เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 42
ขอเพียงสังหารเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เพียงสังหารเขาได้ กำจัดทหารของเป่ยเฉิน เรื่องนี้ก็จะปกปิดได้
มิเช่นนั้นอาศัยชื่อเสียงของราชาดาบในหมู่ชาวประชา ไม่ช้าเขาต้องถูกคนทั่วหล้าไล่สังหารแน่นอน
เขาร่ายรำดาบออกอย่างสะเปะสะปะ พุ่งเข้าโจมตีเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
องค์ชายสี่ถอนใจคล้ายกับจนปัญญา ระหว่างยกมือขึ้นแสงพลังแดงบังเกิด แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่แสงนับไม่ถ้วน พุ่งโจมตีเส้นเอ็นหวันเหยียนหง
แสงสีแดงหลายสายพุ่งทะลุข้อมือข้อเท้าหวันเหยียนหง
หวันเหยียนหงส่งเสียงร้องอนาถ กระแทกลงพื้นอย่างแรง ตาค้างมองข้อมือข้อเท้าตนเอง เห็นว่าเลือดไหลทะลักออกมา เขาลองยกมือเท้าก็ยกไม่ขึ้น
ตอนนี้ถึงรู้แล้วว่าเอ็นมือเอ็นเท้าของตนขาดเสียแล้ว
เขาสีหน้าซีดเซียว มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเวลานี้จ้องมองเขา เอ่ยเป็นลำดับขั้นตอนว่า “เจ้าต้องการฆ่าเยี่ยนอย่างโหดร้ายเช่นนี้ เยี่ยนอดทนไม่ฆ่าเจ้า เพียงเลือกตัดเอ็นมือเอ็นเท้าเจ้า ให้เจ้ามีชีวิตต่อไป กันมิให้ยอดฝีมือในยุทธภพตามหาตัวเจ้าแล้วพบว่าเจ้าตายแล้ว ไม่อาจคิดบัญชีกับเจ้า ทำให้เจ้าตายไปพร้อมความเสียดาย ดูสิว่าเยี่ยนมีใจเมตตาปานไหน”
หวันเหยียนหงสายตาแตกตื่น ถลึงตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ความจริงเขาอยากบอกว่าตนปรารถนาตายไปพร้อมความเสียดาย จะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนพิการที่ไม่อาจใช้มือเท้า ทุกวันได้แต่นอนรอให้ยอดฝีมือยุทธ์เข่นฆ่า
ส่วนองค์ชายสี่เอ่ยจบแล้ว ก็กล่าวต่อช้าๆ ว่า “ได้ยินว่าจั่วอี้อ๋องแห่งต้ามั่วมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับเจ้า สภาพเจ้าในเวลานี้ เชื่อว่าเขาต้องขอให้ราชาต้ามั่วปลดตำแหน่งเจ้า เจ้าตกจากตำแหน่งโย่วอี้อ๋องเป็นสามัญชน เชื่อว่าจิตใจของเจ้าต้องเปิดกว้างเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“อึก…” หวันเหยียนหงสำลักเลือดออกมาคำหนึ่ง คิดถึงตนถูกไล่ฆ่า ถูกศัตรูทางการเมืองทำร้าย เห็นสีหน้าสะใจของศัตรู ซ้ำยังตกจากตำแหน่งอ๋องอันสูงส่ง ถึงกระทั่งกลายเป็นคนพิการไม่อาจใช้มือเท้าได้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังเอ่ยว่าอะไรอีก จิตใจของเขาจะต้องเปิดกว้าง
ถุย
เห็นสีหน้าอยู่ไม่สู้ตาย โมโหเดือดดาลของหวันเหยียนหง เยี่ยเม่ยอดใจมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้ บุรุษที่ทุกคำพูดของเขาล้วนแทงใจ
อวี้เหว่ยหน้าตาไม่เห็นด้วย เตี้ยนเซี่ยของเขามีชื่อเสียงเป็นปีศาจทรมานจิตใจมนุษย์ ไม่ใช่ได้มาโดยเปล่า
เห็นหวันเหยียนหงถูกทำให้โมโหถึงขั้นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังแทงมีดไปอีกครั้ง เอ่ยเบาๆ ว่า “รู้หรือไม่ว่าไฉนเจ้าถึงพ่ายแพ้ข้าอย่างราบคาบ”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกไป หวันเหยียนหงเบิกตากว้าง มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เขาไม่ยินยอม ราชาดาบวรยุทธ์ล้ำเลิศเช่นนั้น เป็นจอมดาบอันดับหนึ่ง ตนร่ำเรียนท่าไม้ตายเขา ไฉนถึงไม่ใช่คู่มือของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนแม้แต่น้อย ต่อให้สู้ไม่ได้ ก็ไม่สมควรพ่ายแพ้อนาถเช่นนี้
ถัดมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยช้าๆ “ดูจากสายตาอ้อนวอนของเจ้าแล้ว เยี่ยนผู้มีเมตตาจะบอกเจ้าไว้ เพราะว่าหมื่นดาบหนึ่งสะบั้นของเจ้า เป็นแค่รูปลักษณ์ ไม่ใช่ของแท้ เทียบไม่ได้แม้แต่หนึ่งในสิบส่วนของราชาดาบ ในใต้หล้านี้มีพวกโง่เขลา คิดว่าตนสำเร็จเคล็ดวิชาลับเล่มหนึ่งก็เป็นหนึ่งในใต้หล้าแล้ว เสียดายที่ไม่เข้าใจตนเอง ไม่รู้คุณสมบัติของตน ต่อให้มอบเคล็ดวิชาลับให้สักสิบเล่ม สวะยังไงก็เป็นสวะ”
“อึก…” คราวนี้หวันเหยียนหงโมโหจนเป็นลมสิ้นสติ
จะไม่ให้เป็นลมได้อย่างไร เขาวางแผนตั้งนาน ไม่ง่ายเลยถึงวางกับดักเซียวเซ่อหยางได้ เมื่อได้เคล็ดวิชามาหลงคิดว่านับแต่นี้ไปตนจะกลายเป็นราชาดาบแทนเซียวเซ่อหยางได้ อีกทั้งยังระมัดระวังเป็นอย่างมาก เห็นวิชานี้เป็นไพ่ตายของตน
สุดท้ายฟังคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่กี่คำ พูดเสียไม่มีค่าราคาแม้แต่แดงเดียว ซ้ำยังดูแคลนว่าเขาไร้คุณสมบัติ ในช่วงเวลานี้เอง ปีศาจตนนี้ปอกลอกความภาคภูมิของเขาจนหมดสิ้น ทั้งยังเหยียบเขาติดดินอย่างรุนแรง
ทหารต้ามั่วเห็นหวันเหยียนหงเป็นลมไป ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
สายตาป้องกันมองไปที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ส่วนองค์ชายสี่เห็นหวันเหยียนหงเป็นล้มไป หัวเราะหยามเบาๆ หันกลับมองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงน่าฟังนั้นแฝงไปด้วยความเอาใจ “เขาถึงกับนำคนไล่ฆ่าแม่นาง เยี่ยนย่อมให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย ไม่รู้ว่าแม่นางพอใจหรือไม่”
อวี้เหว่ยกลอกตา เมื่อไหร่กันที่เตี้ยนเซี่ยลงมือกับผู้อื่นแล้วไม่ทำให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย? พูดเสียตนเพิ่งทำเป็นครั้งแรกอย่างนั้น
เยี่ยเม่ยฟังแล้วยักไหล่ หันหน้ามองเขา เค้นคำพูดออกมาคำหนึ่ง “ขอบคุณ”
ความจริงหลายวันนี้นางเหนื่อยมาก ต่อสู้มาตลอด ไม่ได้พักผ่อนเท่าไหร่ ต่อให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่นำทัพมาช่วยนาง นางมั่นใจว่าตนสามารถถอยหนีได้ แต่ภายใต้ทหารนับแสนไม่แน่ว่านางอาจจะบาดเจ็บ ดังนั้นคำขอบคุณนี้เป็นสิ่งจำเป็น
เยี่ยเม่ยเอ่ยคำขอบคุณออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มยกมุมปาก รอยยิ้มหล่อเหลายั่วยวนใจคน ถัดมาเขาตวัดสายตามองเหล่าทหารต้ามั่ว ถามว่า “แม่นางปล่อยพวกเขาไปไหม หรือว่าจะฆ่าทิ้งให้สิ้นซาก ไม่ว่าเลือกแบบใด เยี่ยนเต็มใจลงแรงเพื่อแม่นาง”
เมื่อคำนี้เอ่ยออกไป เหล่าทหารต้ามั่วเวลานี้พากันตัวสั่น
เยี่ยเม่ยกอดอก มองทหารเหล่านั้น พูดจริงๆ แล้วนางมาที่นี่ก็เพื่อเซียนเซียนและเด็กๆ พวกนั้น ส่วนเรื่องทวงคืนความยุติธรรมสำเร็จตามประสงค์ไปแล้ว ทหารเหล่านี้ไม่มีความแค้นกับนาง
นางยักไหล่ “ไม่จำเป็น ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขามากนัก”
เหล่าทหารต้ามั่วค่อยคลายใจลง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า มองเหล่าทหารต้ามั่ว เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไปเถอะ แบกโย่วอี้อ๋องของพวกเจ้าไปด้วย บอกกับราชาต้ามั่วว่า ยินดีให้เขาส่งคนใต้บัญชาอีกหลายคนมาประมือกับเยี่ยน การประมือกับโย่วอี้อ๋องในวันนี้ทำให้เยี่ยนได้รับมิตรภาพ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก”
เหล่าทหารต้ามั่วตัวสั่น มองหวันเหยียนหงที่ถูก “ประมือ” จนกลายเป็นคนพิการบนพื้น ฟังคำว่าได้รับมิตรภาพจากปากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอีก นี่คือวิธีการผูกมิตรอย่างนั้นหรือ
พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร แบกหวันเหยียนหงจากไป ล้อเล่นหรือเปล่า โย่วอี้อ๋องผู้มีวรยุทธ์สูงส่งในต้ามั่วยังแพ้ราบคาบขนาดนี้ พวกเขาใครจะกล้าเข้าไปอีก รีบหนีเถอะ
คนต้ามั่วทั้งหมดแตกสลาย ส่วนเหล่าทหารเป่ยเฉินไม่รู้สึกเสียดาย โย่วอี้อ๋องพิการแล้ว เยียลี่ว์ซั่นก็ตายแล้ว ก็ถือเป็นชัยชนะใหญ่หลวง ติดตามองค์ชายสี่แม่ทัพผู้มีความสามารถแข็งแกร่ง ทว่านิสัยแปรปวน ทำอะไรตามใจเป็นแม่ทัพที่ไม่อาจพึ่งพาได้ สามารถทำได้ถึงระดับนี้ พวกเขาก็พอใจแล้ว
ต่อมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองเยี่ยเม่ย ถามด้วยเสียงน่าฟัง “ไม่รู้ว่าวันนี้จะทราบหรือไม่ว่าแม่นางมีนามว่าอันใด”
เยี่ยเม่ยชะงักไปชั่วครู่ มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “เยี่ยเม่ย”
จากนั้นนิ่งไปสักครู่ เสริมว่า “ข้าแซ่ไป๋”
ความจริงแล้วนางไม่รู้ว่าตนแซ่อะไร สี่ปีก่อนถูกลูกพี่เก็บกลับมา นางก็จำเรื่องในอดีตไม่ได้แล้ว แต่คนทั่วไปสมควรมีแซ่ใช่ไหม ลูกพี่แซ่ไป๋ ใช้แซ่ตามลูกพี่ก็ดีเหมือนกัน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า พึงพอใจกับความเป็นมิตรของนางในวันนี้มาก
ดวงตาเขามองนางเจือรอยยิ้ม กล่าวช้าๆ น่าฟัง “เยี่ยนขอแนะนำตนเองสักหน่อย ข้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน องค์ชายสี่แห่งราชสำนักเป่ยเฉิน ข้ามีเงินมาก มีเงินมากมาย อีกทั้งมีอำนาจล้นฟ้า พละกำลังแข็งกล้า เป็นแบบอย่างของสามีที่สมบูรณ์แบบ นับตั้งแต่วันนี้ไปความฝันของข้าคือเป็นคนที่แม่นางเยี่ยเม่ยชื่นชมมากที่สุด ฝันว่าจะเป็นสามีของแม่นางเยี่ยเม่ย ความสนใจของข้าคือเอาใจแม่นางเยี่ยเม่ย”