสงสารอาจจะปล่อยท่านสักครั้งก็ได้! ท่านข่าน แม่ทัพเฮ่อเหลียนยังเอ่ยอีกว่า…”
เมื่อนางเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ถูกเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ตัดบท “เหลวไหล เรื่องที่ข้าไม่เคยกระทำ คำพูดที่ไม่เคยพูด ทำไมข้าต้องยอมรับด้วย! เรื่องทั้งหมดคือการใส่ร้าย ท่านข่าน เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ไม่เคยมีใจคิดคดต่อท่านเลยแม้แต่น้อย!”
เมื่อเขาเอ่ยจบ
ราชาต้ามั่วกลับไม่สนใจเขาสักน้อย มองลู่หวานหว่าน ถามว่า “เขายังพูดอะไรอีก เจ้าว่ามา!”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เห็นท่าทางของราชาต้ามั่ว พลันเข้าใจทันที ที่แท้ราชาต้ามั่วไม่เชื่อเขา แต่เชื่อคำพูดลู่หวานหว่านไปแล้ว ยามนี้หัวใจเขาเหมือนขี้เถ้าป่นปี้
สำหรับเขาแล้ว เรื่องที่เลวร้ายที่สุดหาใช่ถูกคนใส่ร้าย ทั้งมิใช่ตกหลุมพรางเยี่ยเม่ยพ่ายแพ้ศึก แต่เป็นเจ้านายที่เขาทุ่มเทภักดีด้วยชีวิตเชื่อคำลวงระแวงสงสัยเขา
ลู่หวานหว่านรีบเล่าต่อว่า “เขายังบอกอีกว่า ขอเพียงข้าน้อยติดตามเขา ภายหน้าจะได้เสพสุขไม่มีวันหมด ด้วยเหตุนี้เขาบังคับรับตัวข้าน้อยกับบุตรชายไว้ ยามอยู่ลำพัง เขายังแทนตัวเองว่า เปิ่นหวาง ข้าน้อยเอง…เพราะได้รับผลกระทบจากเขา ถึงคิดว่าตัวเองมีฐานะสูงส่ง ถึงได้กล้าล่วงเกินแม่ทัพจิวมั่ว ขอให้ท่านข่านโปรดเมตตาด้วย!”
ราชาต้ามั่วฟังคำเล่าของลู่หวานหว่านจบ หันหน้ามองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ถามว่า “เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ พยานหลักฐานมีครบ เจ้ายังบอกว่าไม่รู้ว่าทำไมเยี่ยเม่ยถึงปล่อยตัวเจ้าอีกหรือ เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมีคำพูดใดอีกหรือไม่”
“ท่านข่าน!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถอนหายใจยาวๆ เขาเข้าใจดี หลักฐานทั้งหมดในยามนี้ล้วนพุ่งเป้ามาที่เขา จิวมั่วเหอวางแผนการจู่โจมที่แก้ไขไม่ได้เพื่อล้มเขา
ส่วนตัวเขาไม่มีหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเลยสักชิ้น
ดังนั้นเขาได้แต่โขกหัวแรงๆ ทีหนึ่ง น้ำตาคลอเอ่ยว่า “ข้าบอกได้แต่ว่า ข้าจงรักภักดีต่อท่านข่าน หามีใจเป็นอื่นไม่!”
“อย่างนั้นก็ดี!” ราชาต้ามั่วพยักหน้าด้วยยิ้มเย็นชา “ข้าขอถามเจ้า เจ้าเห็นลู่หวานหว่านร้องไห้ ถึงเข้าไปคุยกับนางใช่หรือไม่”
“นี่…” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ลังเลเล็กน้อย
ราชาต้ามั่วรุกต่อ “เจ้าต้องตอบ ใช่หรือไม่ใช่”
“ใช่!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่พยักหน้า
ราชาต้ามั่วซักไซ้ขึ้นอีกว่า “เจ้ารับพวกนางสองแม่ลูกเอาไว้หรือเปล่า ตอบมาว่า ใช่หรือไม่ใช่!”
“ใช่!” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ก้มหน้าต่ำลงอีก
เขารู้สึกเลื่อมใสสายตามองการณ์ไกลของเป่ยเฉินอี้ที่ส่งคนมาเตือนเขาให้ระวังจิวมั่วเหอ ทั้งยังเริ่มเสียใจว่าตนเองให้ค่าความเชื่อใจของราชาต้ามั่วที่มีต่อตนเองมากเกินไป ถึงกับไม่รู้จักเตรียมป้องกันเลย ปล่อยให้ลู่หวานหว่านฉกฉวยผลประโยชน์ ต่อให้ตนเองมีอีกร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างได้
ยามนี้ความรู้สึกเขาสับสนอลม่าน ทว่าแฝงไปด้วยความเศร้าสลด
สุดท้ายราชาต้ามั่วจ้องเขาคล้ายกับผิดหวังอย่างมากเอ่ยว่า “เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เรื่องมาถึงขั้นนี้ เจ้ากับข้าในฐานะนายกับขุนนางก็ไม่มีอะไรให้พูดอีก! ลากเขาออกไป อีกสามวันประหาร!”
“ขอรับ!” จิวมั่วเหอรับคำสั่งทันที
……
ชายแดน วันต่อมา
เยี่ยเม่ยฟังข่าว ก็ตะลึงไป “ราชาต้ามั่วจะสังหารเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง”
จิวมั่วเหอเอาชีวิตของเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่กลับไปจากมือนางอย่างลำบากยากเย็น สุดท้ายกลับถูกราชาต้ามั่วตัดหัว เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าจิวมั่วเหอไม่น่าทำเรื่องมากความเช่นนี้
นางนิ่งไปครู่หนึ่ง สั่งการ “สืบต่อ ข้าต้องการฟังเรื่องหลังจากนี้!”
“ขอรับ!”