เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 325 ขอให้พ่ายแพ้
“หรือว่าความจริงแล้วอี้อ๋องหาได้เห็นข้าเป็นคู่ต่อสู้ สำหรับท่านแล้วข้ายังอ่อนเกินไป เพียงแต่สถานการณ์ในเวลานี้บีบบังคับให้ท่านกับข้าต่อสู้กัน ดังนั้นจำเป็นต้องลงมือต่อกรกับข้า” เยี่ยเม่ยถามด้วยน้ำเสียงแกมประชดประชัน ทั้งยังเย้ยหยันตัวเอง
เป่ยเฉินอี้มองเยี่ยเม่ย หัวเราะเสียงเสียงขรึม เอ่ยว่า “เยี่ยเม่ย เจ้าฉลาดจริงๆ!”
ดังนั้น
เยี่ยเม่ยรู้ว่าคำพูดของตนแต่ละประโยคล้วนถูกต้อง
นางโคลงหัว หัวเราะเบาๆ เอ่ยต่อ “ดังนั้นอี้อ๋อง ปากบอกว่ามาแสดงความยินดีกับข้า ความจริงๆ แล้วมาเพื่อเตือนกระมัง!”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอยู่ต่อหน้านาง เยี่ยเม่ยอยากจะแขวะสักประโยคว่า ท่านทำท่าทางเสแสร้งได้เหมือนเหลือเกิน
แต่ว่า
นี่คือเป่ยเฉินอี้ เยี่ยเม่ยเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเขามีความสามารถเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง ทั้งไม่จงใจแสดงออก กระทั่ง…
เขาอาจหวังให้คำเตือนนี้ช่วยเตือนเยี่ยเม่ยว่า เขาอาจจะลงมือทำให้นางพ่ายแพ้ต่อเขา
แล้วก็เป็นดังคาด
ในขณะที่นางกำลังคิด เป่ยเฉินอี้เอ่ยปากว่า “ข้าคาดหวังเสียเหลือเกินว่าศึกนี้เจ้าจะเอาชนะข้าได้! เจ้าเข้าใจความรู้สึกของคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาโดยตลอดไหม ความจริงแล้วโดดเดี่ยวมาก”
เมื่อเขาเอ่ยจบก็ไม่รอให้เยี่ยเม่ยตอบกลับ พลันลุกขึ้นจากไป
เยี่ยเม่ยมองแผ่นหลังของเขา กลับไม่มีอารมณ์แดกดัน ตรงกันข้ามนางยิ่งระแวดระวัง เป่ยเฉินอี้เป็นคู่ต่อสู้ที่หาได้ยาก นางก็หวังว่าเขาจะไม่เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่มีวันเอาชนะได้ด้วยเช่นกัน!
แต่ก็ดี ด้วยถือดีในความสามารถของตน เขาถึงกระทั่งหวังว่าตัวเองจะแพ้พ่ายบ้าง ทำให้วันนี้เยี่ยเม่ยได้โอกาสฉกฉวยความเปรียบมาได้ อย่างน้อยการร่วมกับจิวมั่วเหอในภายหน้าก็จะราบรื่นมากแล้ว
……
ต้ามั่ว
ในคุก
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถูกคุมขัง จิวมั่วเหอเดินเข้ามา
หลังจากเข้ามาแล้ว เขาก็โบกมือเป็นสัญญาณให้คนทั้งหมดออกไปก่อน มือเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ล่ามไว้ด้วยโซ่ เขานั่งอยู่บนพื้นจ้องจิวมั่วเหอเดินเข้ามาตลอดทาง
ยามเมื่อจิวมั่วเหอมาถึงหน้าประตู
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หัวเราะเสียงเย็น “ดีมาก ยามนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ ท่านข่านเหลือคนที่ไว้ใจได้อยู่คนเดียวก็คือเจ้า ในคุกนี้คงมีแต่คนของเจ้าแล้ว ยามนี้เจ้าสามารถเรียกลมเรียกฝนได้อยู่ในดินแดนต้ามั่วแล้ว!”
จิวมั่วเหอมองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เลิกคิ้วว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียนคิดพูดแค่นี้หรือ”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่หน้าคล้ำลง นิ่งไปชั่วขณะ
จิวมั่วเหอเอ่ยต่อไปอีกว่า “แม่ทัพเฮ่อเหลียนรู้หรือไม่ ท่านข่านมีคำตัดสินให้ประหารตระกูลเฮ่อเหลียนทั้งตระกูล”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถลึงตามองจิวมั่วเหออย่างไม่อยากเชื่อ
จิวมั่วเหอหัวเราะคำหนึ่ง “ท่านข่านมีนิสัยอย่างไร เจ้าไม่รู้หรือไง เขาลุ่มหลงโลกีย์ ชมชอบทำสงคราม แต่ดันมีความสามารถไม่มากพอ ยิ่งไปกว่านั้นคือโหดเ**้ยมอำมหิต ไร้คุณธรรม วันนี้เขาตัดสินท่านโทษฐานกบฏ อย่างนั้นคิดว่าเขาจะปล่อยตระกูลของเจ้าหรือ”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่กำหมัดแน่น
แววตาเผยความเคียดแค้น เขาจ้องจิวมั่วเหอ “เจ้าคำนวณเอาไว้หมดแล้วใช่หรือไม่ ข้าคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ถึงว่า เจ้าจะสมคบคิดศัตรูร่วมมือกับเยี่ยเม่ยเพื่อให้ร้ายข้า”
“หากสามารถกำจัดท่านข่านได้ มีอะไรไม่ดีกัน” จิวมั่วเหอพลันตวาดเสียงดัง มองคนตรงหน้าเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “หลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าคนไหนบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาเลอะเลือนไร้สามารถ เพราะอะไรเขาถึงนั่งบนบัลลังก์ได้ ก็แค่เพราะจากชาติกำเนิดของเขาเท่านั้น! เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่เจ้าเคยคิดไหม หลายปีที่เขาดำรงตำแหน่ง เขาเคยทำเรื่องอะไรที่มีประโยชน์ต่อต้ามั่วบ้าง”
จิวมั่วเหอเอ่ยเช่นนี้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่พลันเงียบไป
ส่วนจิวมั่วเหอยังสาธยายต่อ “กลับทำเรื่องแย่งชิงบุตรีและภรรยาผู้อื่น รีดนาทาเร้น ส่งคนไปตายที่ราชสำนักเป่ยเฉิน ก่อสงครามระหว่างสองดินแดน ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ทั่วหล้า เรื่องพวกนี้เขาทำไม่น้อยเลยทีเดียว! องค์ราชาเช่นนี้ มีอะไรให้เจ้าจงรักภักดีกัน”
เมื่อเขาเอ่ยถึงตรงนี้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่นั่งอ่อนแรงลงที่พื้น ดูคล้ายแก่ลงไปหลายปี เอ่ยเสียงต่ำว่า “บางทีเจ้าอาจจะพูดถูก หากว่าปีนั้นข้าไม่อาศัยความเลือดร้อนในกายสมัครเป็นทหาร ไม่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อนก็คงดี”
ความจริงแล้วก่อนวันนี้ ทำไมเขาจะไม่เคยคิดว่าราชาต้ามั่วเลอะเลือนไร้สามารถ
ดึงตราคุมทัพของเซียวชินที่ยึดมั่นในคุณธรรมน้ำใจกลับไป ใช้งานจิวมั่วเหอที่มีจิตใจทะเยอทะยาน ผลักดันให้เขาค่อยๆ ขึ้นเขียง คนทั่วทั้งราชสำนักแทบดูออกว่าจิวมั่วเหอมีจิตคิดคด แต่ว่าราชาต้ามั่วกลับดูไม่ออกสักนิด ตอนแรกที่เซียวชินจากไป ไม่ใช่คนทั้งหมดไม่ผิดหวัง
แล้วราชาต้ามั่วเล่า
ก็แค่สั่งการให้ออกตามหาเพียงสองวัน จากนั้นก็ปล่อยเรื่องนี้ไป
สำหรับคำขอร้องของตนก็ไม่เคยฟัง ยากนักที่จะยอมฟังสักครั้งหนึ่ง จิวมั่วเหอก็วางแผนการส่งเขาเข้ามาอยู่ในคุกแทน
ครั้นเห็นเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่สำนึกเสียใจและคับแค้น จิวมั่วเหอก็รุกต่อว่า “จริงสิ ท่านข่านเพิ่งมีคำสั่งให้อนุคนงามของเจ้าปรนนิบัติคืนนี้ นางไม่ยินยอม เพิ่งจะฆ่าตัวตายไปแล้ว!”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ทะลึ่งตัวลุกขึ้นอย่างไม่เชื่อ
จิวมั่วเหอเอ่ยด้วยเสียงขรึมลง “ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า อาศัยความเข้าใจที่เจ้ามีต่อท่านข่าน เขาทำเรื่องพวกนี้แปลกนักหรือไง”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ตระหนักได้ทันที
ก็ถูก ตอนนั้นเยียลี่ว์ซั่นตายในสนามรบเพื่อท่านข่าน! แต่สุดท้ายเล่า ท่านข่านทำกับเขาอย่างไร หลังจากตายไม่มีการประทานรางวัลหรือมอบเกียรติยศยังไม่พอ ซ้ำยังคิดรับลู่หวานหว่านสตรีที่ทำลายเรื่องใหญ่ของต้ามั่วเข้าวังอีกด้วย
คิดถึงได้เช่นนี้ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่พลันรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดทั่วร่าง เขามองจิวมั่วเหอ “นี่ก็เป็นแผนการของเจ้าใช่หรือไม่”
“ข้าจิวมั่วเหอขอสาบานต่อเทพจิ้งจอกแห่งทุ่งหญ้า เรื่องนี้ข้ามิได้วางแผน ล้วนเป็นความต้องการของท่านข่านแต่เพียงผู้เดียว!” จิวมั่วเหอมองเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ ดวงตาหนักแน่นไม่มีแววล้อเล่นเลยสักน้อย
คนต้ามั่วสาบานต่อเทพจิ้งจอกเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ใครก็ไม่กล้าโกหกหลอกลวง
ดังนั้นเฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่จึงเข้าใจ
ทุกอย่างเป็นความต้องการของท่านข่านแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
จิวมั่วเหอเอ่ยปาก “ตอนที่เจ้าเอาชีวิตเข้าช่วยเขา ทั้งยังจงรักภักดีต่อเขามานานหลายปี เจ้าแลกอะไรกลับมาหรือ แม้กระทั่งความเชื่อใจที่แท้จริงเขายังไม่มอบกลับมาให้เลย กับแค่ลูกไม้ตื้นๆ จดหมายติดต่อศัตรูที่ให้คนปลอมแปลง และคำพูดตามอำเภอใจของสตรีโง่เขลาไม่กี่คำ เขาก็สังหารคนของเจ้าทั้งตระกูล ไม่เพียงแค่นี้ ยังฝืนบังคับขืนใจภรรยาของเจ้า เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ เจ้าไม่แค้นอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าคิดพูดอะไรกันแน่” เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่มองเขาอย่างดุร้าย “เจ้าตั้งใจมาที่นี่แค่คิดจะเยาะเย้ยข้าอย่างนั้นหรือ”
จิวมั่วเหอหัวเราะเย็นชา “เยาะเย้ยเจ้า? เยาะเย้ยเจ้ามีประโยชน์อันใดกับข้า ข้าจะได้อะไรกลับมาหรือ เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ หากข้าคิดเอาชีวิตเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางเอาชีวิตรอดกลับมาจากราชสำนักเป่ยเฉินได้แล้ว เจ้าคิดว่าทำไมเยี่ยเม่ยถึงปล่อยตัวเจ้ากัน”
เฮ่อเหลียนเฮ่าเยว่ถลึงตามองอย่างไม่เชื่อ “เจ้าจะบอกว่า…”