เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 45
ทันใดนั้นราชาต้ามั่วใจอ่อนยวบราวกับดินเหนียว เอ่ยปาก “เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด มีเรื่องอะไรค่อยๆ พูด”
ลู่หวานหว่านลุกขึ้น ร้องไห้เอ่ยปาก “ท่านข่าน หลานชายของอนุมาขอความช่วยเหลือ ไม่รู้ว่ามีคนสารเลวที่ไหน ไล่ล่าสังหารเขาโดยไม่ฟังคำอธิบาย เวลานี้ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพก็…ทิ้งไว้แต่ข้าและลูกชายเพิ่งคลอด เด็กกำพร้ากับหญิงหม้าย เด็กน้อยน่าสงสารไร้ที่พึ่ง ความแค้นของหลานชายไม่อาจชำระ ไม่สู้หวานหว่านพาบุตรชาย ติดตามท่านแม่ทัพไปก็แล้วกัน”
นางพูดไปก็หันไปคิดจะชนเสากระโจม…
ราชาต้ามั่วรีบยื่นมือจับนางไว้ หนึ่งดึงหนึ่งฉุดลู่หวานหว่านกระแทกเข้ามาในอกของราชาต้ามั่ว
ความอ่อนนุ่มหอมกรุ่นในอก ทำให้หัวใจของราชาต้ามั่วยิ่งอ่อนยวบลงไปใหญ่
ส่วนลู่หวานหว่านไม่ขยับออกมา ฟุบเข้าไปในอก ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
ราชาต้ามั่วลูบบ่านาง ปลอบว่า “เจ้าวางใจ ต่อให้เจ้าไม่พูด ความแค้นของแม่ทัพเยียลี่ว์ซั่น ข้าต้องชำระอย่างแน่นอน ส่วนสตรีที่เจ้าเอ่ยถึงนั้น ในเมื่ออาจหาญบุกเข้ามาในค่ายทหารของต้ามั่ว ซ้ำยังกระทำการสังหารคน ข้าไม่มีทางปล่อยนางไป”
หัวหน้าทหารเห็นภาพนี้ ไม่พูดอะไรออกมา
ในต้ามั่ว บุรุษตายแล้ว บุตรรับภรรยาอนุของบิดาไว้ก็ไม่นับเป็นอะไร การเอาชนะกันระหว่างชนเผ่าก็ยึดเอาสตรีของหัวหน้าเผ่าเป็นเกียรติยศ ดังนั้นท่านข่านรับตัวลู่หวานหว่านไว้ก็ปกติ
ลู่หวานหว่านได้ฟัง พยักใบหน้าเจือน้ำตา “ขอบคุณท่านข่าน”
เวลานี้แม่ทัพผู้หนึ่งของต้ามั่ว เดินเข้ามาจากทิศไม่ไกล
เขาสวมชุดทหาร ชุดคลุมสีดำดูองอาจเกินเปรียบ ทหารต้ามั่วติดตามเขาจำนวนไม่น้อย ล้วนค้อมเอวเคารพ “จั่วอี้อ๋อง”
จั่วอี้อ๋องแห่งต้ามั่วกับโย่วอี้อ๋องหวันเหยียนหง รับขนานนามว่าเป็นมือซ้ายขวาของราชาต้ามั่ว เพียงแต่หลายปีมานี้ไม่มีใครรู้จักชื่อเขา รู้เพียงตำแหน่งของเขาเท่านั้น
หลังจากเขาก้าวเข้ามา คารวะ “ท่านข่าน”
ต้ามั่วอ๋องมองเขา ปล่อยตัวลู่หวานหว่าน นางมองจั่วอี้อ๋อง จากนั้นรีบขยับกายไปด้านหลัง ไม่รู้เพราะอะไร นางแต่งงานมาต้ามั่วตั้งหลายปี ทุกครั้งที่พบจั่วอี้อ๋องล้วนหวาดกลัว
“ลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงของราชาต้ามั่วเคร่งขรึมอยู่บ้าง
จั่วอี้อ๋องยืนขึ้น
ราชาต้ามั่วเอ่ยปาก “จั่วอี้อ๋อง เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้ เจ้าคงรับรู้แล้ว”
จั่วอี้อ๋องพยักหน้า มองราชาต้ามั่ว เงียบไปครู่หนึ่ง “ท่านข่าน กระหม่อมทราบแล้ว เพียงแต่ท่านข่าน กระหม่อมเคยบอกแล้วว่า กระหม่อมยอมช่วยท่านข่านรวบรวมต้ามั่วเป็นหนึ่ง แต่ไม่ยอมบุกโจมตีภาคกลางเพื่อท่านข่าน ดังนั้นเรื่องนี้…”
ราชาต้ามั่วมองศีรษะจั่วอี้อ๋อง น้ำเสียงพลันเข้มขึ้น “จั่วอี้อ๋อง เจ้าสมควรรู้ว่า โย่วอี้อ๋องกับแม่ทัพเยียลี่ว์เกิดเรื่อง คนที่ข้าใช้งานได้มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น”
จั่วอี้อ๋องขมวดคิ้ว “แต่…”
น้ำเสียงของราชาต้ามั่วเข้มลง เรียกชื่อจั่วอี้อ๋อง “เซียวชิน เจ้าอย่าลืม ตอนนั้นเจ้ามีความผิดมหันต์ คนในภาคกลางไล่สังหารเจ้า ตัวข้าให้ที่พำนักพักพิงแก่เจ้า ข้าถึงกระทั่งแก้ไขกฎบรรพชน ให้เจ้าผู้เป็นคนภาคกลางรับตำแหน่งสำคัญในต้ามั่ว หรือว่าเรื่องเหล่านี้มิอาจเปลี่ยนเป็นความภักดีของเจ้าได้”
คำนี้ทำให้ลู่หวานหว่านเหลียวมอง เซียวชิน?
เห็นเซียวชินไม่พูดจา ราชาต้ามั่วเอ่ยต่อ “ข้าขอให้เจ้าช่วยข้าแค่ครั้งเดียว ขอเพียงเจ้าตีชายแดนเป่ยเฉินแตก เรื่องที่เหลือเจ้าไม่ต้องยุ่งอีกแล้ว”
สีหน้าเซียวชินขรึมลง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ได้ เพียงแต่ครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งกระหม่อมหวังว่าท่านข่านจะทำตามความปรารถนาหนึ่งของกระหม่อม”
ราชาต้ามั่วเอ่ย “เจ้าว่ามา”
เซียวชินกล่าวต่อ “กระหม่อมคิดว่า ยามนี้โย่วอี้อ๋องก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว ไม่สามารถรับตำแหน่งต่อไปได้อีก ขอให้ท่านข่านปลดตำแหน่งเขา”
ราชาต้ามั่วครุ่นคิด เอ่ยปาก “ได้”
“ขอบพระทัยท่านข่าน” เซียวชินเอ่ยจบ หมุนกายจากไป
ลู่หวานหว่านมองแผ่นหลังเขา พลันเอ่ยปากว่า “เซียวชิน? จิ่วอี้อ๋องมีนามว่าเซียวชิน?”
ลู่หวานหว่านเอ่ยไป ใบหน้าพลันซีดขาว “หรือเป็นหมอเทวดาเซียวชินที่เมื่อสี่ปีก่อนวางยาลงในแม่น้ำหมิง เข่นฆ่าทหารหนึ่งแสนของเป่ยเฉิน ซ้ำยังฆ่าชาวบ้านไร้ความผิดกว่าสองแสนคน? ไม่สิ ตอนนี้เขาคือหมอปีศาจในสายตาทุกคน ได้ยินว่าที่ก่อเรื่องในปีนั้น ก็เพื่อองค์หญิงแห่งราชวงศ์จงเจิ้งที่สิ้นชีพในแม่น้ำหมิง”
เซียวชินชะงักฝีเท้า หันหลับมามองลู่หวานหว่าน
ดวงตาคมกริบราวใบมีดนั้นทำลู่หวานหว่านตัวสั่น เซียวชินเอ่ยถามเสียงเย็น “นางคือใคร”
ราชาต้ามั่วรีบตอบ “นางคือภรรยาหม้ายของแม่ทัพเยียลี่ว์ซั่น”
ดวงตาของเซียวชินเย็นชา มองไปที่ราชาต้ามั่ว “ท่านข่านสมควรรู้ว่า ข้าไม่ชอบสตรีปากมาก”
ราชาต้ามั่วมองลู่หวานหว่าน จากนั้นมองเซียวชิน เอ่ยปาก “หากนางยังปากมากอีก ข้าจะฆ่านางเสีย”
เซียวชินพยักหน้า หมุนตัวจากไป
ลู่หวานหว่านตกใจจนหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยวาจา…
รอจนเซียวชินจากไป ราชาต้ามั่วมองลู่หวานหว่าน “ความแค้นของเจ้าข้าจะช่วยชำระให้ สตรีที่สังหารหลานชายเจ้าผู้นั้น ข้าจะถลกหนังนางออกมา แต่ในเมื่อเจ้าเดาออกว่าจั่วอี้อ๋องเป็นใคร ก็สมควรรู้ไว้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เจ้าล่วงเกินได้”
ลู่หวานหว่านรีบก้มหน้า “อนุทราบแล้ว ท่านข่าน อนุน้อยมิได้ตั้งใจ อนุ…”
ลู่หวานหว่านเอ่ยไป ท่าทางกังวลหวาดกลัว สะอื้นออกมา
สายตาราชาต้ามั่วอ่อนลง “พอเถอะ อย่าร้องเลย…”
……
สิ้นเสียงอวี้เหว่ย เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรีบถามขึ้น “เสด็จแม่ส่งคนมาจับแม่นางเยี่ยเม่ย? คนเหล่านั้นอยู่ไหนแล้ว”
อวี้เหว่ยเอ่ยปาก “ถึงเจียงโจวแล้ว”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า สั่งการอย่างช้าๆ “เจ้าให้แม่ทัพเฉินทำทหารพันนายไปล้อมเหล่าทหารที่อุกอาจคิดจับแม่นางเยี่ยเม่ย แล้วค่อยกลับมาหาข้า”
“เอ๋?” อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก “หากพวกเขารู้ว่าท่านจะล้อมเขา แล้วหนีไป…?”
องค์ชายสี่ตอบอย่างไม่ใส่ “อย่างนั้นก็ให้พวกเขาหนีไป หนีกลับไปก็ดีท่านแม่จะได้รู้ความต้องการของเยี่ยน เชื่อว่าหากเสด็จเป็นสตรีที่มีสมอง จะไม่ส่งคนมายั่วโมโหบุตรชายกตัญญูของนางอีก”
อวี้เหว่ยกระตุกมุมกปาก “ขอรับ”
เขาไม่เคยได้ยินบุตรกตัญญูคนไหน ใช้คำว่า “สตรีมีสมอง” กับมารดาตัวเอง
เยี่ยเม่ยยืนฟังอยู่ด้านข้าง ไม่ส่งเสียง
อวี้เหว่ยคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เอ่ยปาก “จริงสิ เตี้ยนเซี่ย สามวันก่อนมีคนจับเศษเดนของราชวงศ์จงเจิ้งได้ ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนให้ร้ายท่าน เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันเอ่ยจบ ฝ่าบาทก็สังหารทิ้งแล้ว…”
เยี่ยเม่ยฟังคำพูดของอวี้เหว่ย รู้สึกสมองกระตุก อาการปวดหัวที่คุ้นเคยจู่โจมขึ้นมา
นางจ้องอวี้เหว่ย “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ ราชวงศ์จงเจิ้ง?”
นางฝันเห็นเหตุการณ์นั้นมาตลอด คล้ายได้ยินคำว่าราชวงศ์จงเจิ้งสี่คำนี้ ที่น่าแปลกประหลาดก็คือ เมื่อได้ยินคำนี้ นางพลันรู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งบีบหัวใจอย่างรุนแรง ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
อวี้เหว่ยพยักหน้า “ถูกแล้ว”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นท่าทางผิดปกติของเยี่ยเม่ย ดวงตาสงบกวาดมองนาง ถามขึ้นว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยเป็นอะไร”
เยี่ยเม่ยเงียบอยู่พักหนึ่ง ความรู้สึกไม่สบายหายลงในไม่ช้า นางค่อยๆ สงบใจลง
ในใจรู้สึกว่าตนเองวิตกจริต ไฉนถึงเอาเรื่องในฝันเชื่อมโยงกับความจริงแล้ว นางส่ายหน้า เอ่ยปากว่า “ไม่เป็นไร”
เห็นสีหน้านางเป็นปกติ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ถามต่ออีก
เขาถอนสายตากลับไปมองอวี้เหว่ย เอ่ยอย่างสบายๆ “ในเมื่อเสด็จพ่อฆ่าไปหมดแล้ว เยี่ยนก็ให้อภัยกับคนตายหลายคนที่ใส่ร้ายองค์ชายอย่างข้า คนมีเมตตามักยอมรับคำใส่ร้ายและความเจ็บปวดได้มากกว่าคนทั่วไป นี่เป็นเรื่องที่ข้าเคยชินมาแล้ว”
อวี้เหว่ย “…” คนมีเมตตา…อยู่ที่ไหนกันนะ
อวี้เหว่ยจนคำพูด ยังตอบว่า “ขอรับ”
เพิ่งเอ่ยถึงตรงนี้ ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความร้อนรน มองเยี่ยเม่ย เอ่ยปาก “เตี้ยนเซี่ย นายอำเภอได้ยินว่าราชสำนักส่งผู้ตรวจการทหารมา เขานำคนในครอบครัวมา บอกว่าจะให้ผู้ตรวจการคืนความยุติธรรมให้ และสังหารแม่นางเยี่ยเม่ยที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งยังกล่าวโทษท่านที่ปกป้องแม่นางผู้นั้น”