เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 352 ข้าดูแลเตี้ยนเซี่ยเองก็พอ!
ยามเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกมา ใบหน้ามู่หรงเหยาฉือคล้ายจะแดงเรื่อขึ้นในทันที
เพียงแต่เวลานี้เป็นเวลากลางคืน ต่อให้แสงจันทร์สว่าง แต่ก็มองไม่ออก
ประโยคนี้สมควรตอบกลับไปอย่างไรดี
หากตอบว่าใช่ บางทีเตี้ยนเซี่ยอาจรู้สึกว่า นางเป็นสตรีที่กล้าเกินไป ไร้ยางอาย
หากตอบว่าไม่ใช่ ก็ขัดความในใจตน อีกทั้งหากนางตอบออกไปเช่นนี้จริง เรื่องของนางกับเตี้ยนเซี่ยก็คงสิ้นหวังแล้ว
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง มู่หรงเหยาฉือเปิดปากว่า “ในโลกนี้มีสตรีใดบ้างที่ไม่ชอบองค์ชายสี่กัน”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดสายตามองนาง เมื่อนางเอ่ยประโยคนี้
ในดวงตาร้ายกาจแฝงด้วยความขบขัน เอ่ยว่า “อย่างนั้น หนึ่งในนั้นก็รวมเจ้าด้วยแล้วสินะ”
เขาทำเช่นนี้เพื่อบีบให้มู่หรงเหยาฉือตอบคำถามออกมาให้ได้
มู่หรงเหยาฉือไม่อาจหลบเลี่ยงได้ หน้าแดงก่ำกลับดื่มสุราร้อนแรงลงไปคำหนึ่ง ก้มหน้างุดตอบว่า “ใช่! เหยาฉือชอบเตี้ยนเซี่ย ชอบมาตั้งแต่เล็ก ชอบมาตั้งแต่พบเตี้ยนเซี่ยครั้งแรก ข้าชอบเตี้ยนเซี่ยมานานหลายปี เหยาฉือรู้ว่าสตรีที่อยู่ในใจเตี้ยนเซี่ยคือเยี่ยเม่ย ดังนั้นจะไม่คิดเอ่ยออกไป แต่ในเมื่อเตี้ยนเซี่ยเค้นถาม เหยาฉือก็ได้แต่ตอบตามจริง!”
นางชอบเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมาตั้งแต่เด็กจริงๆ ตอนนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังเป็นแค่องค์ชายที่ไม่ได้รับการโปรดปราน ถูกคนรังแกอยู่ในวัง นางก็ชอบเขาแล้ว
อีกทั้งเพียงได้เห็นแค่แวบเดียว ก็ไม่อาจลืมได้ชั่วชีวิต
นางตอบออกมาเช่นนี้ ก็เพราะอยากให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนางเป็นสตรีที่รู้จักรุกรู้จักถอยและใจกว้าง รู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนชอบเยี่ยเม่ย ดังนั้นไม่คิดป่าวประกาศความในใจของตนให้คนรู้
ดูจิตใจที่เต็มไปด้วยคุณธรรมเช่นนี้ นางยังซาบซึ้งในตัวเองเลย
หลังจากนางเอ่ยจบ อวี้เหว่ยมองมู่หรงเหยาฉือด้วยสายตาแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง ถึงช่วงนี้เขาจะไม่ค่อยพอใจแม่นางเยี่ยเม่ยที่หลอกลวงความรักของเตี้ยนเซี่ยก็เถอะ แต่ว่าไม่รู้ทำไมเมื่อเทียบกับสตรีเบื้องหน้าที่ดูจอมปลอมนี้ เบื้องลึกในใจเขากลับชอบเยี่ยเม่ยที่กล้าเอ่ยตามตรงว่าชอบออกมามากกว่า
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งไป เมื่อได้ฟังคำตอบมู่หรงเหยาฉือ เขาไม่ใส่ใจอากัปกิริยาของตนขยับขึ้นไปเอนกายนอนหงายลงไปที่บันได ขั้นบันไดสร้างความเจ็บปวดบนแผ่นหลังเขา แต่เขาก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่
หลังจากนอนลง เขาก็มองเห็นท้องฟ้าระยิบระยับ เอ่ยว่า “สตรีทั่วหล้านี้ล้วนชอบเยี่ยนแล้วมีประโยชน์อันใด นาง…ไม่ใส่ใจเลยสักนิด!”
มู่หรงเหยาฉือฟังแล้ว สีหน้าพลันเปลี่ยนสี
ที่แท้ความชอบที่มีต่อเขา ไม่เพียงไม่อาจได้การตอบรับกลับมา ซ้ำในสายตาและดวงใจเขายังไร้ซึ่งความหมายใดๆ อีกด้วย
แต่ยามนี้นางหันมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เห็นท่าทางกลัดกลุ้มของเขา ในใจพลันเคียดแค้นเยี่ยเม่ย คนที่นางชอบขนาดนี้ คนที่นางรักฝังลึกถึงสิบกว่าปี เยี่ยเม่ยกลับไม่ใส่ใจ ทำร้ายเขาอย่างล้ำลึก สตรีนางนี้สมควรตาย!
เมื่อคิดได้ มู่หรงเหยาฉือก็กำหมัดแน่นอย่างอดไม่ไหว
ไม่ว่าอย่างไร นางต้องทำให้เยี่ยเม่ยที่สมควรตายผู้นั้นอยู่ไม่ได้!
ทันทีที่คิดได้ นางมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย ท่านเคยคิดแก้แค้นนางหรือไม่”
“แก้แค้น?”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง หันกลับไปตวัดสายตามองมู่หรงเหยาฉือ เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า “ครั้งหน้าหากยังได้ยินคำพูดประเภทนี้ออกจากปากเจ้าอีก เยี่ยนจะบีบคอเจ้าให้ตายด้วยตัวเอง! ไม่ว่าอย่างไรคนที่ชอบเยี่ยนอย่างเจ้านี้ ก็ไม่ได้รับความรักตอบ มีชีวิตอยู่ก็ทุกข์เข็ญนัก สำหรับเจ้าแล้วความตายอาจช่วยทำให้หลุดพ้นได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร”
นัยน์ตาชั่วร้ายแฝงความมึนเมาอย่างไม่อาจปกปิด แต่ยามเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมากลับทำให้คนประหวั่นหวาดกลัว
ทำให้มู่หรงเหยาฉือในยามนี้ไม่อาจมั่นใจว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเมาจริงหรือไม่ได้เมากันแน่
แต่คำพูดของเขาสร้างความหวาดกลัวให้นาง เพราะนางดูออกว่าเขาหาได้ล้อเล่น
มู่หรงเหยาฉือเงียบไปสักพัก ค่อยคลี่ยิ้มออก
มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนทีหนึ่ง เอ่ยปากว่า “หากมีวันหนึ่ง ข้าไม่อาจครอบครองเตี้ยนเซี่ย ทั้งยังถูกกำหนดว่าต้องตายในเงื้อมมือของเตี้ยนเซี่ย บางทีสำหรับข้าแล้วอาจเป็นความสุขอย่างหนึ่ง!”
อวี้เหว่ยที่อยู่ด้านข้างฟังแล้ว ยังรู้สึกว่า มู่หรงเหยาฉือช่างมีความฉลาดด้านอารมณ์เป็นเลิศ ไม่ว่าคำพูดนี้เป็นจริงหรือหลอกลวง หลังจากบุรุษทั่วไปได้ฟังแล้วย่อมรู้สึกซึ้งใจ
เพียงแต่ไม้นี้ของนาง เกรงว่าจะเลือกคู่มือผิดไปแล้ว
เตี้ยนเซี่ยหาใช่บุรุษธรรมดาทั่วไป
หลังจากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังจบ ก็ไม่เอ่ยปากอีก ใบหน้าไม่มีแววซาบซึ้งในคำพูดของมู่หรงเหยาฉือ ทั้งยังไม่สงสัยว่านางเอ่ยจริงหรือเท็จสักน้อย ทำเหมือนกับว่าคำพูดของนางจะจริงหรือเท็จ เขาก็ไม่ใส่ใจทั้งนั้น
อวี้เหว่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคราหนึ่ง รับรู้ได้ทันทีว่าเตี้ยนเซี่ยเหน็ดเหนื่อยแล้ว
ดื่มมากเกินไป เกรงว่าคงจะปวดหัวแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเหนื่อยแล้วจริงๆ ก่อนเขาหลับตาลง สั่งการว่า “ปล่อยเยี่ยนนอนอยู่ที่นี่ ไม่ต้องพยุงเยี่ยนกลับห้อง!”
“ขอรับ!”
อวี้เหว่ยตอบรับทันควัน
ฝ่ายเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็หลับตาลง ลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ
มู่หรงเหยาฉือมองภาพเบื้องหน้า รู้สึกหน้าแดงร้อนผ่าวหัวใจเต้นตึกตัก บุรุษในดวงใจนอนอยู่ข้างกายนาง นี่คือความฝันชั่วชีวิต เพียงแต่มีตัวขัดหูขัดตาอย่าง อวี้เหว่ยอยู่ด้วย หากเขาไม่อยู่คงดีเลย
นางคิดแล้วมองอวี้เหว่ย “ไม่พยุงเตี้ยนเซี่ยเข้าไปจริงหรือ”
“ความต้องการของเตี้ยนเซี่ย ไม่มีใครกล้าขัดขืน” อวี้เหว่ยเอ่ยตอบเสียงนิ่ง
หากขัดขืนแล้ว เกรงว่าจะยั่วโทสะเตี้ยนเซี่ยได้
มู่หรงเหยาฉือพยักหน้า ดวงตานางกลอกไปมามองอวี้เหว่ย เสนอว่า “อย่างนั้นเจ้าก็ไปพักเถอะ ข้าอยู่เป็นเพื่อนเตี้ยนเซี่ยที่นี่ก็พอแล้ว!”
ในยามเตี้ยนเซี่ยเมาแล้ว หากไม่มีอวี้เหว่ยเกะกะ นางดึงเสื้อผ้าให้ยุ่งเหยิง ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ นางก็บอกว่าเกิดเรื่องแล้ว หากโชคดีไม่แน่อาจได้กลายเป็นชายาองค์ชายสี่สมหวังดังใจ
หลายปีที่ผ่านมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการชีวิตคิดปีนขึ้นเตียงองค์ชายสี่ อวี้เหว่ยรู้ทันอย่างชัดเจน
มู่หรงเหยาฉือคิดอย่างไร อวี้เหว่ยล้วนแจ่มแจ้ง เขาตอบว่า “เตี้ยนเซี่ยไม่มีคำสั่ง ข้าน้อยต้องเฝ้าเอาไว้ตลอดจนกว่าเตี้ยนเซี่ยจะตื่น กลับเป็นท่านหญิงเหยาฉือต่างหาก ฟ้าก็มืดแล้ว ขอเชิญท่านรีบกลับไปเถอะ!”
สตรีนางนี้คิดว่า เตี้ยนเซี่ยเมาแล้วจะไม่เหลือสติสัมปชัญญะหรือไง
ถึงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่อวี้เหว่ยเห็นเตี้ยนเซี่ยเมามาย แต่ว่าในใจเขาก็รู้ดียิ่ง ต่อให้เตี้ยนเซี่ยเมาแล้ว กระทั่งหลับอยู่ในความฝันก็ไม่ยินยอมให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด เพราะประสบการณ์ในวัยเยาว์ของเตี้ยนเซี่ย ทำให้ เตี้ยนเซี่ยมีใจหวาดระแวงป้องกัน ดังนั้นเรื่องที่มู่หรงเหยาฉือคิดจะทำไม่มีทางเกิดขึ้นได้เด็ดขาด!”