เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 354 อธิบายอะไร นางก็ไม่ใส่ใจ
มีเสี้ยวขณะหนึ่งที่เยี่ยเม่ยไม่อยากเชื่อ
ความรู้สึกที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีต่อนางไม่ใช่เรื่องเท็จ ต่อให้เขาจะมีผู้หญิงอื่น ก็ไม่สมควรไวปานนี้ !
แต่ไม่ช้า
สาวใช้ด้านนอกก็เอ่ยว่า “แต่ไม่ใช่เท่านี้ ได้ยินว่าเมื่อคืน เตี้ยนเซี่ยดื่มจนเมามาย ไม่รู้ว่า…อืม…”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะไม่ว่าอย่างไรท่านหญิงเหยาฉือก็มีศักดิ์ศรีของท่านหญิง หรือยังจะเลอะเลือนทำอย่างนั้นกับเตี้ยนเซี่ย…แต่จะว่าไป ต่อให้เตี้ยนเซี่ยไม่เมา พวกเขาทั้งสองต่างไม่มีสัญญาหมั้นหมาย มีความสัมพันธ์อย่างลับๆ ท่านหญิงเหยาฉือไม่สนใจชื่อเสียงแล้วหรือ”
นี่ก็เป็นปัญหาจริงๆ
บรรดาสาวใช้ต่างขมวดคิ้ว มีคนโพล่งขึ้นมาว่า “ใครจะรู้ว่าไม่ใช่เพราะองค์ชายสี่เมาแล้วบังคับนางเล่า”
“นี่…นี่ก็เป็นไปได้!”
ไม่ว่าอย่างพอผู้ชายดื่มจนเมา สติไม่แจ่มใสเรื่องบีบบังคับเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้มาก
จากนั้นสาวใช้อีกคนหนึ่งก็เอ่ยปากว่า “ข้าได้ยินคนที่เฝ้าเรือนของท่านหญิงเหยาฉือบอกว่า เช้าวันนี้ตอนท่านหญิงกลับมา ปาดน้ำตาขอบตาแดงก่ำเหมือนร้องไห้ ข้าว่าเรื่องนี้คงเป็นจริงแล้ว องค์ชายสี่น่าจะ…อืม…”
หลังจากพวกนางหลายคนวิเคราะห์กันเสร็จสรรพ สุดท้ายก็สรุปว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดื่มจนเมาบังคับขืนใจ ท่านหญิงเหยาฉือ
เยี่ยเม่ยฟังแล้วก็ไม่ค้าน
นางมองความรู้สึกที่ท่านหญิงเหยาฉือมีต่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออก หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องการตัวอีกฝ่าย ดูท่าท่านหญิงเหยาฉือก็คงเปลื้องผ้าออกปีนขึ้นเตียงเขาทันที ไม่มีทางถูกบังคับขืนใจแน่
ดังนั้นที่นางขอบตาแดงก่ำแต่เช้านั่นคือแสดงละครอย่างแน่นอน
ส่วนที่ว่าเมื่อคืนอีกฝ่ายทำอะไรกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ดื่มจนเมามายแล้วไปบ้าง… เยี่ยเม่ยไม่กล้าตัดสินในทันที
คิดได้เช่นนี้
นางก็แค่นเสียงอยู่ในใจ คนที่ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาก็คือตัวเอง ตอนนี้นางมีคุณสมบัติอะไรไปถือสา ว่าเรื่องระหว่างเขากับสตรีอื่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
แม้แต่คุณสมบัติจะถามเขา นางยังไม่มีเลย
ช่างเถอะ
……
ส่วนในเรือนเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตื่นแต่เช้าตรู่ อวี้เหว่ยเตรียมน้ำแกงแก้เมาไว้ให้ หลังจากสร่างเมาแล้วก็ปวดหัวอยู่บ้าง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนดื่มน้ำแกงแล้ว
จากนั้นสีหน้าของอวี้เหว่ยกับเสี่ยวกวนเหมือนมีความลับบางอย่าง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองพวกเขาทีหนึ่ง
น้ำเสียงน่าฟัง เอ่ยถามว่า “เป็นอะไร”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก จากนั้นเริ่มเล่าข่าวลือที่เริ่มแพร่สะพัดคลุ้มคลั่งในยามเช้าวันนี้ให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง หลังจากเล่าจบ อวี้เหว่ยมีสีหน้าเศร้าสลดเริ่มสำนึกผิด “เตี้ยนเซี่ย ข้าน้อยผิดไปแล้ว! เมื่อคืนข้าน้อยสมควรไล่นางออกไป ข้าน้อยคิดไม่ถึงว่า นางแค่เข้ามาในเรือนท่าน แม้แต่ห้องท่านยังไม่ได้ย่างเข้าไปเลย ข่าวลือด้านนอกกลับแพร่ได้เกินจริงเสียขนาดนี้!”
ไม่จริงหรืออย่างไร
เรือนเตี้ยนเซี่ยใหญ่โตขนาดนี้ เมื่อคืนนางยืนอยู่ที่บันไดหน้าประตูห้องนอนทั้งคืน ไม่ได้เข้าไปในห้องเลยสักก้าว ไฉนด้านนอกถึงได้มีข่าวลือว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาทำเรื่องที่ทั้งสมควรทำทั้งไม่สมควรทำจนหมดสิ้นแล้วเล่า
คราวนี้เสี่ยวกวนที่ไม่ทันความคิดผู้อื่นก็ตระหนักอะไรได้ อดเอ่ยไม่ได้ “เตี้ยนเซี่ย ขออภัยที่ข้าน้อยต้องเอ่ยตามตรง แต่ข้าน้อยรู้สึกว่ามู่หรงเหยาฉือ ช่างแสดงได้เก่งเกินไปแล้ว!”
เมื่อวานนางเป็นฝ่ายขออยู่ที่นี่เอง อวี้เหว่ยบอกให้นางกลับไป นางก็ไม่ไป
ผลคือเดินตาแดงเรื่อกลับเรือนตัวเองแต่เช้าตรู่ ทำให้คนทั้งหลายเข้าใจผิดว่า เตี้ยนเซี่ยทำอะไรนางแล้ว นี่มันเรื่องผีสางอันใด คิดว่าพวกเขาทุกคนล้วนโง่งม ดูไม่ออกว่านางแสดงละครหรือ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับอึ้งไปเล็กน้อย นวดหว่างคิ้ว เอ่ยขึ้นด้วยเสียงไม่ยี่หระว่า “ปล่อยพวกเขาวิจารณ์ไปเถอะ”
อย่างไรเสียไม่ว่าสตรีนางนี้แสดงละครอีกเยอะแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับนางแน่
อวี้เหว่ยกลับมองเขาทีหนึ่งอย่างอดใจไม่ไหว เอ่ยถามด้วยความระวังว่า “เตี้ยนเซี่ย บางทีข่าวนี้อาจไปถึงหู แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านไม่ไปอธิบายสักหน่อยหรือ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งไป
หลุดหัวเราะออกมา เย้ยหยันตัวเองว่า “อธิบายอะไรไป นางก็ไม่ใส่ใจหรอก ในใจนางมีแต่กูเยว่อู๋เหิน ต่อให้เยี่ยนแต่งสตรีอีกสักร้อยคน นางยังคร้านจะเอ่ยถาม นับประสาอะไรกับมู่หรงเหยาฉือแค่คนเดียว”
อวี้เหว่ยพลันนิ่งไปแล้ว
จริงด้วย
แม่นางเยี่ยเม่ยเอ่ยวาจาระคายหูทั้งหลายกับเตี้ยนเซี่ยถึงขั้นนั้น เตี้ยนเซี่ยจะอธิบายหรือไม่ ดูท่านางก็ไม่คิดว่าสลักสำคัญอะไร ทำไม่ดีพลอยจะเป็นลบหลู่เตี้ยนเซี่ย อย่าได้เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวพันกับนางสักน้อยนิดไปรบกวนนาง
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนลุกขึ้น เดินเข้าด้านในห้อง สั่งการ “ข้าจะอาบน้ำผลัดเปลี่ยนผ้า”
“ขอรับ!”
……
ซือหม่าหรุ่ยเดินมาถึงห้องเยี่ยเม่ย ถามว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“ข้าจะเป็นอะไรได้” เยี่ยเม่ยมองนาง ฝืนยิ้มออกมา
ซือหม่าหรุ่ยเห็นก็รู้ว่าเยี่ยเม่ยแกล้งยิ้ม ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงไม่ถามเช่นกัน “ข่าวลือที่แพร่อยู่ข้างนอกนั่นไม่ใช่เรื่องเดียวเท่านั้น ยังมีคนบอกว่าเมื่อวานมู่หรงเหยาฉือรอเจ้าหน้าประตูเมืองหนึ่งชั่วยาม เจ้ากลับไม่เหลือบมองนางเลย นางร้องไห้อย่างเจ็บปวดที่เรือนของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าใจแคบอยู่! แต่ก็แค่เล่าลือกันในกลุ่มเล็กๆ คนที่ได้ฟังยังไม่มากนัก”
เยี่ยเม่ยยิ้มเย็นชา “ช่างเล่นละครได้เก่งนัก!”
“เป็นนักแสดงตัวฉกาจไม่ผิดแล้ว!” ซือหม่าหรุ่ยอดรนทนไม่ได้อีก ตั้งแต่แรกที่เห็นสตรีผู้นี้ ก็รู้ว่ารับมือได้ยากแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะต่อกรได้ยากถึงขั้นนี้
หลังจากซือหม่าหรุ่ยเอ่ยจบ ก็ถามต่อว่า “จริงสิ เจ้าตามหาข้าไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนี้ วันนี้บุตรสาวของเจ้าเมืองหลินแต่งงาน เจ้าคงจำหลินซูเหย่าได้นะ นางบอกว่าก่อนจากไปอยากพบเจ้าสักครั้ง!”
เยี่ยเม่ยเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์ไม่ค่อยดีหรือเปล่า จึงอยากไปร่วมงานแต่งงานผู้อื่น คึกครื้นสักหน่อย ร่วมงานมงคลรื่นเริง บางทีอารมณ์อาจดีขึ้น นางจึงพยักหน้า “ได้!”
……
งานแต่งงานของหลินซูเหย่า
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเม่ยมาถึงงานแต่งก็คึกครื้นขึ้นมา เป่ยเฉินอี้ก็มาแล้ว ซ้ำเป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังปรากฏตัวด้วย
ทำเอาเจ้าเมืองหลินรู้สึกได้รับความโปรดปรานจนตกใจ เพราะว่าเมื่อยามเช้าตรู่เขาไปเชิญคนทั้งสองท่านมาร่วม แต่พวกเขาปฏิเสธแล้ว
จากนั้นไม่ช้า ก็มีคนมากระซิบข้างหูว่า องค์ชายสี่กำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วอีกสักพักจะตามมา
เจ้าเมืองหลินพลันรู้สึกว่าอยู่ฝั่งแม่นางเยี่ยเม่ยช่างโชคดีมาก แม้แต่งานแต่งยังได้หน้าได้ตาขนาดนี้
มีแขกฐานะสูงศักดิ์ทั้งหลายมาร่วมยังไม่เป็นการพิสูจน์ตำแหน่งฐานะและหน้าตาของตนอีกหรือ
เจ้าเมืองหลินหน้าตาเบิกบานอารมณ์ดีมาก หากไม่ใช่เพราะไม่เหมาะสม เขาคิดจะตัดดอกไม้สีแดงสดมาประดับไว้บนตัวเพื่อแสดงความดีใจออกมาด้วยซ้ำ
ไม่ช้า
หลินซูเหย่าสวมชุดแต่งงานปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเยี่ยเม่ย
ในขณะนี้เอง…