เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 1] - ตอนที่ 8
“ไม่เลว” เยี่ยเม่ยเอ่ยชมขึ้น ขณะนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว
นางเป็นคนเลือกกิน มาตรว่าไม่ใช่นักกิน แต่ก็กินของเลื่องชื่อมามิใช่น้อย น้อยครั้งที่จะชมอาหารอร่อยออกมาอย่างนี้
ทว่าอาหารโต๊ะนี้ นางรู้สึกปรุงได้ไม่เลวเลย เดิมคิดว่าฝีมือการปรุงอาหารของยุคโบราณห่างชั้นกับปัจจุบัน คิดไม่ถึงว่า ระดับฝีมือในยุคนี้ทิ้งห่างอาหารยุคปัจจุบันไกลลิบถึงขั้นนี้ นางพึงพอใจอย่างที่สุด
เยี่ยเม่ยกินไปได้ครึ่งชั่วยามกว่าถึงอิ่ม นางไม่ใส่ใจว่ามื้อนี้นางกินเพียงคนเดียว ยิ่งไม่สนใจว่าคนอื่นไปที่ไหน
ในเวลานี้เอง เจ้าเมืองหลินสีหน้าร้อนรน วิ่งเข้ามาห้องของเยี่ยเม่ยอย่างหมดหนทาง
เยี่ยเม่ยมองเจ้าเมืองหลินนิ่งๆ เขาสีหน้าร้อนรนราวกับมดในกระทะร้อน สีหน้านางนิ่งสงบไม่เปลี่ยน รอให้ผู้อื่นเอ่ยปาก
ในเวลานี้เอง สถานที่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีเสียงข้าวของตกแตกดังสนั่น นั่นคือเสียงเครื่องเคลือบกระแทกพื้นแตกกระจาย
เสียงด่าเลือนรางของซือถูเฉียงดังมาไกลๆ “นางแพศยา สารเลว…”
เสียงนี้มาจากที่ห่างไกล คนในห้องได้ยินชัดเจน เจ้าเมืองหลินหันหน้าไปมองทิศทางที่เสียงส่งมาอย่างระวัง จากนั้นมองเยี่ยเม่ยด้วยความระวังอีก สีหน้ากระอักกระอ่วน
ถัดมาตามด้วยเสียงของแตกดังสนั่นดังอีกครั้ง
เจ้าเมืองหลินตัวสั่นเทิ้ม เดินมาเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย เอ่ยเสียงสั่นว่า “แม่นาง…”
เยี่ยเม่ยยกมือขึ้น หลับตาฟังครู่หนึ่ง จ้องเจ้าเมืองหลิน ถามเสียงเย็น “รอเดี๋ยวก่อน เสียงที่ดังมาจากข้างนอกนั่นกำลังด่าข้าอยู่ใช่ไหม”
“เอ๋ นี่…” คำถามนี้ถามเอาเจ้าเมืองหลินชะงัก
ท่านหญิงฉางเล่อกำลังก่นด่าแม่นางไม่ผิดแน่ แต่ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วยาม เพราะว่าท่านหญิงซือฉางเล่อหาเรื่องแม่นาง ถึงได้ถูกโยนกระแทกพื้นเกือบเป็นเกือบตาย
เวลานี้เขายังจะกล้าตอบว่า กำลังด่านางหรอกหรือ หากท่านหญิงฉางเล่อถูกตีเพราะเรื่องนี้จะทำอย่างไร
แม่นางผู้นี้ดันเป็นคนที่องค์ชายสี่พามา เขาไม่กล้าล่วงเกินโดยพลการ ส่งทหารมาจับคน
เห็นสีหน้าเจ้าเมืองลำบากใจ เยี่ยเม่ยถอนใจ เสียงเย็นชา “เจ้าก็ได้ยินแล้ว นี่เกิดจากริษยาความเพียบพร้อมของข้า นางกำลังลบหลู่ข้าอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าท่านมาเพื่อให้ข้าขอโทษนาง ขอร้องให้นางอภัย อย่างนั้นท่านก็กลับไปเถอะ”
เห็นแก่ที่นางได้กินอาหารดีมื้อหนึ่ง เยี่ยเม่ยยังเกรงใจเจ้าเมืองหลินผู้เป็นเจ้าบ้านอยู่บ้าง
แต่ก็ถึงขีดจำกัดเท่านี้ ไม่มีมากกว่านี้แล้ว
เจ้าเมืองหลินมุมปากกระตุก มองเยี่ยเม่ยสีหน้าจริงจัง ความจริงเขาอยากบอกว่า ที่ท่านหญิงฉางเล่อริษยาไม่ใช่ความเพียบพร้อมที่ไม่รู้อยู่ตรงไหนของแม่นาง แต่เป็นเพราะการปกป้องที่องค์ชายสี่มีให้นางต่างหาก
แต่คิดๆ ดูจากอารมณ์ของแม่นางผู้นี้คงไม่ดีมาก ตัวเองอย่ารนหาเรื่องจะดีกว่า
เขาเอ่ยเข้าประเด็น “แม่นาง เรื่องเป็นเช่นนี้…ท่านหญิงฉางเล่อเป็นหลานสาวที่ฮองเฮาโปรดปรานมากที่สุด หากว่าท่านล่วงเกินนาง ไม่ส่งผลดีอันใดกับท่านเลย…”
เยี่ยเม่ยถอนใจอีก
หลังจากกินอิ่ม ความอดทนของคนก็เพิ่มมากขึ้นเยอะ ยินยอมสนทนาด้วยหลายประโยค
นางมองเจ้าเมืองหลิน เอ่ยเสียงเย็นชา “เหตุผลที่ท่านพูด ไม่ใช่ข้าไม่เข้าใจ ข้าก็ไม่อยากล่วงเกินนาง ยิ่งไม่อยากล่วงเกินฮองเฮา ดังนั้นยามที่นางใช้กริยาไร้การอบรม ไม่รู้จักมารยาท เย่อหยิ่งยโสสนทนากับข้า ข้าก็พยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองอย่างเต็มที่ อย่างไรข้าก็เป็นยอดคนเหนือโลก อย่าได้ถือสาหาความกับตัวโง่งมที่เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเท้าสักนิ้วของข้า นี่เป็นการลดความสูงส่งของตัวเอง นี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ข้าไม่ลงมือสั่งสอนนางตั้งแต่แรกเช่นกัน ทว่านางไม่รู้จักเก็บงำเอง ข้าถึงถูกบีบให้ลงมือ หรือนี่ก็เป็นความผิดของข้าด้วยเช่นกัน”
เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าตัวเองอดทนมากพอแล้วอย่างแท้จริง
มิฉะนั้นยามที่ท่านหญิงฉางเล่ออ้าปากด่านางว่าแพศยา นางคงจัดการเก็บอีกฝ่ายไปตั้งแต่แรก หากมิใช่เพราะกลัวจะเสียกิริยาทำลายภาพลักษณ์ นางไม่มีทางรอให้อีกฝ่ายชักดาบถึงลงมือ
เจ้าเมืองหลินปากกระตุก เขาไม่ค่อยเข้าใจ เหตุใดใต้หล้าถึงมีแม่นางเช่นนี้ หลงตัวเองเป็นที่สุด ที่แท้เหตุผลหลักก็คือรู้สึกว่าจะลดความสูงสง่าของตัวเองอย่างนั้นหรือ
แต่เรื่องนี้สำคัญใหญ่หลวง เขาได้แต่ปล่อยวางความจนปัญญาในหัวใจ อ้าปากเอ่ยว่า “แต่แม่นาง ท่านหญิงตอนนี้กำลังโกรธ บอกว่าจะต้องเห็นท่านคุกเข่าขอโทษต่อหน้า โขกศีรษะจนเลือดออก นางถึงยอมกินข้าว ไม่อย่างนั้นนางจะอดอาหาร”
เยี่ยเม่ยฟังแล้ว ขมวดคิ้วแน่น
นางมองเจ้าเมืองหลิน ถอนใจอย่างจนปัญญา เกลี้ยกล่อมว่า “อย่างนั้นก็ให้นางอดอาหารไป ดูท่าชะตากำหนดให้นางต้องตาย กำลังคนมิอาจฝืนฟ้าลิขิต ท่านต้องยอมรับความจริง”
เจ้าเมืองหลิน “…”
ความจริงเขาอยากเอ่ยปากด่าคน
เขาสูดลมหายใจลึก บังคับฝืนให้ตนสงบใจ มองเยี่ยเม่ยอย่างรวดเร็ว เอ่ยปาก “แม่นาง อย่างไรปัญหานี้ก็เกิดมาจากท่าน ท่านช่วยหาทางแก้ไขได้หรือไม่”
“ปัญหานี้ไม่ใช่นางหาเรื่องเองหรอกหรือ” เยี่ยเม่ยมองเจ้าเมืองหลินด้วยความฉงน
เจ้าเมืองหลินมุมปากกระตุก รู้สึกว่าจนปัญญาตอบโต้ ได้แต่เอ่ยว่า “แต่แม่นาง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน หากท่านหญิงหิวตาย ฮองเฮาเอาผิดลงมา แม่นางก็อาจถูกโยงไปเกี่ยวด้วย”