เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 68
ในเมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนคาดการได้ว่ามีคนลอบกัดอยู่เบื้องหลัง มีความมั่นใจถึงขั้นว่าไม่จำเป็นต้องขัดขวางคนชุดดำพวกนั้น เช่นนั้นในใจเขาคงพอรู้ว่าใครเป็นคนทำ
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนมองใบหน้าจริงจังของนาง เขาเก็บท่าทางน่าสงสาร เอ่ยว่า “แม่นางเยี่ยเม่ยเจ้าลองเดาดู”
แววตาเขาแฝงรอยยิ้ม มองเยี่ยเม่ย แสดงออกว่าเยี่ยเม่ยต้องเดาออก
เยี่ยเม่ยชะงักไปชั่วครู่ แค่นคำพูดออกมาสามคำ “เป่ยเฉินเสียง”
ไม่รอให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยปาก เยี่ยเม่ยก็รีบเอ่ยต่อ “เห็นได้ชัดว่า ในราชสำนักเป่ยเฉินมีคนจำนวนไม่มากที่กล้าหาเรื่องท่าน พวกทหารเหล่านั้นเห็นท่านแล้ว ตกใจเสียแทบยืนไม่ติด อย่าได้พูดถึงมาหาเรื่องท่านเลย ดังนั้นคำอธิบายเดียวก็คือเป่ยเฉินเสียง เขาไม่ชอบท่าน ขาดก็แต่ไม่ได้เขียนไว้บนหน้าเท่านั้น ระหว่างพวกท่านมีปัญหาเรื่องบัลลังก์ฮ่องเต้”
เยี่ยเม่ยวิเคราะห์ออกมาอย่างว่องไว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว ดวงตาทอรอยยิ้ม “แม่นางเยี่ยเม่ยวิเคราะห์ไม่ผิดเลย เสด็จพี่ใหญ่เป็นพวกความสามารถไม่พอ โง่เขลาเบาปัญญา จิตใจโหดเ**้ยม ชอบคิดว่าตัวเองฉลาด ดังนั้นเยี่ยนขอแนะนำว่าภายหน้า แม่นางเยี่ยเม่ยอย่าได้ข้องแวะกับเขา พฤติกรรมชั่วร้ายของเขา ไม่คู่ควรจะสนทนากับแม่นางเยี่ยเม่ยสักประโยค”
ระหว่างที่เสนอให้นางอยู่ห่างบุรุษรูปงาม ในขณะเดียวกันเขาก็ถือโอกาสประจบไปด้วย
อวี้เหว่ยที่เพิ่งเดินเข้ามา สีหน้าหมดคำพูด อีกทั้งยังอดกลอกตาไม่ได้
อวี้เหว่ยรู้สึกว่า ช่วงนี้เตี้ยนเซี่ยทำให้ตนแอบกลอกตาไปไม่น้อยแล้ว หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป จะมีสักวันไหมที่ไม่ทันระวังกลอกตาไปแล้ว กลอกกลับมาไม่ได้ เขากังวลจริง…
เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนใช้ได้ พยักหน้าเห็นด้วย “ท่านพูดได้ไม่เลว เขาไม่คู่ควรสนทนากับข้าจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็เป็นพี่ใหญ่ของท่าน ท่านเตรียมต่อกรเขาอย่างไร”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนครุ่นคิดชั่วครู่ มุมปากยิ้มยกอย่างชั่วร้าย เอ่ยด้วยเสียงน่าฟัง “ส่งข้าวสารที่มีพิษนั้นเข้าห้องครัว ห้ามมิให้คนในครัวเอ่ยมากความ จากนั้นส่งไปให้เสด็จพี่ใหญ่กิน แม่นางเยี่ยเม่ยเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”
……
นอกประตูเมือง
ซือหม่าหรุ่ยมองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาแปลกใจ “เจ้ามาได้อย่างไร”
ผู้มาก็คือซินเยว่เยี่ยน
ซินเยว่เยี่ยนสีหน้ายินดี “เจ้ามาแล้ว ข้ามาไม่ได้หรือไง คาดว่าเจ้ามาเพราะเรื่องพี่บุญธรรมเจ้า?”
“ไม่ผิด” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้า “ข้ารอคนอีกคนไปสืบข่าวที่ต้ามั่ว ข้าหลงคิดว่าคนที่มาก่อนจะเป็นจงรั่วปิง คิดไม่ถึงกลับเป็นเจ้า อย่างไรเสียข้าก็ดูออกว่าท่านไม่ชอบพี่บุญธรรม”
สีหน้าซินเยว่เยี่ยนปรากฎความประดักประเดิด ลูบจมูก เอ่ยว่า “ก็เพราะว่าไม่ชอบ ตอนนี้เขาเป็นตายไม่ชัดเจน ยิ่งต้องตามหาเขา เช่นนี้ถึงจะถอนหมั้นได้ กันไม่ให้ผู้อื่นกล่าวหาว่าข้ายังไม่ทันแต่งงาน ก็เป็นดาวพิฆาตเขาตายแล้ว”
ซือหม่าหรุ่ยมุมปากกระตุก ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรชั่วขณะ
ซินเยว่เยี่ยนกลับมองประตูเมืองด้านหลัง “ไฉนเจ้าถึงมาหยุดอยู่ที่นี่ ตามหลักแล้วเจ้ามาถึงก่อน สมควรสืบข่าว ทั้งสมควรสืบข่าวเสร็จแล้วนิ?”
นางเอ่ยออกมาเช่นนี้ ซือหม่าหรุ่ยค่อยอธิบายสาเหตุอย่างละเอียด
ซินเยว่เยี่ยนแตกตื่นจนหน้าซีด “เจ้าพูดถึงจงเจิ้งซีผู้นั้น?”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็รีบเงียบลง ราชวงศ์จงเจิ้งล่มสลายไปแล้ว คนของเป่ยเฉิน ไม่น่าอยากฟังชื่อของคนผู้นี้
ดีที่พวกนางอยู่ห่างไกล พวกองค์รักษ์ไม่ได้ยิน
ซินเยว่เยี่ยนทอดสายตาไปไกล ซือหม่าหรุ่ยตระหนักได้ คนทั้งสองเดินห่างออกไปอีก เพื่อหลบหูตาของเหล่าทหาร
ซือหม่าหรุ่ยสีหน้าเคร่งขรึม “ข้ามักรู้สึกว่าอาซียังไม่ตาย หากนางเป็นอาซีจริง…”
ซินเยว่เยี่ยนพลันหน้าขรึมลง เสียงต่ำเอ่ย “บางทีนางคิดแก้แค้น”
ใครต่างก็ไม่ลืม องค์หญิงที่ในปีนั้นได้รับคำขนานนามว่าเป็น ‘สมบัติล้ำค่าที่สวรรค์ประทานลงมายังโลกมนุษย์’ ก่อนตายนางทิ้งคำสาบานเลือดไว้
แม้กระทั่งฮ่องเต้เป่ยเฉินองค์ปัจจุบัน ในช่วงนั้นยังมักฝันร้าย ถูกคำอาฆาตของนางในปีนั้นทำให้ตกใจตื่น
ทั้งยังมีช่วงหนึ่งนักพรตไม่น้อยล้วนทำนายว่าผู้ทำลายราชวงศ์เป่ยเฉินคือจงเจิ้งซี ทำเอาคนทั้งเมืองหลวงหวาดหวั่น ตามหาศพนางในแม่น้ำ เพราะคำพูดหลอกลวงประชาชนนั้น ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ประหารนักพรตทั้งหลาย
สีหน้าของซือหม่าหรุ่ยโหดเ**้ยม “หากเป็นนางจริง นางอยากล้างแค้น ต่อให้เป็นตายข้าจะติดตามนาง นี่คือสิ่งที่ราชวงศ์เป่ยเฉินติดค้างตระกูลจงเจิ้ง”
ซินเยว่เยี่ยนที่ปกติไม่จริงจัง เวลานี้กลับเคร่งเครียดขึ้นมา “หากนางเป็นจงเจิ้งซีจริงๆ เจ้าไม่อาจเอ่ยออกไป ไม่เช่นนั้นคนของเป่ยเฉิน ต้องไม่ปล่อยนางแน่ ฮ่องเต้ยินยอมสังหารคนผิด ไม่ยอมปล่อยผู้ต้องสงสัยรอดไปสักคนเดียว”
ซือหม่าหรุ่ยชะงักไป ค่อยได้สติ กำหมัดแน่น “เจ้าพูดถูก”
ซินเยว่เยี่ยนลูบคางตน “ทีนี้ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าแม่นางผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ถึงทำให้เจ้าไม่เสียดายทุกสิ่ง ตอนนี้ข้ากำลังขาดแม่นางผู้เพียบพร้อมคนหนึ่ง…”
“เจ้าคิดทำอะไร” ซือหม่าหรุ่ยมองซินเยว่เยี่ยนอย่างป้องกัน “หรือเจ้าไม่ชอบพี่บุญธรรมข้า เพราะเจ้าชอบสตรี?”
ซินเยว่เยี่ยนแทบล้มคะม่ำ “เจ้าคิดอะไรกัน น้องบุญธรรมของข้ากูเยว่อู๋เหิน เจ้าก็รู้เขามีนิสัยสันโดษ ไม่เห็นใครในสายตา ข้าจะช่วยเขาหาแม่นางผู้เพียบพร้อม คลี่คลายปัญหาใหญ่ในชีวิต ไม่ได้แล้ว แม่นางผู้นั้นจะเป็นอาซีของเจ้าหรือไม่ ข้าต้องพบให้ได้”
ซินเยว่เยี่ยนเอ่ย เดินหุนหันเข้าไปในเมือง
ซือหม่าหรุ่ยรีบยื่นมือรั้งนางไว้ “เดี๋ยวก่อน นี่มันยามอะไร หากจะพบพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“ก็ได้” ซินเยว่เยี่ยนตอบรับ แล้วเอ่ยอย่างได้ใจว่า “ข้ามีคัมภีร์ฝึกวรยุทธ์ลับที่ขโมยมาจากอาจารย์ลุงเล่มหนึ่ง หากนางเหมาะสมกับการเป็นน้องสะใภ้ข้า ข้าจะมอบเคล็ดวิชาลับนี้ให้นาง ช่วยให้นางเป็นยอดฝีมือในยุทธจักร ทั้งยังช่วยประจบให้นางรู้สึกดีกับอู๋เหินด้วย”
นี่กลับทำให้ซือหม่าหรุ่ยตกใจ “อาจารย์ลุงที่เจ้าว่า คงไม่ใช่…”
ซินเยว่เยี่ยนกระพริบตาปริบอย่างได้ใจ “ถูกแล้ว”
ซือหม่าหรุ่ยสูดลมหายใจลึก มองอีกฝ่ายอย่างนับถือ “ของของเขาเจ้ายังกล้าขโมย แต่หากแม่นางเยี่ยเม่ยสามารถฝึกเคล็ดวิชาได้สำเร็จจริงๆ จะต้องเป็นยอดฝีมือแห่งยุคแน่นอน”
“ชื่อของนางคือเยี่ยเม่ยหรือ” ซินเยว่เยี่ยนมองซือหม่าหรุ่ย
หมอเทวดาพยักหน้า “ไม่ผิด อย่างน้อยตอนนี้ก็ใช่ พรุ่งนี้นางจะไปต้ามั่ว แลกเปลี่ยนของกับจั่วอี้อ๋อง”
ซินเยว่เยี่ยนวางแผน “เจ้าลองพูดกับนางให้พาข้าไปด้วย ข้าจะดูว่านางมีความสามารถเพียงไหน คู่ควรกับเคล็ดวิชาเล่มนี้ของข้าหรือไม่”
“ได้” ซือหม่าหรุ่ยพยักหน้าตอบตรงไปตรงมา
……
อีกด้านหนึ่ง
เยี่ยเม่ยฟังความเห็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่มีต่อเป่ยเฉินเสียง พยักหน้า ตอบเสียงเย็นชาว่า “ดี”
อย่างไรก็เป็นพี่ชายของเขา เขายังไม่กลัววางยาพิษสังหารเป่ยเฉินเสียง ก็ไม่ถึงคราวให้นางต้องกังวล
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เยี่ยเม่ยกลับลืมเรื่องที่เขาโยนงูพิษไว้บนเตียงนางไปเสียสนิท
พรุ่งนี้ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ นางจามออกมา หมุนกายเตรียมจากไป “ข้าขอตัวไปนอนแล้ว พรุ่งนี้ให้หลูเซียงฮั่วนำข้าวที่เปลี่ยนออกมาไปพบข้า”
คิดไม่ถึงว่า นางเพิ่งก้าวไปได้สองก้าว
น้ำเสียงน่าฟังของเขา ดังมาจากด้านหลังนางอย่างเย้ายวน “เจ้าจะนอนแล้ว คืนนี้แม่นางต้องการเยี่ยนปรนนิบัติด้วยหรือไม่”