เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 78
หลูเซียงฮั่วกลืนน้ำลายเฮือก ปาดเหงื่อเย็นแทนองค์ชายใหญ่
เห็นเงาหลังเยี่ยเม่ยจากไป คนทั้งหมดก็รีบติดตาม
……
หน้าประตูค่ายทหารต้ามั่ว
เซียวชินนำทหารใต้บัญชา รวมถึงลู่หวานหว่านเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ลู่หวานหว่านในยามนี้ ยังอยู่ในอาการไม่อาจสงบสติได้ จนกระทั่งมองเห็นกระโจมของราชาต้ามั่ว นางถึงค่อยวางใจ และสงบลง เกือบจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ
ส่วนเซียวชินกลับไม่มีความคิดไปสนใจอารมณ์ความคิดของอีกฝ่าย เมื่อถึงหน้ากระโจมราชาต้ามั่ว กวาดตามองทหารหน้ากระโจม “ไปรายงาน”
“ขอรับ” องครักษ์รีบหมุนกาย เข้ากระโจมไป
สักพัก ทหารองครักษ์ออกมา เอ่ยว่า “จั่วอี้อ๋อง ท่านข่านเชิญท่านเข้าไปด้านใน”
เซียวชินสาวเท้ากว้างเข้ากระโจมราชาต้ามั่ว
ลู่หวานหว่านยืนนิ่งอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก็ติดตามเข้าไปด้วย
หลังจากเข้าไปแล้ว ราชาต้ามั่วเห็นลู่หวานหว่านกลับมาด้วย สายตาปรากฎแววยินดีสายหนึ่ง สายตาที่มองเซียวชินทวีความพอใจขึ้น “ขุนนางรัก ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่”
“ราบรื่น” เซียวชินผงกหัว แต่สีหน้ายังระแวงดังเดิม ประสานมือ “เพียงแต่ท่านข่าน เรื่องนี้ออกจะราบรื่นเกินไป ยิ่งทำให้กระหม่อมไม่สงบ”
ความจริงเขามองพิรุธอะไรไม่ออกเลย ทว่าสัญชาตญาณทหารของเขา ยังทำให้เขาไม่วางใจอยู่บ้าง
ราชาต้ามั่วนิ่งไปชั่วครู่ มองเซียวชินอย่างใช้ความคิด ไม่เอ่ยวาจาออกมา
กลับเป็นลู่หวานหว่านที่ลอดพ้นจากวิบากกรรม เวลานี้ลำพองใจจนเกินเหตุ เดินมาข้างกายราชาต้ามั่ว เอ่ยปากว่า “ข้าน้อยกลับคิดว่า ความกังวลของท่านข่านและจั่วอี้อ๋อง มีมากเกินไป อย่างไรเสียสตรีนางนั้นไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน ก็เป็นเพียงสตรีที่ไม่เคยนำทัพมาก่อน คนทั่วหล้ายังไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของนางด้วยซ้ำ นางแค่ต้องการแก้แค้นส่วนตัว หาเรื่องจับข้าไปแก้แค้น นางจะมีความสามารถวางแผนการต่อกรกับจั่วอี้อ๋องได้ที่ไหนกัน”
ในขณะที่ลู่หวานหว่านเอ่ยคำนี้ สายตาของนางชม้ายมองเซียวชิน
สตรีในยุคโบราณตกหลุมรักวีรบุรุษได้ง่าย ความร้ายกาจของเซียวชินเช่นนี้ เขาสามารถช่วยเหลือตนกลับมาโดยไม่บาดเจ็บเลยสักน้อย ในใจลู่หวานหว่านย่อมเกิดความรู้สึกดีกับเขา ดังนั้นต่อให้เซียวชินแสดงท่าทีไม่ดีกับนาง แต่นางในเวลานี้อยู่ในอารมณ์ยินดีที่หนีมาได้ เรื่องในอดีตๆ ไม่ซักไซ้เอาความอีกก็ได้
เดิมที เซียวชินก็คร้านจะมองนาง สำหรับคำพูดนี้เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ราชาต้ามั่วฟังจบแล้ว กลับรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง กวาดตามองเซียวชิน “คำพูดนี้ก็หาใช่ไร้เหตุผล นางพูดไม่ผิด สตรีนางนั้นต่อให้ร้ายกาจอีกเพียงใด ก็เป็นแค่สตรี หากมีเพียงวรยุทธ์ ความจริงก็ไม่น่ากังวล”
“แต่นี่ก็คือจุดที่กระหม่อมไม่วางใจ” เซียวชินประสานมือ เอ่ยต่อว่า “วรยุทธ์ของนางสูงมากกระหม่อมชื่นชมกำลังควบคุมพัดนั้น เสียทีที่ไม่อาจมีความสามารถเท่านาง สตรีที่มีความสามารถขั้นนี้ ต่อให้ฉลาดไม่มากพอ ก็ไม่ถึงขั้นโง่เขลา ดังนั้นกระหม่อมคิดว่า เรื่องนี้ไม่อาจชะล่าใจ”
เมื่อคิดถึงฝีมือของเยี่ยเม่ย เซียวชินไม่วางใจจริงๆ
ราชาต้ามั่วพยักหน้า “เจ้าก็พูดไม่ผิด ในโลกนี้ถึงจะมีพวกมีแต่วรยุทธ์ เป็นยอดฝีมือไร้สมองก็จริง แต่ก็ไม่มากนัก ข้าวสารพวกนั้นตรวจสอบแล้วหรือยัง”
“ยัง” เซียวชินส่ายหน้า “พวกเรารีบออกมาก่อน ระหว่างทางก็มิได้ตรวจสอบ พวกเขาเดือดดาลเป็นการณ์ใหญ่ ทว่าไม่ได้ติดตาม บางทีพวกเขาคงเข้าใจว่า คนของพวกเรามีจำนวนมากกว่ามาก หากติดตามมา พวกเขาไม่น่าได้เปรียบอะไร”
ราชาต้ามั่วพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ตรวจสอบดูเสียหน่อย ดูว่ามีปัญหาหรือไม่”
“รับบัญชา”
……
ชายแดนเป่ยเฉิน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสองมือหนุนหลังคอ นอนสบายอารมณ์บนหลังคา ฟังอวี้เหว่ยรายงาน
อวี้เหว่ยเอ่ยปาก “เตี้ยนเซี่ย เมื่อเช้าอาหารพวกนั้นส่งไปถึงองค์ชายใหญ่แล้ว องค์ชายใหญ่ไม่พบพิรุธอะไรทั้งนั้น อาจเรียกว่าไม่สงสัยเลยสักน้อย กินไปแล้ว”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพยักหน้า กลับรู้สึกแปลกใจ “ความโง่งมของเขาครั้งนี้ เหนือกว่าความคาดเดาของข้านัก”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้ ความจริงก็เป็นเช่นนี้ องค์ชายใหญ่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ คนเช่นนี้ทำอะไรก็ระมัดระวังมาก แต่ครั้งนี้องค์ชายใหญ่ไม่ทดสอบพิษในอาหาร ช่างทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ
อวี้เหว่ยใช้ความคิด เสนอว่า “หากมิใช่เพราะองค์ชายใหญ่หลงคิดว่าแผนการเมื่อคืนสำเร็จ ลำพองใจ ลืมตัวไปชั่วครู่ หลังจากยินดีในความสำเร็จแล้ว ก็ถูกพิษ?”
นี่ดูจะเป็นเหตุผลที่เหมาะสมเพียงข้อเดียว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับคัดค้าน ใช้น้ำเสียงน่าฟัง ถามอย่างสบายอารมณ์ว่า “ตายแล้วหรือยัง”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก “ไม่ตาย ตามหมอมาช่วยได้ทัน กอรปกับองค์ชายใหญ่รู้ตัวว่าถูกพิษอะไร ในมือมียาแก้พิษอยู่แล้ว ดังนั้นจึงถอนพิษได้ทัน แต่สุดท้ายร่างกายได้รับความเสียหาย นอนอยู่บนเตียง เคราะห์ดีที่ก่อนออกจากวัง ฝ่าบาททรงให้หมอหลวงที่เก่งกาจที่สุดติดตามมาด้วย”
“อืม” เรื่องนี้ไม่อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถึงเป่ยเฉินเสียงจะมีความสามารถไม่พอ และก็ไม่นับว่าฉลาด แต่ว่าคนข้างกายที่ปกป้องชีวิตเขาได้มีไม่น้อย
อย่างเสียเป่ยเฉินเสียงก็เป็นผู้สืบทอดที่เสด็จพ่อเสด็จแม่ทรงให้ความสำคัญที่สุด เป่ยเฉินเสียเยี่ยนวิจารณ์ว่า “เขามีชีวิตมาได้ถึงวันนี้ ล้วนเพราะเสด็จพ่อเสด็จแม่ตาบอด”
อวี้เหว่ยกระตุกมุมปาก เห็นด้วยจากใจ หากมิใช่เพราะฮ่องเต้กับฮองเฮาตาบอด ให้ความสำคัญกับองค์ชายใหญ่ ปกป้องเขา องค์ชายใหญ่ยังจะมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้หรือ
อวี้เหว่ยเอ่ยต่อ “แต่มีเรื่องน่าแปลกเรื่องหนึ่ง ท่านอ๋องน้อยเซี่ยโหวเก็บข้าวของกลับเมืองหลวงไปแต่เช้าตรู่แล้ว ได้ยินว่าไปอย่างรีบร้อน ไม่แม้กระทั่งบอกกล่าวองค์ชายใหญ่”
เซี่ยโหวเฉินคอยติดตามอยู่ข้างหลังองค์ชายใหญ่ตลอด ทว่าองค์ชายใหญ่โง่งมปานนั้น ย่อมเห็นอีกฝ่ายเป็นสุนัขรับใช้ ทว่าคนฉลาดกลับมองออกว่า เซี่ยโหวเฉินกำลังหลอกใช้องค์ชายใหญ่อยู่ต่างหาก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว ชื่นชมช้าๆ ว่า “รักษาชีวิตไว้ นับว่าเป็นคนฉลาด”
พูดถึงตรงนี้ พลันมีคนชุดดำก้าวเท้ากว้างๆเข้ามา
เมื่อเดินมาถึงเบื้องหน้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยน สีหน้าร้อนรน คุกเข่าเอ่ยว่า “องค์ชายสี่ ไม่ดีแล้ว”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ฟัง เลิกคิ้วขึ้นสูง เอ่ยถามเนิบๆ ว่า “มีเรื่องไม่ดีอันใดกัน เสด็จพี่ใหญ่รวบรวมกำลังทหารในละแวกใกล้เคียง มาแก้แค้นข้า? เสด็จพ่อสั่งให้ทหารไล่สังหารข้า? ซือถูเฟิงหนีกลับไปเมืองหลวงร้องเรียนข้าแล้ว? หรือว่าทหารชายแดนรวมกลุ่มกันก่อกบฏ?”
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก “เตี้ยนเซี่ย ดูท่าท่านเข้าใจตัวเองดีเหลือเกิน”
ด้วยความอาจหาญและการกระทำของเตี้ยนเซี่ย เรื่องที่เตี้ยนเซี่ยเอ่ยถึงเหล่านี้ ถึงไม่เกิดขึ้น แต่ว่าทุกเรื่องก็ล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก
เพียงแต่เตี้ยนเซี่ยหาได้ใส่ใจ คนพวกนี้ก็ไม่มีความสามารถทำอะไรเตี้ยนเซี่ยได้
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่คัดค้านเลยสักน้อย เอ่ยว่า “อวี้เหว่ย เจ้าเห็นแล้ว เรื่องนี้พิสูจน์ว่าเยี่ยนโดดเดี่ยวแค่ไหน ใครๆ ก็คิดรังแก เจ้าว่าหากเยี่ยนกลัดกลุ้มกังวล อ่อนแอ ฟ้องแม่นางเยี่ยเม่ย นางจะสงสารเยี่ยน ให้ความสำคัญกับเยี่ยนมากขึ้นไหม”
เขาเอ่ยเช่นนี้ไป ดวงตาทอประกาย
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก ขอทีเถอะ ต่อให้คนพวกนี้มารวมกัน ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรท่านได้ ยังจะบอกว่าโดดเดี่ยว ใครๆ ก็รังแกอีก
แต่อวี้เหว่ยลูบคาง “แสร้งทำตัวน่าสงสารก็ได้ ท่านน่าลองดูจริงๆ”
คนชุดดำยืนปาดเหงื่ออยู่ด้านข้าง มองพวกเขาสองคนทำเหมือนไม่มีตนอยู่ ทว่าในใจเขารู้ว่า หากเรื่องราวเป็นไปดั่งที่เตี้ยนเซี่ยคาดเดา เตี่ยนเซี่ยก็คงไม่ใส่ใจ ก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ความจริงคือ…
เขาเอ่ยอย่างใจกล้า “เตี้ยนเซี่ย คือว่า พวกเราได้รับข่าวว่า องค์ชายใหญ่รวบรวมทหาร ไปสังหารแม่นางเยี่ยเม่ย”