เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 79
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว หว่างคิ้วปรากฎโทสะยากปิดบัง
ยังมีความกระหายเลือด เขากวาดตามองชายชุดดำ ถามอ่อนโยน “คนที่เขาส่งไป ออกเดินทางแล้วหรือยัง”
ชายชุดดำรีบตอบ “ทูลเตี้ยนเซี่ย เนื่องจากองค์ชายใหญ่เคลื่อนย้ายกำลังพลจากค่ายทหารอื่น เคลื่อนไหวอย่างลับๆ ดังนั้นหลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้ว พวกข้าถึงค่อยรับทราบ”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟัง ในดวงตาสีเขียวฉายลำแสงมารสีแดงออกมา ชวนให้คนหวาดกลัวอย่างมาก
คนชุดดำมองสีหน้าของเขาไม่ปกติ รีบรายงานต่อว่า “แต่ว่าคนพวกนั้นทำอะไรแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ได้ หลังจากพวกเขาล้อมแม่นางเยี่ยเม่ยไว้ ก็ถูกแม่นางเยี่ยเม่ย…ทำให้ตกใจหนีไปแล้ว?”
จะนับว่าตกใจจจนหนีไปก็ไม่ผิดกระมัง?
สังหารคนไปสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ล้วนหนีไปจนหมดสิ้น ทั้งแต่ละคนอยู่ในอาการเหมือนปวดเบามากจนอั้นไม่อยู่ พร้อมปล่อยราดออกมาในระหว่างทางได้ทุกเมื่อ
อวี้เหว่ยกลับไม่แปลกใจเลยสักน้อย กล่าว “เตี้ยนเซี่ย ความจริงท่านไม่ต้องกังวล ความสามารถของแม่นางท่านนั้น ยากที่จะเสียเปรียบ”
เมื่อคิดถึงว่าหลังจากที่พวกเขาพบเยี่ยเม่ย สตรีนางนั้นทำเรื่องอะไรลงไปบ้าง
ทำร้ายท่านหญิง หนีออกจากทัพทหารพันคน ช่วยชีวิตเด็กหลายคน สังหารคนสี่คน ซ้ำยังถล่มที่ว่าการอำเภอ บุกค่ายทหารต้ามั่วสังหารคน แต่ละเรื่องดูอย่างไรก็ไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งนั้น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังคำพูดของอวี้เหว่ย กลับรู้สึกเห็นด้วยมาก เขากวาดตามองอวี้เหว่ย ค่อยๆ กล่าวว่า “เจ้าพูดก็ถูก ความสามารถของแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ดาษดื่น ไม่เป็นรองใคร คนธรรมดาไม่อาจทำร้ายนางได้แน่นอน ยามนี้องค์ชายใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง เยี่ยนคิดไปแสดงความห่วงใยเขาสักหน่อย”
อวี้เหว่ยรีบเอ่ยทันที “องค์ชายใหญ่ถูกพิษ ยังนอนอยู่ในห้อง”
พูดจบแล้ว อวี้เหว่ยชะงักไปเล็กน้อย กล่าวต่อ “จริงสิเตี้ยนเซี่ย ยามนี้แม่นางผู้นั้นไม่อยู่ ท่านไม่ต้องคอยประจบอยู่ตลอดเวลา สอพลอไปนางก็ไม่ได้ยิน”
ยังบอกว่าความสามารถของแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ดาษดื่น ไม่เป็นรองใคร?
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว เดินมุ่งไปยังห้องของเป่ยเฉินเสียง เขาเอ่ยด้วยเสียงน่าฟัง “ใครบอกเจ้าว่าข้ากำลังประจบ นี่คือคำชื่นชมจากใจของเยี่ยน มีเพียงเยี่ยนคอยชื่นชมแม่นางเยี่ยเม่ยอยู่ทุกเวลา นางถึงเข้าใจความจริงใจ ความสัตย์จริง ไม่เสแสร้ง ไม่หลอกลวงของเยี่ยน เข้าใจว่าเยี่ยนเป็นบุรุษรูปงามที่คู่ควรให้เชื่อถือ เป็นสามีดีที่หาได้ยาก”
อวี้เหว่ย “…”
แล้วแต่ท่านเลย
อวี้เหว่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเดินไปทางห้องของเป่ยเฉินเสียง ก็ไม่พูดอะไรอีก รีบติดตามไป…
……
ในห้องเป่ยเฉินเสียง
ไม่รู้เพราะเหตุใด นับตั้งแต่ได้ฟังว่าเซี่ยโหวเฉินจากไปโดยไม่ลาเขาสักคำเลย ในใจเขาเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี คล้ายมีเมฆครึ้มปกคลุม
เรื่องนี้ทำให้เขาประหวั่นหวาดไม่สงบ
ในขณะนี้เอง พลันมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากภายนอก
ไม่ช้า องครักษ์ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน เอ่ยปากรายงาน “องค์ชายใหญ่ ไม่ดีแล้ว องค์ชายสี่มา”
เขายังพูดไม่ทันจบ รองเท้าของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ก้าวเข้ามาในห้องเป่ยเฉินเสียงแล้ว
เป่ยเฉินเสียงเงยหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ส่วนในเวลานี้ มุมปากของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอมยิ้มด้วยท่าทางน่ามองราวกับแมวเปอร์เซีย ตวัดสายตามององครักษ์ข้างกายเป่ยเฉินเสียง เขายกมือขึ้น กำลังภายในในมือก่อตัว เกิดแรงดึงดูดมหาศาล ดึงคอของอีกฝ่ายเข้ามาในมือ
ต่อหน้าเป่ยเฉินเสียง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนถามองครักษ์ผู้นั้นเสียงอ่อนโยน “ไม่ดีแล้ว? เยี่ยนเป็นน้องชาย มาเยี่ยมแสดงความห่วงใยเสด็จพี่ใหญ่ ไฉนเจ้าถึงบอกว่าไม่ดีแล้ว เจ้าใช้จิตใจมืดมิดของเจ้า ประเมินเยี่ยนไปในทางเลวร้าย?”
ยามนี้คอขององครักษ์อยู่ในมือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เดิมทีเขาก็กลัวแทบตายอยู่แล้ว เวลานี้ได้ฟังคำพูดอีกฝ่าย ก็ยิ่งตกใจจนตัวสั่นเทิ้ม
องครักษ์เอ่ยเสียงสั่น “คือ…ข้าน้อยพลั้งปากไปแล้ว องค์ชายสี่โปรดอภัยด้วย ข้าน้อย…ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ข้าน้อย…”
เป่ยเฉินเสียงเห็นเหตุการณ์ เกิดโทสะอย่างถึงที่สุด
เขาจ้องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน กัดฟันเอ่ย “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ เขาเป็นองครักษ์ของข้า เจ้าไม่อาจวางอำนาจในที่ของข้า บังอาจนัก เจ้าอย่าลืมว่า ข้าเป็นพี่ชายเจ้า”
เป่ยเฉินเสียงหาได้ใส่ใจความเป็นตายขององครักษ์ผู้นั้นอย่างแน่นอน ที่เขาใส่ใจคือเป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลั่นแกล้งองครักษ์ต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ไว้หน้าเขาเลยสักน้อย เขาย่อมเดือดดาล
เมื่อเป่ยเฉินเสียงเอ่ยคำพูดนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับกวาดตามองเขาอย่างสนใจ
ไม่ช้า องค์ชายสี่มององครักษ์ของเป่ยเฉินเสียงอีก เอ่ยเสียงอ่อนโยน “เจ้าได้ยินหรือไม่ เสด็จพี่ใหญ่กำลังขอร้องแทนเจ้า ดูท่าเขาจะห่วงใยเจ้ามาก เห็นแก่หน้าเสด็จพี่ใหญ่ เยี่ยนจะสั่งสอนเจ้าสถานเบา แล้วปล่อยเจ้าไป”
เขาพูดจบ ออกแรง. คอขององครักษ์บิด สิ้นลมไปในบัดดล
ทันทีที่ลงมือก็สังหารคน การกระทำเช่นนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังกล้าบอกว่าสั่งสอนสถานเบาอีก? ไม่ใช่ว่ายังเห็นแก่หน้าเสด็จพี่ของตนหรือไง
เป่ยเฉินเสียงโมโหจนตัวสั่น ชี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เสียงดังสนั่นเอ่ยขึ้น “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เจ้ารังแกคนมากไปแล้ว”
สิ้นเสียงของเขา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนคลายมือออก ศพขององครักษ์ตกลงพื้น จากนั้นเขาเดินเข้าหา เป่ยเฉินเสียงอย่างช้าๆ
ใบหน้าหล่อเหลาชั่วร้ายเจือรอยยิ้มจาง เอ่ยเนิบๆ “รังแกคนเกินไปหรือ ในโลกนี้ผู้เข้มแข็งถึงมีสิทธิ์พูด คนอ่อนแอไม่เพียงแต่ถูกเหยียบย่ำได้อย่างง่ายดายแล้ว มักกลายเป็นเครื่องสังเวยในการแสดงความสามารถที่แท้จริงของผู้เข้มแข็ง เสด็จพี่ใหญ่ ท่านเห็นว่าอย่างไร”
เป่ยเฉินเสียงฟังความหมายแฝงในคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนออกทันที ยามนี้เขาหน้าซีดขาว สายตาสับสน “เจ้าพูดอะไร ข้า…ข้าไม่เข้าใจความหมายของเจ้า”
“ไม่เข้าใจ?” เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ย เดินไปถึงเบื้องหน้าเป่ยเฉินเสียง
เป่ยเฉินเสียงฝืนตัว ลุกขึ้นจากเตียง
คนทั้งสองมองหน้ากัน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มอ่อนโยน เอ่ยช้าๆ “เสด็จพี่ใหญ่สั่งให้ทหารลงมือกับแม่นางเยี่ยเม่ย ก็มิใช่เพราะต้องการแสดงความสามารถหรอกหรือ หากนางกับองครักษ์ของท่านไร้ความสามารถเช่นเดียวกัน ยามนี้นางคงกลายเป็นศพนอนอยู่ข้างทางไปแล้ว เสด็จพี่ใหญ่ ท่านว่าไม่ใช่หรือ”
เป่ยเฉินเสียงสายตาเลิ่กลั่ก ไม่กล้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนพูดไม่ผิด เขาคิดฆ่าเยี่ยเม่ย ทางหนึ่งก็เพราะเขาโมโห อีกทางหนึ่งก็เพื่อสั่งสอนเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ให้น้องชายที่ไม่รู้จักฟ้าดินผู้นี้รู้จักนิสัยของเขาบ้าง
ที่คิดไม่ถึงคือ เรื่องนี้ถูกอีกฝ่ายพบได้ไวเหลือเกิน
เขาหน้าคล้ำ กัดฟันเอ่ย “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว ข้าก็ไม่ต้องเสแสร้งอีก เป่ยเฉินเสียเยี่ยน เจ้าจะเอายังไง เจ้ามาพูดมา”
อย่างไรเรื่องนี้คิดจะหลบเลี่ยงก็เป็นไปไม่ได้แล้ว อย่างนั้นไม่สู้รับไว้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะกล้าทำอะไรเขา
จากนั้น
สิ้นเสียงเขา ก็เห็น เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยกมือ แสงสีแดงเปล่งประกายออกมา
ถัดมา เป่ยเฉินเสียงรู้สึกถึงแรงดูด ยึดร่างเขาไว้อย่างแรง ร่างเขาถูกพลังนั้นยกขึ้นกระแทกคานห้อง จากนั้นตกกระแทกพื้น กระอักเลือดออกมา
เป่ยเฉินเสียงเงยหน้า มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างระแวง “เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไรกัน”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก้าวเข้าประชิดทีละก้าว น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก อ่อนโยนเป็นพิเศษ สีหน้ากลับชั่วร้ายราวปีศาจ “เยี่ยนคิดทำอะไร เยี่ยนเพียงหวังจะเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเสด็จพี่ เสด็จพี่จะได้ไม่รังแกเยี่ยนอีก สัญญากับเยี่ยนได้ไหม”
เมื่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเอ่ยออกไป ก็ยกมือขึ้น ร่างของเป่ยเฉินเสียงถูกพลังของเขายึดกุม กระแทกคานห้องอีกครั้ง