เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 49
ใต้เท้าทั้งหลายในสถานที่นี้ตกอยู่ในห้วงความสับสน คลื่นลมพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจ แทบจะเผ่นกลับบ้านไปในตอนนี้ จับบุตรชายบุตรสาวขังเข้าห้องมืด สั่งสอนหลักการเป็นคนให้พวกเขา
ส่วนที่นายอำเภอกำลังเคียดแค้นเยี่ยเม่ยในเวลานี้ ในใจไม่ใช่ไม่สำนึก หากเขาเองเลี้ยงลูกดี ใส่ใจเรื่องที่เขากระทำ บุตรชายก็ไม่ตาย ครอบครัวเขาทั้งบ้านก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกวาดตามองเจ้าเมืองหลินทีหนึ่ง สั่งการเสียงเนิบว่า “ไปบ้านนายอำเภอ พาอาจารย์สอนหนังสือไปหลายคนหน่อย ทำตามความต้องการของแม่นางเยี่ยเม่ย สั่งสอนพวกเขาให้ดี เฝ้าให้พวกเขาตั้งใจเล่าเรียน อย่าผิดต่อน้ำใจของแม่นางเยี่ยเม่ย”
เจ้าเมืองหลินรีบพยักหน้า “ขอรับ”
เจ้าเมืองหลินเดินออกไป ใบหน้าของนายอำเภอและฮูหยินน้ำตาน้ำมูกไหลเพราะความหวาดกลัวและเสียใจ เดินติดตามเจ้าเมืองหลินออกไป
หลังจากออกประตูใหญ่แล้ว ฮูหยินนายอำเภอจ้องนายอำเภอตาเขม็งด้วยความโทสะ แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่สามีไร้สามารถ และสายตานี้ทิ่มแทงนายอำเภอได้สำเร็จ
เขายื่นมือออกไป ตบใบหน้าฮูหยินอย่างแรง ตวาดด้วยโทสะ “ล้วนเป็นเพราะเจ้า ล้วนเป็นเพราะเจ้าตามใจจนลูกไร้กฎไร้ระเบียบ ทำร้ายให้เราทั้งครอบครัวตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะเจ้าตามใจเขา มารดารังแกลูก”
นายอำเภอเอ่ยคำนี้ออกมา ฮูหยินนายอำเภอคล้ายไม่ยินยอม จากนั้นนางที่ไม่มีลิ้นพูดไม่ออก ยื่นมืออกไปตบตีกับนายอำเภอ
เจ้าเมืองหลินเห็นสถานการณ์ กลัวจากเบื้องลึกว่าจะไปทำลายอารมณ์ดีของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเยี่ยเม่ยในห้องโถง รีบให้คนลากพวกเขาออกไป
คู่สามีภรรยาที่เดิมนับว่ามีหน้ามีตาในสังคม สุดท้ายตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ คนในโถงดูแล้วถอนใจ ได้แต่คิดว่าหากรู้ว่ามีวันนี้ในอดีตคงไม่ทำแล้ว
ส่วนยามนี้แม่ทัพหลี่เห็นสถานการณ์ ตัวสั่นอยู่ในโถงราวกับตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นกัน
วันนั้นเขาสั่งการสังหารเยี่ยเม่ย เตี้ยนเซี่ยให้โอกาสเขาไปตามหาสตรีนางนี้ ผลคือเขาหาไม่พบ ส่วนเตี้ยนเซี่ยหาคนพบแล้ว วันนี้นายอำเภอถูกจัดการ ไม่รู้ว่าตนเองจะถูกจัดการไปด้วยหรือเปล่า
ผลคือในขณะที่เขากำลังสั่นอยู่นั้น สายตาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนย้ายมาตกอยู่ที่เขา ไม่ช้าก็มองเยี่ยเม่ยอย่างอ่อนโยน เอ่ยเนิบๆ ว่า “วันนั้นเจ้าออกจากเมือง เป็นแม่ทัพหลี่ท่านนี้ สั่งการให้สังหารเจ้า…”
“ตึ่ง” เสียงดังขึ้น แม่ทัพหลี่คุกเข่า
แม่ทัพหลี่น้ำมูกน้ำตาไหลทักที เอ่ยว่า “องค์ชายสี่ แม่นางเยี่ยเม่ยโปรดไว้ชีวิตด้วย วันนั้นข้ากระทำตามคำสั่ง นั่นคือความต้องการของท่านหญิงฉางเล่อ ข้าน้อยเป็นแค่แม่ทัพขั้นสามตัวเล็กๆ ไม่กล้าขัดคำสั่งท่านหญิงฉางเล่อ ข้าน้อย…”
เยี่ยเม่ยเฝ้ามองเขา
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเองก็มองแม่ทัพหลี่ ถามคล้ายไม่ใส่ใจว่า “ความหมายของท่านคือ หากองค์ชายอย่างข้าสั่งการให้เจ้าไปฆ่าคน เจ้าก็จะไปเดี๋ยวนี้ใช่หรือไม่ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นแค่แม่ทัพขั้นสามเท่านั้น คำพูดขององค์ชายอย่างข้า เจ้ากล้าไม่เชื่อฟัง”
แม่ทัพหลี่ชะงักไป ไม่ทันคิดมาก รีบพยักหน้า “ขอรับ ขอบรับ เตี้ยนเซี่ย ขอเพียงเตี้ยนเซี่ยสั่งการคำเดียวให้ข้าน้อยฆ่าใคร ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
เซี่ยโหวเฉินยืนมองแม่ทัพหลี่อยู่ด้านข้าง รู้สึกเห็นใจจากเบื้องลึก คนผู้นี้ตกหลุมพรางแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคลี่ยิ้มอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว เอ่ยว่า “เยี่ยนปลื้มใจกับความภักดีของเจ้า เพราะว่าปลาบปลื้มมาก จึงไม่สั่งให้เจ้าไปสังหารเสด็จพ่อแล้ว อย่างไรก็ถือว่าเป็นอันตรายสำหรับเจ้ามาก และจะเป็นการบ่งบอกว่าเยี่ยนไม่เข้าใจจิตใจคนมากพอ”
แม่ทัพหลี่ “เอ๋?”
สังหารฮ่องเต้? เขาฟังผิดไปหรือไม่? อืม ยังดีที่ไม่ใช่ฝ่าบาท
จากนั้นเขายังไม่ทันคลายใจ น้ำเสียงเบาสบายของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดังขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าไปสังหารซือถูเฉียงแล้วกัน นี่คือคำสั่งของเยี่ยน ในฐานะแม่ทัพขั้นสามผู้หนึ่ง เจ้าต้องเชื่อฟัง ซ้ำต้องปฏิบัติในทันที”
แม่ทัพหลี่สมองกระตุก ท่านหญิงฉางเล่อคือหลานสาวที่ฮองเฮาโปรดปรานมากที่สุด หากสังหารนางเข้าจริง ตัวเองยังเหลือชีวิตอีกหรือ
เขารีบโขกศีรษะ ร้องไห้เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย หากข้าน้อยสังหารองค์หญิงฉางเล่อจริงๆ ต้องตายอย่างไร้ดินกลบหน้าอย่างแน่นอน เตี้ยนเซี่ย”
เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา องค์ชายสี่เพียงหัวเราะเสียงเบา เอ่ยช้าๆ “ดังนั้นเจ้าคิดว่าการสังหารท่านหญิงฉางเล่อจะต้องตายแน่นอน สังหารแม่นางเยี่ยเม่ยจะไม่ตายอย่างนั้นหรือ ชีวิตของแม่นางเยี่ยเม่ย มีค่ามากกว่าซือถูเฉียงเป็นหมื่นเป็นร้อยล้านเท่า ในใจเจ้ายังชั่งน้ำหนักไม่ได้อีกหรือ”
“ตุบ” ยามนี้แม่ทัพหลี่รู้แล้วว่าตนเองก่อเรื่องใหญ่ ขอร้องก็ไร้ประโยชน์
เป่ยเฉินเสียงมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ จากนั้นมองเยี่ยเม่ยอีกครั้ง ถึงเขาจะมีความสนใจในตัวสตรีนางนี้อยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนถึงกับให้ความสำคัญกับนางถึงขั้นนี้
เยี่ยเม่ยเบนหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ไม่อาจไม่พูดว่าสำหรับการปกป้องอย่างโจ่งแจ้งของเขา ทำให้นางรู้สึกดีมาก
ถัดมาเป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองแม่ทัพหลี่ สั่งการว่า “ไป สังหารซือถูเฉียงเจ้าอาจยังเหลือทางรอด ไม่ไปต้องตายโดยมิต้องสงสัย เยี่ยนคาดหวังกับเจ้ามาก เจ้าต้องทำภารกิจให้สำเร็จ”
ยามนี้แม่ทัพหลี่มองไปทางเยี่ยเม่ย หวังเป็นอย่างมากว่านางจะแสดงความเมตตาดั่งสตรีทั่วไป ให้เตี้ยนเซี่ยละเว้นซือถูเฉียง ละเว้นตัวเขา
เยี่ยเม่ยมองดวงตาเขา คิดถึงวันนั้นที่ซือถูเฉียงสั่งการให้สังหารนางก็ช่างเถอะ ซ้ำยังสั่งให้เผาตนทั้งเป็น นางย่อมไม่มีความเห็นใจใดๆ ส่วนแม่ทัพหลี่ผู้นี้…
ในวันนั้นหากมิใช่ความสามารถของนางโดดเด่นก็คงตายไปในค่ายกลธนูของอีกฝ่ายแล้ว นางยิ่งไม่เหลือความใจกว้าง
นางมองกระบี่พระราชทานในมือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยปากเสนอว่า “ไม่สู้ท่านเอากระบี่พระราชทานในมือท่านให้แม่ทัพหลี่ยืม แบบนี้เขาไปสังหารท่านหญิงฉางเล่อก็ราบรื่นขึ้นแล้ว ลดการต่อสู้ระหว่างทหารองครักษ์ กันไม่ให้มีการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น”
นางพูดประโยคนี้ออกมา มุมปากทุกคนพลันกระตุกขึ้น
คำพูดนี้พูดไม่ผิด แม่ทัพหลี่มุ่งไปสังหารท่านหญิงฉางเล่อ องครักษ์ของท่านหญิงฉางเล่อย่อมต้องต่อสู้ถึงที่สุด แต่เมื่อมีกระบี่พระราชทานก็ต่างกัน
แต่ทว่าคนทั้งหมดรู้สึกว่า องค์ชายสี่ปีศาจคนเดียวก็น่ากลัวพอแล้ว สตรีนางนี้มาจากไหนกัน เพิ่มความหวาดกลัวในจิตใจของพวกเขาได้สำเร็จ ถึงกระทั่งเพิ่มเป็นทวีคูณ
องค์ชายสี่ได้ฟัง โยนกระบี่พระราชทานในมือให้แม่ทัพหลี่ทันที ท่าทางตามสบายเช่นนั้น ไม่เหมือนกับการโยนของพระราชทานเลย คล้ายกับโยนของผุพังแล้วก็ไม่ปาน
ถัดมาเขาหัวเราะเสียงอ่อนโยน “ไปเถอะ แม่ทัพหลี่ อย่าทำให้แม่นางเยี่ยเม่ยผิดหวัง เพราะทันทีที่แม่นางเยี่ยเม่ยผิดหวัง เยี่ยนก็จะผิดหวังมาก ยามที่เยี่ยนผิดหวังก็จะชอบทรมานคนที่ทำให้เยี่ยนรู้สึกไม่เหมาะสมมากเป็นพิเศษ ทำให้พวกเขารับรู้ถึงความยากเข็ญของชีวิต ความหมายของเยี่ยน เจ้าเข้าใจหรือไม่”
แม่ทัพหลี่หน้าเศร้า หยิบกระบี่ขึ้นมา “ข้าน้อย…เข้าใจแล้ว”
ในที่ชีวิตเขาไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ใฝ่ฝันว่าสักวันหนึ่งตนจะได้ถือกระบี่พระราชทาน แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือถึงกับได้มาด้วยวิธีนี้ เขาอยากร้องไห้เสียจริง
ในขณะที่เขาโศกเศร้า นายทหารคนหนึ่งพุ่งเข้ามา คุกเข่าสั่งการ “เตี้ยนเซี่ย ท่านเจ้าเมือง จั่วอี้อ๋องแห่งต้ามั่วนำทหารมา บอกว่าจะคิดบัญชีให้กับโย่วอี้อ๋อง เยี่ยลวี่ซั่น ทั้งยังมีแม่นางผู้นั้นบุกค่ายทหาร”
เขาเอ่ยออกมา เยี่ยเม่ยลุกขึ้นมาก่อน
นางขยับแขน เอ่ยเสียงเย็น “ดีมาก ข้ากำลังอยากยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย”