เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 63
“อ้อ?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว ดวงตาสีเขียวเผยไอสังหารกระแสหนึ่ง
อวี้เหว่ยเหลือบตามองใบหน้าด้านข้างของเขา เอ่ยปากอย่างระวังว่า “ข่าวสารจากหน่วยข่าวกรองบอกว่าวันนั้นซือถูเฟิงคิดทำร้ายแม่นางเยี่ยเม่ย บุรุษหนุ่มผู้นั้นชิงกระบี่ซือถูเฟิง ใช้กระบี่จี้คอเขา บีบให้พวกเขาถอยร่นไป!”
คำพูดนี้เอ่ยออกมาได้ง่ายดายนัก
ในวงล้อมของซือถูเฟิง มอบโอกาสให้จิ่วหุนเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว มุมปากคลี่ยิ้มอ่อนโยน ค่อยๆ เอ่ยว่า “ญาติผู้พี่ของเยี่ยนผู้นี้ นับวันยิ่งสร้างความแปลกใจให้เยี่ยนนัก มิน่าวันนั้นเขาถึงนำความเคลื่อนไหวของแม่นางเยี่ยเม่ยมาแจ้ง คาดว่าเขาสังหารแม่นางเยี่ยเม่ยไม่สำเร็จ จึงคิดยืมมือเยี่ยนสังหารนางแทน!”
อวี้เหว่ยฟังแล้ว พยักหน้า “เตี้ยนเซี่ย น่าจะเป็นเช่นนี้จริงๆ!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถอนใจ ลมกระแสหนึ่งพัดเส้นผมยาวทิ้งลงมาจากกวน[1]หยก จอนผมดำขลับกลุ่มหนึ่งถูกพัดปรกหน้า ยิ่งขลับความชั่วร้ายเย้ายวนใจบนใบหน้าเขา
มุมปากเขาค่อยๆ ปรากฎรอยยิ้ม ทว่าชวนให้คนรู้สึกเพียงความชั่วร้ายเต็มเปี่ยมเท่านั้น ประดุจรอยยิ้มปีศาจจากยมโลกมืดมิด น้ำเสียงของเขาผ่อนคลาย เอ่ยแช่มช้าว่า “อวี้เหว่ย เยี่ยนมีเมตตาไปใช่หรือไม่ ญาติผู้พี่วางแผนทำร้ายแม่นางในดวงใจเยี่ยน ทั้งยังคิดยืมมือเยี่ยนสังหารสตรีที่เยี่ยนรักอีก เจ้าว่าโลกใบนี้ไฉนมีคนอำมหิตเช่นนี้”
อวี้เหว่ยก้มหน้า “…” เตี้ยนเซี่ย ไม่ขอปิดบัง ในสายตาคนทั้งโลก ไม่มีใครอำมหิตเท่าท่านอีกแล้ว ส่วนคนที่รู้สึกว่าท่านมีเมตตา ใต้หล้านี้มีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้น
ครั้นเห็นอวี้เหว่ยไม่ตอบ
องค์ชายสี่ถอนใจอีกครั้ง จัดแขนเสื้อยาวของตนด้วยท่วงท่าน่ามอง ค่อยๆ เอ่ยว่า “ต้องเป็นเพราะเยี่ยนไร้เดียงสาเกินไป อุปนิสัยอ่อนแอ อ่อนแอจึงน่ารังแก ญาติผู้พี่ถึงทำร้ายจิตใจเยี่ยนเช่นนี้! ช่างทำให้เยี่ยนรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างสุดซึ้ง เยี่ยนจะต้องตอบแทนเขาให้ดี ทำให้เขาเข้าใจว่าไม่อาจรังแกคนมีเมตตาเช่นนี้!”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย อย่าแกล้งเสียใจไปเลย!” ซ้ำยังเศร้าสลดอย่างสุดซึ้งอีก! ไร้ยางอายไปแล้ว!
ยังมีอีกท่านไร้เดียงสาอ่อนแอถึงขั้นถูกรังแกอยู่ตลอดเป็นเรื่องยามไหนกัน บ่าวไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย หรือเป็นเรื่องชาติปางก่อน บ่าวไม่ทันเข้าอยู่ด้วย ถึงได้ไม่รู้ความ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนปรายตามองเขา เอ่ยไม่ใส่ใจว่า “เจ้ามองความเศร้าสลดของเยี่ยนไม่ออก เพราะหลายปีนี้เยี่ยนถูกพวกเขาสะกดข่มมาตลอด คุ้นเคยกับการกักเก็บความโศกเศร้าไว้สุดใจ รอเจ้าเห็นจุดจบของญาติผู้พี่ เจ้าก็รู้ว่า การกระทำของเขาสร้างบาดแผลสาหัสเท่าไหร่ให้กับเยี่ยน ไฉนยามนี้เยี่ยนถึงได้เสียใจขั้นนี้!”
อวี้เหว่ยอดใจไม่ไหวตำหนิออกมา “คิดจะเอาคืนผู้อื่นก็บอกมาตามตรง ไม่ต้องแต่งเรื่องเหลวไหลมากมายเช่นนี้!”
หลายปีที่ผ่านมาได้รับความกดดัน นั่นไม่ใช่คนรอบกายเตี้ยนเซี่ยทั้งหลายหรอกเหรอ ตอนไหนกันที่เตี้ยนเซี่ยถูกผู้อื่นกดขี่
เขาเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกไป เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า มองอวี้เหว่ยอย่างชื่นชม กล่าว “ไม่เลว ล้วนเป็นวาจาเหลวไหล แต่ว่าทุกคนต่างชอบฟังคำเช่นนี้ไม่ใช่หรือไง เยี่ยนแค่ไหลไปตามกระแส เติมเต็มความต้องการของปุถุชน!”
อวี้เหว่ยเงียบไป ไม่รู้จะต่อปากอย่างไรดี “ก็จริง! เทียบกับที่ท่านเอ่ยอย่างหยาบคายว่าจะจัดการซือถูเฟิง แต่งเรื่องว่าหลายปีมานี้ท่านถูกเขากดขี่รังแก ถึงได้คิดแก้แค้น ภายภาคหน้ายิ่งได้รับความเห็นชอบจากผู้คน!”
“ถูกแล้ว เหตุผลง่ายดายนัก คนส่วนมากชอบฟังคำลวงอันเสแสร้ง แต่ไม่ยินยอมเผชิญความจริงอันโจ่งแจ้ง นี่คือสัจธรรม ช่างน่าขันและเหลวไหลนัก” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนวิจารณ์อย่างสบายอารมณ์ เมื่อสิ้นเสียง เขาก็เอ่ยต่อด้วยเสียงน่าฟังว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ส่งข่าวไปให้เสด็จพ่อเถอะ!”
อวี้เหว่ยค้อมเอว รอฟังคำของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต่อ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกล่าว “ซือถูเฟิงเป็นถึงหนึ่งในแม่ทัพรักษาชายแดน ละเลยหน้าที่โดยมิได้รับอนุญาต หนีจากภารกิจโดยพลการ ตอนนี้ไม่รู้ชัดว่าอยู่ที่ใด เยี่ยนตามหานานแล้ว ก็ไม่ได้ข่าว เขาเป็นทหารหลบหนี ตามกฎหมายเป่ยเฉิน ทหารหนีทัพต้องประหาร หวังว่าเมื่อซือถูเฟิงหนีกลับไปเมืองหลวง เสด็จพ่อจะประหารเขาทันที!”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก
เตี้ยนเซี่ยรู้ทั้งรู้ว่าซือถูเฟิงอยู่ไหน กลับแสร้งเป็นไม่รู้…
เขาก็อับจนคำพูด “เตี้ยนเซี่ย ฝ่าบาทต้องรู้แน่ว่า ท่านรู้ข่าวของซือถูเฟิง คำขอของท่าน…”
“แล้วจะทำไมเล่า” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลอกตามอง เอ่ยเนิบๆ “เสร็จพ่อรู้แล้วเขากล้าไม่ทำตามหรือ ความสามารถถึงเป็นหลักประกันที่เข้มแข็งที่สุด อีกอย่างเยี่ยนบอกไปแล้ว ความจริงนั้นง่ายมาก ผู้คนเพียงต้องการเหตุผลที่ดูดีแต่เปลือกนอก แน่นอนว่าเสด็จพ่อสามารถใคร่ครวญถึงเหตุผลอื่น!”
อวี้เหว่ยเข้าใจแล้ว ความสามารถและอารมณ์ของเตี้ยนเซี่ย ฝ่าบาทล้วนไม่กล้าขัดขืน
อีกทั้งฝ่าบาทยังรู้ด้วยว่าเตี้ยนเซี่ยต้องการเอาชีวิตซือถูเฟิง ส่วนสาเหตุในการฆ่าคืออะไร ความจริงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเตี้ยนเซี่ยจะฆ่าซือถูเฟิง ส่วนเหตุผลทหารหนีทัพ ก็นับเป็นข้ออ้างที่เตี้ยนเซี่ยยกให้กับฝ่าบาทก็เท่านั้น
“ขอรับ! ข้าน้อยจะรีบส่งจดหมายไปเดี๋ยวนี้!”
…
“จวิ้นอ๋องมาถึงชายแดนหลายวันแล้ว แต่พวกเราไม่มีความคืบหน้าเลยสักน้อย ทั้งหาความผิดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้สักน้อย….” เอ่ยถึงตอนนี้เป่ยเฉินเสียงนิ่งไปชั่วครู่
ความจริงความผิดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่น้อย เป็นต้นว่าข่มขู่ผู้ตรวจการทหาร มอบกระบี่พระราชทานให้แม่ทัพหลี่โดยพลการ ทั้งยังออกคำสั่งฆ่าซือถูเฉียง ทุกเรื่องล้วนใช้เป็นความผิดได้ทั้งนั้น
แต่เขาเป็นคนกำเริบเสิบสานไร้กฎหมายเช่นนี้ ต่อให้มอบหลักฐานเอาผิดให้กับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็ไม่อาจทำอะไรเจ้าปีศาจตนนั้นได้
เป่ยเฉินเสียงปรับอารมณ์ของตน เอ่ยต่อ “เป็นเช่นนี้ต่อไป ข้ารู้สึกว่าการมาของพวกเราครั้งนี้นับว่าเสียเปล่าแล้ว!”
เซี่ยโหวเฉินหัวเราะเบาๆ “เตี้ยนเซี่ย ไม่นับว่าเสียเปล่า! อย่างน้อยเรื่องที่ก่อนหน้านี้ท่านให้สองพี่น้องจ้านเทียนลอบสังหารองค์ชายสี่ ดูจากท่าทีของเขาในยามนี้ คล้ายไม่เอามาแก้แค้น อย่างน้อยในวันหน้าท่านก็ไม่หวาดหวั่นอีกต่อไป!”
เขาเอ่ยเช่นนี้ ใบหน้าเป่ยเฉินเสียงบัดเดี๋ยวซีดขาวบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำ ถึงเขาไม่ยอมรับ แต่เขาก็กังวลว่าเมื่อแผนร้ายไม่สำเร็จ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะสังหารเขาจริงๆ ทั้งยังหวาดกลัวอยู่นาน เซี่ยโหวเฉินกล่าวไม่ผิดเลย เพียงออกเอ่ยมาตรงๆ เช่นนี้ ทำให้เขากระอักกระอ่วน
เซี่ยโหวเฉินมองความกระอักกระอ่วนของเขาออก เกลี้ยกล่อม “เตี้ยนเซี่ยมิต้องกังวล ความลำพองของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เพียงแค่เวลาชั่วคราวเท่านั้น เขากำเริบเสิบสาน ล่วงเกินคนมากมาย รอเขากลายเป็นเป้าหมายของทุกคนเมื่อไหร่ เขาย่อมไม่พบจุดจบที่ดี!”
เป่ยเฉินเสียงเลิกคิ้ว มองเซี่ยโหวเฉิน “ความหมายของท่านอ๋องคือ…”
เซี่ยโหวเฉินหัวเราะเบาๆ กระซิบข้างหูเป่ยเฉินเสียงหลายคำ
เป่ยเฉินเสียงยิ่งฟังเรียวคิ้วยิ่งขมวดแน่น กดเสียงต่ำลงเอ่ย “แบบนี้ได้ผลหรือ หากทำร้ายคนผู้นั้น…เรียกว่าเยี่ยเม่ยใช่ไหม ทำลายแผนการที่นางวางไว้กับต้ามั่ว ข้าคิดว่านางจะต้องลงแก้แค้นแน่!”
เซี่ยโหวเฉินเลิกคิ้ว เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เตี้ยนเซี่ยยังกลัวสตรีนางหนึ่งแก้แค้นหรอกหรือ อีกอย่างนางจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้บงการเบื้องหลังคือท่าน”
[1] เครื่องประดับสำหรับครอบมวยผมของจีน